
แหม.. ก็แค่ซื้อของที่ขายบนเครื่องบิน แถมยังเป็น สินค้าดิวตี้ฟรี หรือ สินค้าปลอดภาษี ไม่เห็นจะมีอะไรซับซ้อนเลย มันยังจะมีข้อคิดข้อเตือนใจอะไรนักหนาเนี่ย จริงๆ ก็ไม่น่าจะมีหรอกค่ะ เพราะก็แค่ ซื้อของ Duty Free บนเครื่องบิน ธรรมดาๆ “ถ้าไม่โดนเจ้าหน้าที่สนามบินโยนทิ้ง!” ยังไม่พอ หยกยังยืนเถียงกันอยู่นาน จนเกือบจะตกเครื่องด้วยแน่ะ ดีที่ยังมีสติที่ยอมทิ้งของไป แล้วรีบไปขึ้นเครื่องบิน ไม่เช่นนั้นคงจะได้ซื้อตั๋วเครื่องกลับบ้านใหม่แน่เลยค่ะ

ก่อนที่จะไปฟังเรื่องราวอันปวดใจ เกี่ยวกับ สินค้าดิวตี้ฟรี หรือ สินค้าปลอดภาษี เมื่อยังเมื่อครั้งยังวัยละอ่อน และรู้น้อย (ไร้เดียงสา 555+) ก็ขอแนะนำซีรี่ย์บทความเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกไปต่างประเทศ ที่หยกได้ทำเป็นซีรี่ย์ไว้ ซึ่งอาจจะยาวหน่อย เพราะหยกเขียนแบบละเอียดมาก แต่อ่านง่าย มีทุกขั้นตอน เรียงเป็นข้อๆ พร้อมทั้งคำอธิบาย และ หยกได้แยกเป็นเรื่องๆ ไว้ ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
ตอนเริ่มต้น การเตรียมตัวแพ็คของมาจากบ้าน พวกของเพลวต่างๆ อะไร carry-on ได้ แล้วกระบวนการผ่านเครื่องสแกนล่ะ ต้องเตรียมตัวอย่างไร
ตอนที่ 1 เตรียมตัวในสนามบิน ก็การเตรียมตัวตั้งแต่ตอนอยู่ที่สนามบิน ต้องไปก่อนกี่ชั่วโมง, เช็คอินอย่างไร, การกรอกใบตม., การผ่านตม., เกทอยู่ตรงไหน รวมถึง คำศัพท์ต่างๆ ที่คุณจะได้พบเจอที่สนามบิน เป็นต้น
ตอนที่ 2/1 คำศัพท์บนเครื่องบิน ศัพท์ทั้งหลาย ที่คุณจะได้ยิน และ ได้เห็น เช่น transfer หรือ transit คืออะไร ทำยังไง
ตอนที่ 2/2 บนเครื่องบิน เมื่อเข้าไปในเครื่องบินแล้ว จะปฏิบัติตัวต่างๆ ยังไงบ้าง ลุก นั่ง รัดเข็มขัด เปิด-ปิดโทรศัพท์ตอนไหน ดูหนังอย่างไร แล้วรู้ไหมว่า คุณสามารถขอขนมว่าง หรือ ผลไม้ได้ด้วยนะ
ตอนที่ 2/3 การใช้ห้องน้ำ ข้อควรปฏิบัติ ทริค และ การแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ชักโครกไม่ลง หรือ ส้วมสกปรก
ตอนที่ 2/4 ทำไมเวลาเครื่องบินขึ้น ลง ต้องทำอะไร? ห้ามทำอะไร? และทำไม? โดยหยกทำเป็น check list มาให้ค่ะ พร้อมทั้งคำอธิบาย สิ่งที่ควรทำ และห้ามทำ ว่าด้วยเหตุผลอะไร เพื่อที่จะได้เข้าใจกันอย่างถูกต้อง และนำไปสู่การปฏิบัติที่เคร่งครัด
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปลายปี 2564 – 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ


รูปภาพในบทความนี้เป็นรูปเก่าเมื่อตอนเที่ยวที่แคนาดานะคะ อย่าแปลกใจทำไมดูเด็ก 555+
ประสบการณ์ ซื้อของ Duty Free บนเครื่องบิน กับการถูกทิ้งๆๆๆ
ซื้อของ duty free บนเครื่องบิน หรือ สินค้าปลอดภาษี บนเครื่องบิน ก็เหมือนกับซื้อของ duty free ในสนามบินนั่นแหละค่ะ กฎเกณฑ์ทุกอย่างก็เหมือนกัน แต่เรื่องมันก็มีอยู่ว่า…


-ของฝาก-
เรื่องมันก็มีอยู่ว่าขากลับไทยจากแคนาดา หยกตั้งใจจะซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำจากสับปะรด ที่หยกได้มีโอกาสลิ้มรสแล้ว คือรสชาติมันดีและหอมมาก ทั้งยังแปลกใหม่ ไม่เคยเจอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จนคิดว่าจะเอาไปฝากผู้ใหญ่ที่เคารพ โดยตั้งใจว่าจะไปซื้อที่ดิวตี้ฟรีในสนามบิน ซึ่งก็มีค่ะแต่ทำไมก็ไม่รู้ ในใจตอนนั้นก็ดันคิดขึ้นมาว่า “เอ๊ะ! เค้าว่าให้เหล้า = แช่ง” หยกเลยเปลี่ยนใจไปซื้อคุกกี้ที่ทำจากเมเปิ้ลไซรัปแทน ซึ่งก็เป็นของขึ้นชื่อที่ประเทศแคนาดาเช่นกัน แต่ขณะที่อยู่บนเครื่องก็ยังคงคาใจ คือตั้งใจจะซื้อไอ้เจ้าเครื่องดื่มสับปะรดไม่ใช่เหรอ ของแปลกใหม่ ไม่เหมือนใครดี ส่วนคุกกี้น่ะผู้ใหญ่เค้าคงไม่ทานหรอก ก็คงเสร็จลูกหลานเค้าน่ะสิ

-ซื้อของ Duty Free บนเครื่องบิน-

ประจวบเหมาะกับที่บนเครื่องบินกำลังประกาศขายสินค้าดิวตี้ฟรีพอดิบพอดี ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้เมื่อหยกได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเปิดแคตตาล็อกดูทันทีเลยค่ะ ก็ปรากฏว่ามีสิ่งที่ต้องการ ไม่รีรอจัดไปสองขวดเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะซื้อก็ได้ถามพี่แอร์ไปว่า ” ซื้อของ duty free บนเครื่องบิน แต่จะไปต่อเครื่องที่ญี่ปุ่น จะไม่มีปัญหากับสินค้าตัวนี้ ใช่ไหมคะ? “ ก็ได้คำตอบมาว่าใช่ เลยสบายใจแหละ เพราะคุกกี้ก็จะตกเป็นของหยกไปโดยปริยาย อิอิ ดีใจ

-Duty Free ที่ญี่ปุ่นละลานตามาก-
การต่อเครื่องที่ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่เพลินมากค่ะ ก็สินค้าปลอดภาษีทั้งหลายที่นี่ มากมายละลานตามาก ไม่ว่าจะเป็นขนมกล้วยฮิตฮอตหลากหลายรส ไหนจะคิทแคทชาเขียวอีก ยังมีช็อกโกแลตสดนิ่มๆ และของแพ็คเกจสวยๆ มากมาย จนต้องเสียสตางค์เพียบ แต่ก็ฟิ๊นฟิน ช้อปปิ้งซะมันส์เลย และได้ของเต็มไม้เต็มมือเลยค่ะ (ซึ่งกระเป๋าเดินทางของหยกจะตรงจากแคนาดาเข้าไทยเลยค่ะ)

และด้วยความที่ช้อปเพลินไปหน่อย ก็เลยเหลือเวลาอีกประมาณ 20 นาทีก่อนที่จะถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง (boarding time) ค่ะ เลยต้องรีบบอกลาสิ่งหลอกล่อใจทั้งหลาย แล้วรีบจ้ำไปที่เกททันที แต่ก็จะต้องผ่านเครื่องสแกนก่อนค่ะ เป็นแบบนี้ทุกทีสินะ ยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้า ไหนจะต้องรื้อเจ้าคอมพิวเตอร์ออกมา ไหนจะต้องถอดรองเท้าอีก โอ๊ยย ทั้งปวดเข้าห้องน้ำด้วย



มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปลายปี 2564 – 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
-ผู้ต้องสงสัย-
แต่แล้วไอ้เจ้าเครื่องดื่มสับปะรดได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากปริมาณภาชนะบรรจุมากกว่า 100 มิลลิลิตรค่ะ แต่แหมเรื่องแค่นี้เอง ก็เลยบอกพนักงานเค้าไปว่าซื้อในดิวตี้ฟรีบนเครื่องบินค่ะ พร้อมกับควักใบเสร็จออกมาให้ดู แต่ถามว่าเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นสนใจไหม ไม่เลยค่ะเค้าบอกว่า “ถ้าซื้อในดิวตี้ฟรี ก็จะต้องใส่ในถุงพลาสติกที่ปิดสนิท มีใบเสร็จด้านใน และไม่มีการแกะจนกว่าจะถึงปลายทาง หากแกะปุ๊ปถึงแม้จะมีใบเสร็จมายืนยัน ก็จะไม่ยอมรับว่าเป็นสินค้าในดิวตี้ฟรีอีกต่อไป” ห๊ะ!!



เค้าไม่สน หยกก็ไม่หยุดค่ะ ย้ำเค้าไปอีกว่าซื้อมาจากดิวตี้ฟรีบนเครื่องบินจริงๆ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใส่ลงในถุงพลาสติกให้ นี่ไงใบเสร็จมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ เพราะก่อนซื้อ ก็ได้ถามเจ้าหน้าที่แล้วว่าจะต้องมาต่อเครื่องที่ญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร
-เสียดาย-

หยกก็พยายามอธิบายอยู่นาน แต่แล้วก็ถูกกลบด้วยเสียงพี่ผู้ชายที่เครื่องสแกนถัดไป ที่จำได้ว่าลงมาจากเครื่องลำเดียวกัน คือพี่แกซื้อครีมทาหน้าและเครื่องสำอางที่เป็นของเหลวมากมาย ยี่ห้อดังๆ แพงๆ ทั้งนั้น มากถึง 8 กระปุกเลยเชียว ซึ่งทุกกระปุกก็มีขนาดบรรจุมากกว่า 100 มิลลิลิตร และแล้วหยกก็เจอเพื่อนค่ะ เพียงแต่ราคาสินค้านี่สิ ของพี่แกในระดับไฮเอนด์ ส่วนของหยกน่ะเหรอ ก็กลายเป็นของตามตลาดนัดมือสองไปเลยน่ะสิคะ
-พยายามจนเกือบตกเครื่อง-

ซึ่งขณะนี้ก็เลยเวลาเรียกขึ้นเครื่องมาได้สักพักแล้วค่ะ โดยที่อาเฮียข้างๆ บอกว่าแกได้ตกเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแกจะไม่ยอมเสียสินค้าเหล่านี้ไปด้วย และทางสนามบินจะต้องหาตั๋วเครื่องมาทดแทนที่ทำแกตกเครื่อง เหมือนเรื่องจะไม่จบง่ายๆซะแล้วค่ะ หยกจึงรีบจบ ถึงแม้จะเจ็บเบาๆก็ตาม โดยตัดสินใจปล่อยน้องสับปะรดนั้นไป เพราะดูแล้วยังไงพี่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นก็เซย์โนวอย่างเดียว ไม่แม้แต่จะดูใบเสร็จเลยด้วย แล้วรีบวิ่งไปขึ้นเครื่อง ซึ่งก็ทันค่ะ ขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้ายพอดี๊พอดีเลย 17เสื้อกันฝนก็เอาไม่อยู่จ้า มันส์สุดๆ เปียกกระจายเลย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1).จะไม่ ซื้อของ Duty Free บนเครื่องบิน อีก!

เฮ้ย.. ไม่ใช่สักหน่อย ซื้อก็ได้ค่ะ แต่ต้องมั่นใจว่าเค้าจะใส่ถุงพลาสติกพร้อมใบเสร็จและปิดถุงให้สนิท (กระบวนการเดียวกันกับตอนซื้อของในดิวตี้ฟรีที่สนามบินเลยค่ะ) และเราจะต้องไม่เปิดถุงสินค้านั้น จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง เอาให้สบายใจก็ไปเปิดที่บ้านเลยแล้วกันค่ะ
2).อย่าเชื่อเพราะเขาเป็นครู
หลังจากนั้นมา ระหว่างการท่องเที่ยว หากหยกจะต้องถามคำถามอะไรใครซักคนแล้วล่ะก็ หยกจะถามอย่างน้อยสามคนค่ะ ก็เพื่อความมั่นใจยังไงละคะ ซึ่งบ่อยครั้ง 1 ใน 3 จะให้ข้อมูลที่ผิดพลาด

ใครมีประสบการณ์เด็ดๆ เกี่ยวกับการ ซื้อของ duty free บนเครื่องบิน หรือ ที่สนามบินระหว่างการท่องเที่ยว ก็แชร์มาได้เลยนะคะ