
“เปิดให้จองทริปแล้วค่ะ โดยเปิดให้เดิน ช่วง 1 พ.ย. 63 ถึง 31 ม.ค. 64 ”
จำกัดนักท่องเที่ยว 60 คน/ช่วงสัปดาห์
หากใครกำลังมองหาเส้นทางเดินป่าเจ๋งๆ ท้าทายนิดๆ วิวสวยๆ หลากหลายภูมิประเทศหน่อยๆ ทะเลหมอกเลิศๆ เขาสูงๆ ต้องนี่เลยค่ะ ดอยลังกาหลวง ดอยผาโง้ม ดอยลังกาน้อย ที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ หรือที่รู้จักในชื่อสั้นๆ ดอยลังกา โดนใจขาลุยแน่นอน มือใหม่ถ้าใจกล้า เดินช้าๆ ก็ไปได้เช่นกันค่ะ โดยข้อมูลด้านล่างนี้จะช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งมือใหม่และมือเก่า ให้ได้เก๋าไปพร้อมๆกัน เย้!
- อุทยานแห่งชาติขุนแจ อยู่แห่งหนตำบลใด
- ค่าธรรมเนียมเข้า และ ช่วงเปิด-ปิด และค่าใช้จ่าย สำหรับการเดิน สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง
- วิธีการจอง เพื่อเดินบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง
- ขึ้น สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง ที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ ใช้เวลากี่วัน เดินจากไหนไปไหน ไปทำไม มีกิจกรรมอะไรให้ชม ให้ฟิน ให้ทำ ให้เที่ยวบ้าง
- เรื่องราว ลักษณะเส้นทางเดิน ระยะทาง ระยะเวลาเดิน และ สิ่งอำนวยความสะดวก ในแต่ละจุดมีอะไรบ้าง น้ำดื่ม น้ำกิน มีไหม เอาที่ไหน, ลานกางเต็นท์เป็นแบบไหน กว้างไหม มีกี่จุด, แล้วร้านอาหาร หรือ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำล่ะ
- ทริค ข้อควรรู้ และข้อควรระวัง ระหว่างการเทรค
- การเตรียมพร้อม, สิ่งที่ต้องเตรียม และข้อควรรู้ ก่อนมาเทรค
ทั้งนี้หยกยังมีที่เดินป่า แบบเทรคกิ้งแบบนี้ใกล้ๆ กรุงเทพ สำหรับคนมีเวลาไม่มาก มาแนะนำค่ะ แค่ 2 วัน 1 คืน แต่ก็มันส์ไม่แพ้กัน คือที่ สันหนอกวัว อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี ค่ะ โดยคลิ๊กอ่านได้ที่ลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มนี่เลยค่ะ หรือ หากใครไม่มีเวลาหลายๆวัน แต่อยากไฮกิ้งมันส์ๆแบบวันเดียว ก็มีที่ เขาล้อมหมวก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือ อยากไปแค้มปิ้งกินบรรยากาศทางภาคเหนือ หยกก็มี อุทยานแห่งชาติออบหลวง จ.เชียงใหม่, หรือ จะไปนอนริมน้ำที่ อุทยานแห่งชาติคลองลาน และ อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จ.กำแพงเพชร หรือ จะเป็น อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล จ.ลำปาง – จ.ลำพูน ก็ได้นะคะ

มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ
1. อุทยานแห่งชาติขุนแจ อยู่แห่งหนตำบลใด
อุทยานแห่งชาติขุนแจ อยู่ในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยมีพื้นที่บางส่วนคาบเกี่ยวกับจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำปางด้วยค่ะ มี ดอยลังกาหลวง เป็นดอยที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติ และสูงที่สุดเป็นอันดับ 8 ของภูเขาในประเทศไทย คือ สูง 2,031 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเส้นทางการเดินทั้งหมด ตั้งแต่ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง นั้น อยู่ในเขต จ.เชียงราย นะคะ

ที่ทำการอุทยานแห่งชาติอยู่ติดกับถนนใหญ่ค่ะ มีร้านอาหารและร้านค้าสวัสดิการ (เปิด 08.30 น. – 16.30 น.) อยู่ด้านหน้าเลย จากนั้นไปอีก 200 เมตร ก็จะเจอที่ทำการ, ลานกางเต็นท์ และห้องน้ำห้องอาบน้ำ เดินไปอีก 200 เมตร ก็จะเจออีกลานกางเต็นท์ และห้องน้ำห้องอาบน้ำค่ะ
เส้นทางเดินตามธรรมชาติแบบเทรคกิ้งหลายวัน มี 2 เส้นทางค่ะ คือ ดอยมด เป็นการเดิน 2 วัน 1 คืน เดินไป เดินกลับเส้นทางเดิม และ อีกเส้นทางที่หยกจะกล่าวถึงก็คือ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง

2. ค่าธรรมเนียมเข้า และ ช่วงเปิด-ปิด และค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเดิน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง
- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1 คน ต่อ 1 กลุ่ม ต่อทริป (กลุ่มละไม่เกิน 10 คน) ราคา 2,000 บาท
- ค่าลูกหาบ 1 คน ต่อทริป (ทริป 3 – 4 วัน แล้วแต่จะเดินค่ะ) แบกน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม ราคา 2,000 บาท (หากต้องการลูกหาบ 4 คน ก็ 8,000 บาทค่ะ แบกคนละไม่เกิน 20 กิโลกรัม)
- ค่ามัดจำขยะ 1,000 บาท ต่อ 1 กลุ่ม สำหรับกลุ่มละไม่เกิน 10 คน | 2,000 บาท ต่อ 1 กลุ่ม สำหรับกลุ่มละไม่เกิน 20 คนโดยจะได้ค่ามัดจำคืน หากเก็บรวบรวมขยะระหว่างการแค้มปิ้ง แล้วแพ๊คใส่ถุงส่งกลับไปคืน เมื่อเดินเสร็จ
- ค่ารถไป – กลับ จาก อุทยานแห่งชาติขุนแจ ไปยังจุดเริ่มเดิน ราคา 1,900 บาท ต่อกลุ่ม ไม่เกิน 10 คน (รวมเจ้าหน้าที่นำทาง และ ลูกหาบ ด้วยนะคะ) ส่วนจะใช้รถกี่คันนั้นขึ้นกับจำนวนของและจำนวนคนนะคะ
- ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ 20 บาท ต่อคน
- ค่าพื้นที่กางเต็นท์ 30 บาท ต่อคน
- ค่าประกันภัยการเดินทางกับอุทยานแห่งชาติขุนแจ 60 บาท ต่อคน
ช่วงเปิด-ปิด ของ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ดอยลังกา ใน อุทยานแห่งชาติขุนแจ
โดยการเดิน ศึกษาธรรมชาติเส้นทางนี้ เปิดเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนมกราคม หรือ กุมภาพันธ์ของทุกปีนะคะ แต่จะเปิดปิดวันที่เท่าไหร่นั้น ก็ขึ้นกับสภาพอากาศค่ะ รอฟังประกาศจากอุทยานแห่งชาติขุนแจในแต่ละปีอีกทีนะคะ

3. วิธีการจอง เพื่อเดินบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง

สามารถทำการจองเพื่อขึ้นเดินบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ดอยลังกา เริ่มจาก สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง ได้ที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ
- ทางโทรศัพท์ ที่เบอร์ 053-727369, 084-3665213 และ 086-1959012
- มีการ “จำกัด 60 คน ต่อช่วงสัปดาห์” นะคะ (หยกทำการจองล่วงหน้าเกือบ 3 เดือนเลยค่ะ)
- เลือกวันตามที่เราสะดวกแล้วแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ สามารถเลือกเดิน 3 วัน 2 คืน หรือ 4 วัน 3 คืน ก็ได้ค่ะ หยกแนะนำ 4 วัน 3 คืน จะชิวและฟินกว่าค่ะ
- จากนั้นจะต้องทำการจ่ายค่ามัดจำ 20 % ของราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อกลุ่ม (โดยทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติขุนแจ จะคำนวณค่าใช้จ่ายให้ค่ะ)
4. ขึ้น สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง ที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ ใช้เวลากี่วัน เดินจากไหนไปไหน ไปทำไม มีกิจกรรมอะไรให้ชม ให้ฟิน ให้ทำ ให้เที่ยวบ้าง

4.1) เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ดอยลังกา สามารถใช้เวลา
3 วัน 2 คืน คือ จุดเริ่มเดินที่สถานีเรด้าร์ (เดินผ่านดอยผาโง้ม) – ดอยลังกาหลวง (คืน 1) – ดอยลังกาน้อย (คืน 2) – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง (จุดสิ้นสุด)
หรือ
4 วัน 3 คืน คือ จุดเริ่มเดินที่สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม (คืน 1) – ดอยลังกาหลวง (คืน 2) – ดอยลังกาน้อย (คืน 3) – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง (จุดสิ้นสุด) ก็ได้ค่ะ
ส่วนตัวหยกนั้นเลือกเดินแบบ 4 วัน 3 คืน ค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอแบบใกล้ชิดธรรมชาติ เพลินๆ นานๆ เน้นๆให้อิ่มไปเลยดีกว่าค่ะ
4.2) ควรเริ่มเดินจากไหนดีน้า

ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเริ่มเดินจาก สถานีเรด้าร์ นะคะ โดยสามารถเริ่มเดินจาก หมู่บ้านแม่ตอนหลวง ได้เช่นกันค่ะ
ส่วนใหญ่คนมักจะเริ่มเดินจาก สถานีเรด้าร์ ค่ะ ซึ่งส่วนตัวแล้ว หยกแนะนำให้เดินจากสถานีเรด้าร์เช่นกันค่ะ เพราะช่วงจาก ดอยผาโง้ม ไป ดอนลังกาหลวง นั้น ทางเดินชันมากๆ ชันแบบ 75 – 80 องศาเห็นจะได้ ถ้าเดินขึ้นก็คงจะเหนื่อยหอบธรรมดา แต่ถ้าต้องเดินลงนี่สิ ไม่อยากจะคิดเลยค่ะ คงจะยาก หวาดเสียว และลำบากน่าดู อีกทั้งวันสุดท้าย วิวที่ดอยลังกาน้อยนั้นสวยมากๆ เหมาะสำหรับความทรงจำและความประทับใจที่ดีในการปิดทริปอย่างสุดๆ

แต่ทางเดินจะยากง่าย จะชันหรือลาดลง หรือ จะเป็นแบบไหน เพื่อนๆสามารถอ่านได้ที่ ข้อ 5 ด้านล่างนี้เลยค่ะ จะได้ทำการตัดสินใจได้ว่าอยากจะเริ่มเดินจากไหนดี
4.3) กิจกรรมที่ทำได้ และสิ่งที่จะได้เห็น

นอกจากจะได้ เทรคกิ้ง เดินป่าต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 3 – 4 วันแล้ว ยังจะได้ ไฮกิ้ง เพื่อเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือ พระอาทิตย์ตก หรือ ไปจุดชมวิว (สามารถคลิ๊กอ่าน ข้อแตกต่างระหว่าง เทรคกิ้ง กับ ไฮกิ้ง ได้ที่ตัวหนังสือสีส้มตรงนี้เลยค่ะ) และ ยังได้ แค้มปิ้ง นอนกางเต็นท์ ทำอาหารทานกันเองอีกด้วยค่ะ ซึ่งพอตกดึก อากาศหนาวๆ เย็นๆ อาจจะมีกิจกรรมสนุกๆ และเพื่ออบอุ่นร่างกายรอบกองไฟกับเพื่อนร่วมทริป สนุก มันส์ไปเลยค่ะ ที่แน่นอน กิจกรรมที่ไม่พลาดกันก็คงเป็น การเล่าเรื่องผี สินะ อิอิ หรือ จะเผา Marsha mallow กินกันเพลินๆ กับช๊อคโกแลตร้อน หรือ โกโก้ร้อน ก็ฟินมากๆ ไม่แพ้กันเลยค่ะ
และก็แน่นอนค่ะว่าสิ่งที่คาดว่าจะได้เห็น ก็ต้องเป็นวิวทะเลหมอก, วิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก, วิวเวิ้งภูเขาเขียวๆ งามๆ ไหลสุดสายตา ทั้งจากจุดพักต่างๆ ระหว่างการเดินทาง และบนจุดยอดของแต่ละดอย, หรือ จะเป็นป่าหมอก ที่มีหมอกลงกระจายหนาแน่นอยู่ตามป่า, หรือ จะเป็นน้ำตก น้ำธรรมชาติจากป่าจากเขา ทั้งนี้ยังได้สัมผัสกับธรรมชาติอันแปลกตา ลักษณะป่าไม้ที่หลากหลาย เขียวขจี สมบูรณ์อย่างแท้จริงอีกด้วยนะคะ

5. เรื่องราว ลักษณะเส้นทางเดิน ระยะทาง ระยะเวลาเดิน และ สิ่งอำนวยความสะดวก ดอยลังกา ในแต่ละจุดมีอะไรบ้าง น้ำดื่ม น้ำกิน มีไหม เอาที่ไหน, ลานกางเต็นท์เป็นแบบไหน กว้างไหม มีกี่จุด, แล้วร้านอาหาร หรือ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำล่ะ
จาก ที่ทำการ อุทยานแห่งชาติขุนแจ ไปจุดเริ่มเดินที่ สถานีเรด้าร์ ด้วยรถยนต์ค่ะ และเนื่องจากการเดินบนเส้นทางนี้ตามจุดต่างๆ นั้น แตกต่างกันไป อีกทั้ง ในแต่ละดอย ยังมีลักษณะและจำนวนลานกางเต็นท์ที่แตกต่างกันค่ะ
โดยที่ระยะเวลาเดินนั้น อิงตามสปีดกาเดินของหยกนะคะ มีพักบ้าง ถ่ายรูปบ้าง โดยหยกแบกกระเป๋าหนักประมาณ 10-12 กิโลกรัม ค่ะ (ขึ้นกับปริมาณน้ำดื่ม) ส่วนระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล และระยะทาง นั้น อิงตามอุปกรณ์จีพีเอสที่หยกพกนะคะ
หยกขอแบ่งรายละเอียดตามการเดินรายวัน ดังนี้

5.1) จุดเริ่มเดินสถานีเรด้าร์ (1,398 เมตร) – ลานกางเต็นท์ดอยผาโง้ม (1,580 เมตร)
ยอดดอยผาโง้ม สูง 1,700 เมตร (จีพีเอสหยกวัดได้ 1,693 เมตร นะคะ)
ที่บอกว่าลานกางเต็นท์ดอยผาโง้ม ก็เพราะว่าที่บนยอดดอยผาโง้มนั้น มีขนาดเล็ก และกางเต็นท์ไม่ได้ค่ะ

-ลักษณะเส้นทางเดิน, ระยะทาง และ ระยะเวลาเดิน-
ทางเดินช่วงแรกเป็นทางเดินราบในป่าค่ะ อาจมีทางชันบ้าง จากนั้นก็จะเป็นทางชันขึ้นยาวไปๆ ถึงแม้ทางจะชันสักหน่อย แต่ก็เดินค่อนข้างสบายค่ะ เพราะเดินในป่า มีร่ม ทางไม่ลื่น แต่อากาศจะออกไปทางร้อนและชื้น แต่หากใครไม่ค่อยจะได้ออกกำลังกายมาก่อน ก็จะรู้สึกเหนื่อยเป็นธรรมดานะคะ ยิ่งหากต้องแบกกระเป๋าเองด้วยแล้วล่ะก็ และหากกระเป๋าแบ็คแพ็คที่ใช่ ออกแบบมาไม่เหมาะกับกิจกรรมที่ทำ หรือเลือกซื้อได้ไม่เหมาะกับคุณแล้ว ก็คงจะแอบทรมานเบาๆนะคะ (หยกแนบ วิธีการเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ให้ได้ใบที่เหมาะกับคุณ มาที่ลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มตรงนี้นะคะ)

ดังนั้นแล้ว คำแนะนำเบาๆ ก็คือ หากรักการเดินป่า และกิจกรรมท่องเที่ยวแบบลุยๆ ทั้งหลายแล้ว พยายามทำการออกกำลังกายให้สม่ำเสมอนะคะ จะได้เที่ยวอย่างสบาย ไม่ใช่เที่ยวอย่างลำบากเนอะ
ระยะทางประมาณ 4.7 กิโลเมตรค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ 2.5 ชั่วโมง
-สิ่งอำนวยความสะดวก-
ลานกางเต็นท์มี 2 บริเวณค่ะ อยู่ริมหน้าผาทางด้านขวามือของทางเดิน อีกบริเวณอยู่ทางด้านซ้ายมือตรงลานโล่งกว้าง ต่ำลงไปสักหน่อย
แหล่งน้ำดื่มตามธรรมชาตินั้น อยู่ห่าง ไปประมาณ 200 เมตร (ขาเดียว) เป็นทางลาดชันลงสักหน่อย เดินไม่ยากค่ะ ลองหาโอกาสลงไปดูนะคะ

ห้องน้ำ ทั้งธุระเบาและธุระหนักก็หามุมดีๆ ห่างไกลสายตาผู้คนตามสบายเลยค่ะ เพียงแต่กรณีธุระหนัก ต้องทำการขุดหลุมให้ลึกพอประมาณ แล้วฝังกลบทั้งธุระของเราและกระดาษชำระให้มิดเลยนะคะ โดยดินบริเวณนี้อาจขุดติดรากต้นไม้ แต่ดินนุ่มค่ะ เลยขุดไม่ยาก
-บนยอดดอยผาโง้มมีอะไร-
ยอดดอยผาโง้ม ห่างจากลานกางเต็นท์ประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะ ทางเดินชันมาก ซึ่งจะเดินในวันรุ่งขึ้น เพราะเป็นทางผ่านไปดอยลังกาหลวงอยู่แล้วค่ะ หยกจึงขอกล่าวถึงรายละเอียดเส้นทางการเดินในข้อ 5.2) นะคะ ด้านบยอดดอยผาโง้มมีขนาดเลก็ค่ะ เป็นจุดชมวิว ที่หยกมองไม่เห็นอะไร เพราะมีแต่หมอกขาวจั๊วไปหมด แต่ด้านบนอากาศดีมาก เหมาะสำหรับการพักเหนื่อย หลังจากเดินบนทางเดินชันๆ อย่าลืมถ่ายรูปกับป้ายบนดอยผาโง้มนะคะ

ดอยผาโง้ม ก็เป็นดอยที่มีผาที่โง้มดังชื่อ โปรดระมัดระวังเรื่องการไปยืนริมๆ เพื่อไปชมวิว หรือ ถ่ายเซลฟี่ ให้มากเป็นพิเศษด้วยนะคะ อันตรายจากการลื่นไถลหรือตกเขาอาจเกิดขึ้นได้ค่ะ
5.2) ลานกางเต็นท์ดอยผาโง้ม (1,580 เมตร) – ลานกางเต็นท์ดอยลังกาหลวง (1,866 เมตร)
ยอดดอยลังกาหลวง สูง 2,031 เมตร (จีพีเอสหยกวัดได้ 2,017 เมตร นะคะ)
ที่บอกว่าลานกางเต็นท์ดอยลังกาหลวง ก็เพราะว่าที่บนยอดดอยลังกาหลวงนั้น มีขนาดเล็ก และกางเต็นท์ไม่ได้ค่ะ

-ลักษณะเส้นทางเดิน, ระยะทาง และ ระยะเวลาเดิน-
ทางเดินจากลานกางเต็นท์ดอยผาโง้ม ไปสู่ ยอดดอยผาโง้ม เป็นทางชันขึ้นอย่างเดียวเลยค่ะ ชันมากๆซะด้วย ประมาณ 75 – 80 องศาเห็นจะได้ค่ะ แต่เดินไม่ยาก เพราะมีการทำร่องเล็กๆ ห่างบ้าง ใกล้บ้าง ตรงทางเดินไว้ให้วางเท้าเพื่อก้าวเดินค่ะ แค่จะเหนื่อยหอบเป็นธรรมดา เพราะเดินขึ้นแบบนี้ประมาณ 40 นาทีเลยเชียว แต่หยกกลับชอบมากเลยค่ะ คือเดินมันส์มากๆ ยิ่งเงยหน้ามองก็ยิ่งสูง ประมาณว่า เฮ้ยย เกมส์ไต่เขายังไม่จบนะเฟ้ย ยิ่งก้มมองต่ำก็ยิ่งอึ้ง ประมาณว่า โวๆๆๆ ตูเดินขึ้นมาได้ไงเนี่ย แต่พอถึงจุดยอดของดอยผาโง้ม ก็ได้พักชมวิว ถึงแม้หมอกจะเยอะ ขาวจั๊วจนมองไม่เห็นอะไร แต่ลมก็พัดเย็นสบาย ทั้งยังได้สูดไอของอากาศที่บริสุทธิ์ ได้เห็นเงาต้นไม้ลางๆ ภายใต้หมอก ก็ฟินไปอีกแบบค่ะ โดยหยกหยุดชมวิวบนดอยผาโง้มนี้ ประมาณ 30 นาที

จากนี้ทางเดินก็ลาดชันลงค่ะ แอบลื่นเบาๆ แล้วก็ลาดลงยาวไปๆเลยค่ะ แต่สักพักก็จะเจอทางชันขึ้น ยาวขึ้นไปๆ สัก 20 นาทีสุดท้าย ช่วงใกล้ๆจะถึงลานกางเต็นท์ดอยลังกาหลวง ก็จะเดินในป่าชื้นๆ ร่มๆ เย็นๆ ทางแคบๆ เปียกๆ (ลื่นๆบางบริเวณ) พอเข้าช่วงนี้ปุ๊ป ป่ารอบข้างก็เปลี่ยนไปแบบทันทีทันใด แทบจะปรับอารมณ์ตามไม่ทัน นี่คือข้อดีอีกข้อของดการเดินป่าเส้นนี้ค่ะ ได้เจอลักษณะของธรรมชาติที่หลากหลาย โดยบริเวณนี้มีมอส มีเฟริ์นเต็มไปหมด ทุกอย่างเขียวขจีสุดๆ ทั้งเปียก ทั้งชื้น ทั้งสดชื่นไปในคราวเดียว บางจุดก็ลื่น เดินเพลินๆ สักพักก็ถึงลานกางเต็นท์ค่ะ
ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3.5 กิโลเมตรค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ 2.5 ชั่วโมง ไม่รวมพักชมวิวที่ดอยผาโง้มอีกประมาณ 30 นาทีนะคะ
-สิ่งอำนวยความสะดวก-
ลานกางเต็นท์มีหลายบริเวณค่ะ ประมาณ 4 – 5 บริเวณได้ เดินเข้าไปเรื่อยๆเลยค่ะ จะให้ลานโล่งกว้างให้เลือกมากมาย มีทั้งแบบติดๆกัน และแบบห่างออกไปสักนิด ให้ได้มีพื้นที่ส่วนตัว ให้ได้เงียบสงบสักหน่อย อยากได้แบบไหน ก็แจ้งคุณพี่เจ้าหน้าที่นำทาง และคุณพี่ลูกหาบให้รีบไปจองให้นะคะ

ป่าแถบนี้มีมอสขึ้นมากมาย อากาศจะหนาวเย็น กลางคืนอาจจะเปียกจากน้ำค้างมากกว่าจุดอื่นหน่อยนะคะ
แหล่งน้ำดื่มตามธรรมชาตินั้น อยู่ห่างไปประมาณ 700 เมตร (ขาเดียว) ค่ะ เหมือนจะไม่ไกล แต่พี่ลูกหาบบอกว่าทางลาดชันมากๆ ถ้าเป็นไปได้ประหยัดให้หน่อยนะครับ หยกเลยไม่มีโอกาสได้ไปดูค่ะ
ห้องน้ำ ทั้งธุระเบาและธุระหนักก็หามุมดีๆ ห่างไกลสายตาผู้คนตามสบายเลยค่ะ หามุมค่อนข้างง่ายค่ะ เพราะอยู่ในป่า ต้นไม้เยอะ เพียงแต่กรณีธุระหนัก ต้องทำการขุดหลุมให้ลึกพอประมาณ แล้วฝังกลบทั้งธุระของเราและกระดาษชำระให้มิดเลยนะคะ โดยดินบริเวณนี้อาจขุดติดรากต้นไม้ไปศะเกือบหมดทุกที แต่ก็พยายามหน่อยนะคะ
-บนยอดดอยลังกาหลวงมีอะไร และเดินไปยังไง ไกลไหม-
ยอดดอยลังกาหลวง เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกค่ะ ทั้งนี้ยังสามารถเห็นวิวภูเขาเขียวๆ มากมาย กว้างไกล ที่ให้ได้สดชื่น และปลาบปลื้มว่าประเทศไทยยังมีพื้นที่สีเขียวหลงเหลืออยู่ โดยที่ใกล้ๆทางไป ยอดดอยลังกาหลวง จะมีทางแยก เลี้ยวซ้ายไปยอดดอยลังกาหลวง หากตรงไปก็จะไปยังอีกจุดชมวิวค่ะ

ตอนหยกไป อากาศไม่ดีค่ะ หมอกขาวเพียบ ทั้งอากาศก็ชื้นมาก น้ำค้างก็เยอะเหลือเกิน หัวนี่เปียกเลยค่ะ อดได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกเลย พอช่วงสายๆ เห็นว่าอากาศเริ่มแจ่ม เลยต้องย้อนกลับไปอีกครั้ง อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว ทะเลหมอกไม่มี อย่างน้อยก็ขอดูวิวสักหน่อยเนอะ

โดยระยะทางไป-กลับ ลานกางเต็นท์ ดอยลังกา หลวง ไป ยอดดอยลังกาหลวง นั้น ประมาณ 5 กิโลเมตรค่ะ ต้องเริ่มเดินขึ้นตอนประมาณตี 5 – ตี 5 ครึ่ง (ทั้งนี้ตรงจสอบเวลาพระอาทิตย์ขึ้นในแต่ละช่วงด้วยนะคะ) เพื่อให้ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น ใช้เวลาเดินขาไปประมาณ 40 นาที ขากลับประมาณ 30 นาที ทางเดินลาดชันสักหน่อย ทั้งยังลื่นจากน้ำค้างอีกด้วย ที่สำคัญอย่าลืมเตรียมไฟฉาย หรือ ไฟฉายคาดศีรษะ ไปด้วยนะคะ เพราะทางเดินนั้นมืดมาก
แต่ช่วงสายๆ ประมาณ 10.30 น. หยกเดินขึ้นไปอีก เพราะเมื่อเช้ามองไม่เห็นอะไรเลย ก็ใช้เวลาน้อยลงค่ะ เพราะทางเริ่มแห้งจากแสงแดด และ ลื่นน้อยลง ขึ้น 25 นาที ลง 20 นาที ค่ะ

5.3) ลานกางเต็นท์ดอยลังกาหลวง (1,866 เมตร) – ลานกางเต็นท์ดอยลังกาน้อย (1,725 เมตร)
ยอดดอยลังกาน้อย สูง 1,921 เมตร

ที่บอกว่าลานกางเต็นท์ดอยลังกาน้อย ก็เพราะว่าที่บนยอดดอยลังกาน้อยนั้น มีขนาดเล็ก และกางเต็นท์ไม่ได้ค่ะ แต่มีลานกางเต็นท์ใกล้ๆ กับยอดดอยลังกาน้อยค่ะ แบบเดินแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว
-ลักษณะเส้นทางเดิน, ระยะทาง และ ระยะเวลาเดิน-

วันนี้เดินไกลที่สุด แต่ก็เดินสบายที่สุดค่ะ โดยทางเดินส่วนใหญ่เป็นทางราบ มีลาดบ้าง ชันบ้าง แต่ก็ไม่มากค่ะ มีทั้งเดินกลางแจ้งแบบแดดๆเลย และเดินในป่านะคะ พอเริ่มเดินมาถึงช่วงกลางแจ้ง แบบแห้งแล้งๆสักหน่อย ก็มองเห็นเต็นท์ไกลๆออกไป บนเขา คือไกลมากกก เห็นแล้วแอบท้อเบาๆ ว่าหนทางยังอีกยาวไกลกว่าจะเดินไปถึง
แต่พอย้อนนึกกลับไปตอนที่ขึ้นยอดดอยลังกาหลวง จุดทางแยกที่จะเดินไปจุดชมวิว ก็มองเห็นยอดดอยลังกาหลวงอยู่ไกลๆเหมือนกัน (ในระดับสายตา) ซึ่งเอาเข้าจริงก็เดินไม่ไกลเลย เลยมาคิดว่าที่เห็นเหมือนไกล แต่เดินตรงอย่างเดียว ไม่ได้อ้อมเขาไปไหน ไม่ได้เดินทางชัน หรือลงเนินใดๆ คงไมได้ไกลอย่างที่คิด ใจก็เลยชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะตอนนี้หิวมากกก แล้วอาหารเที่ยงก็อยู่กับพี่ลูกหาบไง แบบว่านัดกันไว้ว่าจะไปนั่งกินที่น้ำตก


พอถึงน้ำตก ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ ที่ใสพอควร เย็น และ สดชื่นมาก หยกนี่รีบเปลี่ยนกางเกงขาสั้น แล้วกระโจนลงเปียกทั้งตัวเลยค่ะ สบายตัวสุดๆ แต่พอตัวเปียก เสื้อผ้าก็เปียก พอตกเย็น มันก็จะหนาวหน่อยๆ และพอใส่ขอสั้น คุ่นมันก็จะกัดเยอะหน่อย ได้ของที่ระลึกกลับมา ก็แค่เกือบเต็มขาแค่นั้นเอง ตอนที่เขียนบทความอยู่นี้ ก็ยังคันและมีรอยแดงๆ อยู่เต็มขาเลยค่ะ 555+
ระยะทางทั้งหมดประมาณ 5.9 กิโลเมตรค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง
-สิ่งอำนวยความสะดวก-

ลานกางเต็นท์มี 3 บริเวณหลักๆ ค่ะโดยอยู่ห้างจากยอดดอยลังกาน้อย ประมาณ 20 นาที 1 บริเวณ และ อีก 2 บริเวณนั้น อยู่ห่างจากยอดดอยลังหาน้อย แค่ไม่กี่นาทีเองค่ะ โดยมีฝั่งซ้าย และฝั่งขวา นะคะ เค้าว่ากันว่าทั้งสองบริเวณหลังนี้ลมแรง กลางคืนจะหนาวมาก แต่ตอนเย็นและตอนเช้าก็จะสบายหน่อยที่ไม่ต้องเดินไกลไปชมวิว แต่ข้อเสียก็คือห่างไกลจากแหล่งน้ำดื่ม และหาฟืนมาก่อไฟยากสักหน่อย ทีนี้อยากได้แบบไหน ก็แจ้งคุณพี่เจ้าหน้าที่นำทาง และคุณพี่ลูกหาบให้รีบไปจองให้เลยนะคะ
แหล่งน้ำดื่มตามธรรมชาตินั้นเป็นน้ำตกเล็กๆค่ะ สามารถอาบน้ำ ล้างหน้า ล้างตา ก่อนเดินต่อไปลานกางเต็นท์ได้ (จะต้องเดินผ่านน้ำตกนี้อยู่แล้ว หากเดินมาจากดอยลังกาหลวง) อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ที่ 1 ประมาณ 10 นาทีค่ะ (ประมาณ 1 กิโลเมตรนิดๆ ขาเดียวนะคะ) และห่างจากลานกางเต็นท์ที่ 2 และ 3 ประมาณ 30 นาทีค่ะ (ประมาณ 2.5 – 3 กิโลเมตร ขาเดียวนะคะ)

ห้องน้ำ ทั้งธุระเบาและธุระหนักก็หามุมดีๆ ห่างไกลสายตาผู้คนตามสบายเลยค่ะ เพียงแต่กรณีธุระหนัก ต้องทำการขุดหลุมให้ลึกพอประมาณ แล้วฝังกลบทั้งธุระของเราและกระดาษชำระให้มิดเลยนะคะ หยกพักลานกางเต็นท์ด้านบนฝั่งขวามือ พื้นเป็นหินซะส่วนใหญ่ แถมยังเป็นลานโล่งกว้าง ไม่มีต้นไม้บังอีกด้วย เลยหาที่ขุดยากซะหน่อย แต่ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ เหมือนกับได้ผจญภัย หรือ เล่นเกมส์อะไรเบาๆ

-บนยอด ดอยลังกา น้อย มีอะไร-
มีจุดชมวิวสองด้าน ด้านขวาไว้ชมพระอาทิตย์ตก ส่วนด้านซ้าย(ที่สูงกว่า) ไว้ชมพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ โดยที่วิวทางด้านขวานั้นจะสวยมากๆ ภูเขาเรียงตัวสลับกันสวยงาม ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก และวิวภูเขาระหว่างวันนี้ก็สวยมากๆ อิ่มเอม เหมาะสำหรับการปิดทริปเลยค่ะ ฟินสุดๆ


5.4) ลานกางเต็นท์ ดอยลังกา น้อย (1,725 เมตร) – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง (1,100 เมตร)
หมู่บ้านแม่ตอนหลวง คือ จุดสิ้นสุดการเดินค่ะ
-ลักษณะเส้นทางเดิน, ระยะทาง และ ระยะเวลาเดิน-
โอ้วแม่เจ้า! วันนี้เดินลงอย่างเดียวเลยค่ะ เตรียมเข่าให้พร้อมเลยนะคะ ทางเดินช่วงแรกมันส์ค่ะ หยกชอบมากๆๆ คือช่วงลงเขามาจากดอยลังกาน้อยค่ะ ปีนๆ ไต่ๆ ทางเป็นเขาหินแหลมๆ ชันๆ ลาดลงค่ะ แต่ไม่ลื่นนะคะ ฟ้าก็เป็นใจ ใสสวยมาก


พอลงถึงตีนเขาของดอยลังหาน้อย ก็จะเป็นทางราบลาดลงไปเรื่อยๆ มีจุดเนินเขาเรียบๆ ให้ยืนพักชมวิว ให้ได้มองย้อนกลับไปดูยอดเขาดอยลังกาน้อยที่เราพึ่งไต่ลงมา ว่าเรานั้นเก่งกันจริงๆ
จากนั้นก็ลาดลงๆ ยาวๆ ไปจนสุดทางที่หมู่บ้านแม่ตอนหลวงเลยค่ะ ลาดลงยาวมากๆ ทางราบลื่นเพราะมีหินมีกรวดก้อนเล็กๆ เต็มไปหมด เดินระวังๆนะคะ หยกนี่ลื่นล้มไปหลายทีเลยค่ะ 555+
พอลงมาล่างสุด ก็จะเป็นทางราบมีแหล่งน้ำไหลผ่าน เดินข้ามน้ำนั้นไป ก็ให้เลี้ยวซ้ายนะคะ จะเริ่มเดินผ่านไร้ต้นกาแฟ (มันมีทางไปทางซ้ายด้วย แต่ไม่ใช่ทางไปหมู่บ้านแม่ตอนหลวง ตรงจุดสิ้นสุดที่รถของอุทยานแห่งชาติจะมารับนะคะ) ซึ่งเดินมาได้สักพักก็ตะเจอรถของอุทยานแห่งชาติขุนแจ จอดรอไว้แล้วค่ะ
-ที่หมู่บ้านแม่ตอนหลวงมีอะไร-
มี ร้านกาแฟสดเทพเสด็จ ใช้เมล็ดกาแฟของที่นี่เอง รสชาติดี ราคาถูก บางช่วงมีน้ำผึ้งจาดดอกกาแฟด้วย หอม รสเข้ม อร่อยมากจนต้องซื้อน้ำผึ้งกลับไปด้วยเลยค่ะ
หากลงมาเร็ว และมีเวลาก็ให้เดินผ่านไร่กาแฟไปสัก 3 – 5 นาทีค่ะ จากนั้นก็จะเจอสะพานสั้นๆ ข้ามน้ำ ข้ามสะพานนั้นไป แล้วเลี้ยวขวา เดินอีกสัก 1 – 2 นาที ก็จะเจอร้านกาแฟค่ะ มีร้านกาแฟแค่ร้านเดียว ไม่หลงแน่นอนค่ะ (ซึ่งยังไงก็เป็นทางผ่านที่จะต้องขับกลับไปยังอุทยานแห่งชาติขุนแจอยู่แล้ว อาจแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มารับที่นี่ โดยที่ไม่ต้องเดินกลับไปยังจุดจอดรถ)
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
6. ทริค ข้อควรรู้ และข้อควรระวัง ระหว่างการเดินเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง

6.1) คุ่นเยอะมาก กัดทะลุทะลวงกางเกงเลยทีเดียว คันยาวนาน ทั้งยังทิ้งร่องรอยไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย
6.2) ทาก อาจมีช่วงปลายฝน ต้นหนาว โปรดตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ในแต่ละช่วงก่อนไปอีกทีนะคะ หยกไป 8 – 11 ธันวาคม ไม่เจอทากค่ะ
6.3) ทางเดินส่วนใหญ่ต้องเดินผ่านหญ้าที่สูง ระดับเอว หรือระดับหัวไหล่เลยก็มี แนะนำให้ใส่กางเกงขายาว ควรระวังโดนหญ้าบาดแขน ขา หรือ หน้านะคะ

6.4) ทางเดินค่อนข้างชัดเจนค่ะ ไม่ได้มีทางหลายแยกให้หลง แต่เส้นทางส่วนใหญ่จะถูกปกคลุมด้วยหญ้าสูงสักหน่อย ถ้ามองไม่ดี อาจมองไม่เห็นเส้นทางค่ะ แต่พอมองเห็นทางแล้วก็จะรู้ตลอดเลยว่าทางเดินเป็นแบบไหน ทั้งยังมีแผ่นสี่เหลี่ยมสีเหลืองแสดงสัญลักษณ์เส้นทาง ติดที่ต้นไม้ให้ได้สังเกตว่ามาถูกทางอยู่เกือบตลอดทางเลยค่ะ ทีนี้ก็เดินสบาย ไม่หลงค่ะ
6.5) ยามค่ำคืน น้ำค้างเยอะมาก ตื่นมานี่พื้นเปียก นอกเต็นท์ก็เปียก ดังนั้นอย่าวางข้าวของ หรือ รองเท้า ไว้นอกเต็นท์นะคะ ตื่นมาเปียกเฉะแฉะ หงุดหงิดแน่นอนค่ะ
6.6) ทางเดินหลายช่วงทั้งลาดทั้งชัน หากมีไม้ค้ำเดินป่า ก็จะช่วยได้เยอะค่ะ หากไม่มีก็หาไม้แถวๆนั้นได้เช่นกันค่ะ

7. การเตรียมพร้อม, สิ่งที่ต้องเตรียม และข้อควรรู้ ก่อนมาเดินเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ สถานีเรด้าร์ – ดอยผาโง้ม – ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย – หมู่บ้านแม่ตอนหลวง

7.1) ขวดน้ำเปล่าขนาด 6 ลิตร เตรียมไปเยอะหน่อยก็ดีค่ะ พี่ๆลูกหาบจะได้เดินไปเติมน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติทีเดียว ให้มีทั้งพอดื่มสำหรับทุกคนตอนเย็นและไว้ดื่มพรุ่งนี้ตอนเดินย้ายดอย ให้พอทำกับข้าวมื้อเย็นและมื้อเช้า และล้างถ้วยจานค่ะ
7.2) ขวดน้ำเปล่าขนาด 1-1.5 ลิตร ไว้ใส่น้ำดื่มระหว่างเดินค่ะ
7.3) สเปรย์กันยุง เพื่อกันทั้งยุง(ที่ไม่ค่อยจะมี) และกันคุ่นที่มีมากมาย

7.4) อาหาร อุปกรณ์ทำอาหาร รวมทั้ง จาน ช้อน ส้อม แก้วน้ำ และที่ล้างจาน
7.5) อาหาร ของว่าง ของกินเล่น และเสบียงเติมพลังงานระหว่างเดิน เตรียมให้พร้อม ให้ครบทุกมื้อ ครบทุกคน
7.6) ทิชชู่เปียกสำหรับอาบน้ำค่ะ
7.7) กระดาษชำระ
7.8) เสียม ไว้สำหรับขุดหลุมทำธุระหนัก (กลุ่มละ 1 อันก็พอค่ะ)
7.9) อุปกรณ์กันหนาว เสื้อกันหนาว กันลม ถุงเท้า โปรดตรวจสอบสภาพอากาศก่อนมาอีกที อาจต้องเตรียมเสื้อกันฝน
7.10) อุปกรณ์นอนต้องเตรียมมาเอง ทาง อุทยานแห่งชาติขุนแจ ไม่มีให้ยืมนะคะ ทั้งเต็นท์ ถุงนอน แผ่นรองนอน
7.11) หมวก แว่นกันแดด ครีมกันแดด
7.12) รองเท้าแตะ ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ และสบู่ก้อนเล็กๆ หรือ แชมพูขวดเล็กๆ (จะได้ไม่หนัก) เพราะมีน้ำตกเล็กๆ ให้ได้ล้างหน้า แขน ขา สระผม หรือ จุ่มเปียกไปทั้งตัว ช่วงใกล้ถึงดอยลังกาน้อย (หากเดินจากดอยลังกาหลวง)

เป็นยังไงละคะ ทีนี้คงพร้อมลุย ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย แล้วสินะคะ รับรองค่ะ ถึงแม้ทางจะท้าทายนิดๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคุ้มค่า ประทับใจแน่นอน ใครไปมาแล้ว เป็นแบบไหน อยากแบ่งปันประสบการณ์ก็แชร์มาที่คอมเม้นต์ด้านล่างนี้เลยนะคะ หรือ หากมีคำถาม ข้อแนะนะ ติ ชม ก็คอมเม้นต์มาได้เช่นกันค่ะ
ไปเถอะดอยลังกา บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ เคยได้ข่าวเรื่องราวของดอยนี้ตั้งแต้ปี2533
มีเรื่องเล่าว่ามีเครื่องบินขนาดเล็กมาตกที่บริเวณนี้ไม่สามารถเก็บกู้ได้ เสียดายในยุคนั้นสมัยนั้น
การคมนาคมและการสื่อสารไม่ดีเท่าปัจจุบัน ผมจึงไม่สามารถไปได้ปัจจุบันจะไปสภาพร่างกายก็ไม่เอื้ออำนวยแล้ว
อยากบอกน้องๆ เด็กๆว่ามีโอกาสก็ไปซะ ลุงคงไปได้แค่แม่ตอนหลวงเท่านั้น มันหมดโอกาสแล้ว
สวัสดีค่ะ คุณระวี
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่ะ และต้องขออภัยที่ตอบล่าช้านะคะ หยกพึ่งเทรคกิ้งที่เนปาลเสร็จค่ะ โดยเทรคไปทั้งหมด 37 วันค่ะ
ขอบพระคุณที่มาแบ่งปันเรื่องราวค่ะ ดอยลังกา คุ้มค่ามากจริงๆ ค่ะ เป็นการเทรคกิ้งและแค้มปิ้งที่สนุกและอิ่มหนำมากๆ ค่ะ ตอนนี้ดอยลังกานั้นฮิตมากๆ ค่ะ การจองก็ยาก ใครจองได้และได้ไปคือโชคดีสุดๆ นะคะ
ยังมีเส้นทางเดินป่าแบบเดินชมวิวง่ายๆ เดินสั้นๆให้คุณระวีได้ไปอยู่นะคะ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงๆ ออกกำลังกาย และได้ออกท่องเที่ยวบ่อยๆ นะคะ
ทุกความทรงจำยังคงสวยงามครับ ทีมผมเคยออกทริปใหญ่เพื่อไปสัมผัสดอยลังกาเมื่อหลาย….ปีที่แล้ว โดยเริ่มเดินทางจากด้านอุทยานขุนแจ (ตอนนั้นยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมอะไรเลย) เดินวันแรกสบายๆ ไปพักกางเต้นท์นอนเล่นที่ลานโล่งบริเวณผาตั้ง 1 คืน อากาศหนาวแต่ว่าไม่หนาวตัวเพราะได้ยาดองช่วย เช้ามาตื่นมาสัมผัสทั้งหมอกและเหมย เริ่มการเดินทางวันที่สองเพื่อเดินทางต่อไปยังดอยลังกาหลวง ผ่านป่าค่อนค้างทึบมีต้นไม้ใหญ่ ต้นเฟริน กิ่งไม้ผุตามทางค่อนข้างเยอะ คืนนั้นไปกางเต็นท์นอน กินแพนเค็กอร่อย บริเวณป่าทึบติดยอดดอยลังกา อีก 1 คืน บรรยากาศมืดสงัดได้ฟิลมาก พอดีจุดที่กางเต้นท์เป็นทางผ่านสัตว์ ผมและเพื่อนซึ่งเป็นรุ่นใหญ่เลยต้องนอนหน้าด่านกันไว้ นอนไม่ค่อยหลับเหมือนมีตัวอะไรมาจ้องตาแดงๆ ทั้งคืน แบบว่ามีอาการขนหัวลุก กว่าจะหลับได้ก็เกือบเช้า เช้าของอีกวันตื่นมาสุมไฟทำกับข้าวแต่เช้าจนสาย ก็ยังไม่มีแสงเพราะว่าฟ้าปิด ยังงัยก็ต้องรอฟ้าเปิดเพราะทีมชุดใหญ่มากกว่า 25 คน คงไม่เสี่ยงเดินบนเส้นทางดอยสันคมมีดแน่ กว่าจะออกเดินทางก็สายละเกือบสิบโมง ช่วงบ่ายยังไปไม่ถึงไหนเพราะเส้นทางชันและแคบ จนมีการประชุมกันและตัดสินใจแบ่งกลุ่มแยกสาย ชุดเล็กปล่อยคนนำทาง 2 คน เดินตัดอ้อมหน้าผาไปนัดเจอกันอีกฝั่งของผาโง้ม ส่วนชุดใหญ่ไต่ขึ้นสันเขาไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังจุดนัดพบก่อนลงไปยังสถานีทวนสัญญานเพื่อกลับเชียงใหม่ แต่กว่าที่ชุดใหญ่จะเดินกว่าจะถึงยอดผาโง้มก็เย็นคล้อยแล้วเพราะต้องรอน้องผู้หญิงหลายคนที่มีอาการหมดแรง จังหวะนั้นมีน้องชุดเล็กที่ตามน้องอีกคนนำทางเพื่ออ้อมหน้าผา เดินตัดดอยสงเสียงเบาๆ มาแต่ไกลด้วยอาการตื่นตกใจบวกเหนื่อยหอบ พูดจาละล้ำละลักว่า พี่อันตกดอยๆ กว่าจะซักไซด์จนได้ความว่า เกิดอุบัติเหตุ น้องอันซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเล็กตกหน้าผา เนื่องจากทั้งสองคนได้ตัดสินใจเดินตัดหน้าผาเพื่อล่นเวลา แต่อาจด้วยความเหนื่อยอ่อนและเป้ใบใหญ่น้ำหนักมาก จึงทำให้อันพลาดร่วงลงมากระแทกพื้น อาการหนักไม่รู้สึกตัว น้องอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เลยเข้าไปประคองเรียกแต่ไม่รู้สึกตัว เลยตัดสินใจวิ่งมาตามคนไปช่วย……….ทีนี้ละเรื่องยาวเลยครับ…… ทีมชุดใหญ่ที่อยู่บนยอดผาโง้มเลยต้องตั้งหลักนอนต่อบนยอดผาโง้ม เพื่อเป็นฐานเพื่อรอฟังข่าว พี่ๆ รุ่นใหญ่ราว 6-7 คน ต้องตัดสินใจแบ่งชุดช่วยเหลือสองชุด ชุดแรก 3 คน เสี่ยงเดินตัดหน้าผาเพื่อไปยังจุดที่น้องตกหน้าผาเพื่อเข้าช่วยเหลือให้ไวที่สุด ส่วนอีกชุด 2 คน เดินทางตัดหุบเขาเพื่อออกมายังบ้านคนเพื่อหาผู้เข้ามาช่วยเหลือ..ส่วนพี่สาวๆ อยุ่คุมน้องๆ ชุดใหญ่ที่ขวัญหนีดีฝ่ออยู่บนยอดดอยผาโง้ม……ทุกภาพเหตุการณ์ยังคงชัดเจน…..คงเล่าไม่หมดนะพื้นที่แค่นี้….เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2537 ลองตามข่าว “นักศึกษา มช. ตกดอย”
สวัสดีค่ะ คุณ borry33
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์แห่งการเดินป่าโบราณ ความทรงจำ และเรื่องไม่คาดฝันที่น่าหวาดเสียวนะคะ ถึงแอบต้องตามหาข่าวอ่านเลย แต่ไม่เจอค่ะ หวังว่าตอบจบจะแฮปปี้และพี่อันปลอดภัยนะคะ
เดินป่าสมัยนั้นกับตอนนี้คงต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ ว่าแต่กำลังหาข้อมูลเที่ยวแค้มปิ้งเดินป่าอีกใช่ไหมคะเนี่ย วางแผนจะไปไหนคะ ถึงได้มาเจอรีวิวที่หยกไปมา
ปล.ต้องขอโทษที่ตอบล่าช้ามากๆ นะคะ หยกพึ่งนำทัวร์เทรคกิ้งที่เนปาลเสร็จค่ะ
รีวิวได้ละเอียดสุดๆ อ่านแล้วเห็นภาพชัดเจนมาก สุดยอดไปเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณดาว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ 🙂 ยินดีและดีใจมากๆ ค่ะ 🙂 ไม่ทราบว่าจองไปเทรคดอยลังกาหลวงทันหรือเปล่่าคะเนี่ย ขอให้จองทัน ให้ได้เทรคมันส์ๆ เก็บบรรยากาศฟินๆ มาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
ปล.ต้องขอโทษที่ตอบล่าช้านะคะ หยกพึ่งเทรคกิ้ง(เทรคแรก)ที่เนปาลเสร็จค่ะ
บรรยายได้ดีครับเห็นภาพตามเลยครับ
สวัสดีค่ะ คุณวิกร
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ 🙂 ดีใจมากๆ ค่ะที่บทความเป็นประโยชน์ กำลังวางแผนไปเทรคไหมคะเนี่ย? เส้นทางนี้เริ่มฮิตแล้วค่ะ เลยเริ่มจองยากขึ้น วางแผนดีๆ รีบจองตอนที่เค้าเปิดให้จองนะคะ 🙂