
“บางครั้งการทำจะตัดสินใจทำอะไรก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก..
แค่ทำตามสัญชาตญาณตัวเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน”
(มีครั้งที่สองแล้วครั้งที่หนึ่งอยู่ไหนล่ะ? คลิ๊กที่นี่เลยค่ะ)
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางบนรถประจำทางมาทั้งวัน แต่จะให้พักอยู่ที่โรงแรมเฉยๆ ก็ไม่ใช่หยกหน่ะสิคะ บวกด้วยความหิว จึงตัดสินใจลงไปหาอะไรกินและคงจะเดินเล่น(ย่อย)ชมเมืองซะหน่อย
เมื่อท้องอิ่ม หนังตาก็หย่อน ไม่ใช่! พลังงานก็มาค่ะ จึงเริ่มออกเดินไปเรื่อยๆตามถนนหนทาง เลี้ยวซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ตรงบ้าง ข้างทางมีอะไรให้ดูเยอะแยะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่พูดคุยทักทายแม้จะเดินสวนทางกัน ร้านตัดผมผู้ชายที่จะโบกไม้โบกมือให้แม้กระทั่งกำลังยุ่งวุ่นวายกับการตัดหนวดเครา หรือแม้กระทั่งร้านแคะหูข้างถนนที่คนรอคิวเพียบ


แล้วก็พบเจอกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งชื่อ Antor (ชื่อค่อนข้างจำง่าย) เป็นนักศึกษาปี 1 คณะแพทยศาสตร์ที่มหาลัยในเมืองนั้น ผู้ร่วมทางจึงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งพร้อมด้วยผู้ติดตามอยู่ห่างๆ อีกกลุ่มใหญ่ๆ
หลังจากพูดคุยและเดินเล่นด้วยกันสักพัก Antor จึง ชักชวน ให้ไปที่อพาทเมนต์เค้า ก็ไปสิคะ จากการพูดคุยไม่ได้รู้สึกถึงการมีพิษมีภัย นอกเสียจากความเป็นมิตรและจริงใจ ระหว่างทางก็เจองานแฟร์ ลักษณะคล้ายๆงานวัดบ้านเรา มีขายเสื้อผ้า ของใช้ ของเล่น ของกินและขนม ยังมีชิงช้าสวรรค์เล็กๆ และเครื่องเล่นเล็กๆอีก 2-3 เครื่อง ให้บรรยากาศที่คุ้นเคยเหมือนไม่ได้ไปไหนไกลจากประเทศบ้านเกิดเลยค่ะ ซึ่งช่วงที่เดินเที่ยวในงานก็มีคนเข้ามาพูดคุยทักทายอย่างเคย



เมื่อไปถึงที่อพาทเมนต์ของ Antor ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบแชร์กัน มีโถงเข้าส่วนกลาง เพื่อเข้าไปถึงห้องนอนที่แบ่งเป็น 3 ห้องนอนและมีห้องน้ำในตัว มีมุ้งไว้กันยุง มีโต๊ะเล็กๆ ไว้ทำงาน ที่ผนังห้องของ Antor เต็มไปด้วยสูตรคณิต ไม่ว่าจะเป็นแคลคูลัสหรือตรีโกณมิติ หรือตารางธาตุ ที่หยกส่งคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว
เมื่อถึงเวลาร่ำลา Antor ได้เดินมาส่งถึงที่พัก ถ้าพรุ่งนี้พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ไม่มีเรียน เราคงจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน
มีข้อสงสัย คำถาม หรือ อยากแชร์เรื่องเที่ยว คอมเม้นต์ที่ช่องนี้ได้เลยค่ะ