
“มีทั้งบ้านพัก และ เต็นท์ ”
“เช่าเต็นท์ของอุทยานฯ โทร 098-685-3293 ”
“บ้านพัก ” จองออนไลน์ ล่วงหน้าได้ 60 วัน มีบ้านพักแบบเดียวคือ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ นอนได้ 6 คน ราคา 1,800 บาท
“นำเต็นท์มาเอง จองที่กางเต็นท์ออนไลน์ ”
“หรือ walk-in ที่ไหนว่าง ก็กางได้เลย ”
“ไม่สามารถทำอาหาร ย่างหมูกระทะ หน้าเต็นท์ได้ จะมีโซนทำอาหารไว้ให้ ”
โปรดตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้งก่อนออกเดินทางนะคะ
ผาชู้ เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยว ที่อยู่ใน อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน ซึ่งอยู่ห่างจาก ดอยเสมอดาว ประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นอีกจุดที่มีที่พัก และ ลานกางเต็นท์ ที่ ผาชู้ นี่เอง ที่มีเสาธงที่ยาวที่สุด เค้าว่ากันว่า ยาวแบบที่ต้องร้องเพลงชาติ 12 รอบ จึงจะชักธงถึงยอดเสา

ทั้งนี้เพื่อนๆชาวสนุกเที่ยวยังสามารถเลือกอ่าน ข้อมูลการท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว ที่แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ชัดเจน ตามจังหวัดและประเทศ ที่ลิ้งค์สีส้มตรงนี้เลยค่ะ
การเดินทางจาก ดอยเสมอดาว ไป ผาชู้
สามารถทำได้ 2 ทาง คือ นั่งรถไป หรือ เดิน เอาจริง ๆ ระยะทางแค่ 4 กิโลเมตร หากเดินทางราบ แบบชิว ๆ ก็จะใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ซึ่งเรายังจะได้ดื่มด่ำกับวิว และ อากาศบริสุทธิ์ระหว่างทางอีกด้วย ถ้านั่งรถไป คือ 4 – 5 นาที ก็ถึงแล้วไหม เร็วไปนะ

มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? สโลเวเนีย? ศรีลังกา? หยกจัดทริปค่ะ
สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
การเดินทางไป ผาชู้ ครั้งนี้ มีเด็ก ๆ สามคนไปด้วยค่ะ คือ ไม่รู้ว่าน้อง ๆ รู้หรือเปล่า ว่า “จะเดินไป” ก่อนไปได้สอบถามทาง กับพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ 3 – 4 คน แต่ไม่มีใครตอบตรงคำถามเลยค่ะ มีแต่บอกว่า “ไกล เดินไปไม่ได้หรอก” “รอโบกรถไป ดีกว่าไหม” จึงหันไปหาน้อง ๆ ว่าพวกหนูจะเอายังไงกันจ๊ะ แต่พวกพี่จะเดิน (เหมือนจะแกมบังคับให้เดินไปด้วยกัน หรือเปล่าเนี่ย) สรุป น้อง ๆ เดินด้วยค่าา สุดยอด!
ข้อดีของการเดินทางท่องเที่ยว อีกอย่าง ในหลาย ๆ ข้อ ก็คือ การพบเพื่อนใหม่ มิตรภาพของคนคอเดียวกัน มักเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นธรรมชาติมาก
หารู้ไม่ว่า การผจญภัยของ 5 สาว กำลังจะเริ่มขึ้น ในระหว่างเดินไป ผาชู้ นี่แหละ หึหึ

จาก ดอยเสมอดาว เดินไป ผาชู้ ทางไหน
ทางเดินจาก ดอยเสมอดาว ไป ผาชู้ ง่ายมากค่ะ คือหลังจากเดินออกมาจาก จุดจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติแล้ว ก็เลี้ยวซ้าย แล้วก็เดินตามถนนไปเรื่อย ๆ ค่ะ จะมีป้ายบอกชัดเจน

ระหว่างทางก็ลั้นล้ากันมาก ถึงแม้จะเป็นตอนเกือบเที่ยง แต่อากาศก็กำลังสบาย ไม่ได้ร้อนมาก อาจจะเป็นเพราะเราอยู่สูง แถมต้นไม้ก็เต็มสองข้างทางเลย ลมพัดสบาย ๆ เป็นระลอก ๆ แถมมีเสียงธรรมชาติด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสียงลมกระทบกับต้นไม้ เสียงใบไม้ตีกัน เสียงนกร้อง แถมยังมีผีเสื้อบินไปมามากมายด้วยนะคะ สาว ๆ ทั้งสาม ก็ดูแฮปปี้ดี เดินไป ถ่ายรูปไป

ข้อควรรู้
ทราบกันไหมคะ ว่าการเดิน ระยะทางใกล้ ๆ โดยเฉพาะเดินกับธรรมชาติแบบนี้ มีข้อดีมากมายเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการดีท๊อกซ์ปอด กับอากาศที่บริสุทธิ์มาก ๆ แบบแทบจะไม่มีมลพิษเลย, เป็นการออกกำลังกาย ทางอ้อม ซึ่งยังมีผลดีต่อหัวใจ, ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดความเครียด และความกังวลใด ๆ เป็นการผ่อนคลายดี ๆ นี่เอง เพราะทั้ง เงียบ และ สงบ อีกทั้ง ยังทำให้คุณได้สัมผัสกับการท่องเที่ยวที่แท้จริงอีกด้วย
ต้องขอบอกก่อนเลยว่า การเดินบนภูเขาแบบนี้ ไม่ได้เหมือนกับการเดินในเมือง ที่เต็มไปด้วยมลพิษ เสียงดัง และความวุ่นวายนะคะ และ อากาศก็ไม่ได้ร้อน อบอ้าว และแดดแรงจนแสบผิว เหมือนในเมืองเลย เรื่องแบบนี้ ต้องพิสูจน์ค่ะ ลองทำดูนะคะ เพราะ แค่คำบอกเล่าจากหยก คงไม่มีใครเชื่อ หรือ เชื่อยาก แต่ที่แน่ ๆ น้อง ๆ ทั้งสามคนได้พิสูจน์ไปแล้ว และดูจะชื่นชอบซะด้วย จริงไหมจ๊ะ

เดินไปได้สักพัก ก็เจอกับจุดชมวิว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2 – 3 จุด เห็นจะได้ แล้วเราก็ใช้เวลาแค่ 20 -25 นาที ก็เดินมาถึงจุดที่มีป้ายบอกทาง ผาชู้ 1.5 กิโลเมตร, จุดชมวิว ผาชู้ 2 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางช่วงนี้ จะเริ่มชันแล้ว
คำเตือน ควรเดิน ห้ามวิ่ง ทำไมนะเหรอ ไปถามน้องแตงโมกันค่ะ เพราะเธอเบรคไม่อยู่ หยุดไม่ได้ จนไปชนกับ แท่นกันกระแทก (สำหรับรถ) หน้าแทบคะมำเลยทีเดียว 555+

และแล้วเราก็เข้ามาถึง ด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติค่ะ แต่เนื่องด้วย ผาชู้ ก็อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เช่นเดียวกับ ดอยเสมอดาว ที่เราได้เสียค่าเข้าแล้ว จึงไม่ต้องเสียอีก แค่โชว์ตั๋วให้ลุง ๆ เจ้าหน้าที่ดู

แต่แล้วสายตาหยกก็ไปสะดุด กับฝั่งตรงข้าม ที่เขียนว่า “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ (Nature Trail)” จึงรีบวิ่งเข้าไปดู และ ก็พบว่า นี่แหละ คือสิ่งที่ตามหา ระยะทางแค่ 1.2 กิโลเมตรเอง แถมแบ่งเป็นฐาน ๆ 12 ฐานอีก แต่ละฐาน คงห่างกันแค่ 100 เมตร สินะ ดูดี๊ดูดี แต่มีป้ายเขียนว่า “อันตราย ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” จึงหันไปถามคุณลุงเจ้าหน้าที่ แกเลยบอกว่า “ไปได้ๆ มีทางเดินอยู่ เข้าไปเองได้เลย แต่ยุงจะชุมหน่อยนะ” จึงถามต่อว่า มีทากไหม ปรากฎว่า ไม่มีทาก จ้า

ผู้ร่วมแก๊งส์กำลังจะเคลื่อนพล เดินหน้าต่อ ไปจุดชมวิว ผาชู้ แต่ถูกสะกัดด้วยการที่หยก หยิบสเปรย์กันยุงตะไคร้หอม ขึ้นมา แล้วส่งสายตาอ้อนวอน แล้วถามย้ำคุณลุงเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่า เข้าไปเองได้แน่ใช่ไหม แล้วหันมาสบตา และ ยิ้มให้กับทุกคน น้อง ๆ ถึงกับหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “พี่หยกเนี่ยเตรียมพร้อมจริงๆ” พร้อมกับหยิบยากันยุงไปฉีด น่ารักที่สุดอ่ะ
แต่คือทุกคนใส่ขายาว และ รองเท้าผ้าใบ ไง ยกเว้น น้องแตงโม ที่คีบแตะมา กับ หยก ที่ใส่กางเกงขาสั้น 555+ คือเรากำลังจะเดินเข้าป่ากันนะคะเนี่ย ตัวหยกเองจึงต้องฉีดยากันยุงซะตัวชุ่ม เหนียวเป็นเมือกเลย

การผจญภัย ของ 5 สาว ขาลุย จึงเริ่มขึ้น มิตรภาพใหม่ ได้ถูกหล่อหลอมขึ้นในป่า (อุ๊ย ทางเดินศึกษาธรรมชาติ 555+) อย่างรวดเร็ว

แต่ยุงที่ว่าชุมนั้น กลับไม่มีสักตัว ส่วน ทางเดิน (Trail) ที่ว่านั้น ก็หาไม่เจอ
และ ทุก ๆ ทางที่เดินนี้ มีแต่ใยแมงมุมเต็มไปหมด คือ ติดตามหน้า แขน ขา ของหยกที่โชกไปด้วยยากันยุง จนน้อง ๆ บอก มาหนูเดินนำเอง พี่หยกใส่ขาสั้น แฮ่ๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม
Trail คือ ทางเดินเท้าเล็ก ๆ มักใช้กับ ทางเดินป่าตามธรรมชาติ หรือ ทางเดินที่จะนำไปสู่สถานที่ท่องเที่ยว

ป.ล. บทสนทนา หรือ คำพูด ด้านล่างนี้ อาจดูวุ่นวายหน่อย คือ ไม่สามารถจริง ๆ ที่จะจำได้ ว่าใครพูดประโยคไหน เพราะ กำลังหลงทางอยู่ อุ๊บส์ (รู้นะ สามสาวคงคิด เชื่อค่ะ ขนาดชื่อพวกหนู พี่หยกยังถามตั้ง 3 – 4 รอบเลย)
คือหลงทางตั้งแต่เริ่มต้น ทุกคนช่วยกันรื้อฟื้นวิชาลูกเสือ เนตรนารี (ที่หยกคืนคุณครูไปหมดแล้ว) กันใหญ่ Nature Trail คือ ธรรมชาติจริง ๆ ป่าดี ๆ นี่เอง ที่ต้นไม้สูงท่วมหัวเต็มไปหมด มีแสงแดดสอดส่องลงมารำไร ๆ การเดิน (หลง) ป่าจริง ๆ เริ่มทุลักทุเล ต้องเดินข้ามลำธารเล็ก ๆ ที่มีหินลื่น ๆ จากตะไคร่น้ำเขียว ๆ หรือ พวกมอส ที่อยู่เต็มไปหมด, ทั้งต้องเดินลงเนิน ขึ้นเนิน ที่ลื่นสุดขีด แทบจะเบรคไม่อยู่เลยทีเดียว (แตงโม หนูเริ่ดมากค่ะ คือ คีบแตะมาเดินป่าลื่น ๆ แบบนี้), มีทั้งต้องข้ามกิ่งไม้ หรือ ต้นไม้ที่ล้มระเนระนาด และผุพัง ที่เหยียบที คือทะลุไปถึงพื้นดิน, ไหนจะเจอทางตัน คือมอง 360 องศาแล้ว ก็หา Trail ไม่เจอ จนต้องระดมสมอง กระจายตัวไปหาทางเดินที่คิดว่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เหมือนกำลังเล่นเกมส์ยังไงยังงั้น
แต่การผจญภัยก่อนไป ผาชู้ ครั้งนี้ ดูจะสนุกสนานกันใหญ่ โน๊ตก็ดูเพลิน กับการปีนป่าย ไปทางนั้นที ทางนี้ที, น้ำ กับ จี้ ก็ใช่เล่น ดูสนุกกับการหา Trail มากมาย ส่วนแตงโม ถ้าไม่ได้คีบแตะมา คงวิ่งนำไปแล้วเหอะ
โชคดี ที่แลดูแล้ว ไม่มีใครกังวลว่ากลัวจะออกไม่ได้เลย (หรือไม่แสดงออกก็ไม่รู้) ทุกคนยังดูสนุก และ ตื่นเต้นกับการผจญภัยครั้งนี้ หรือ อีกนัยหนึ่งคือ การหลงป่า นั่นเอง

แล้วเราก็หาทางไปไม่ได้ แต่มีอยู่จุด ๆ หนึ่ง ที่เดาว่าน่าจะเป็น Trail มากที่สุด คือ ตรงพื้นดิน ที่แลดูเหมือนจะมีทางเดิน เพียงแค่ไม่ได้มีคนเข้ามาเดินนานไง ต้นไม้เลยขึ้นสูง สูงแค่ไหน ก็สูงเท่าหน้าอก เกือบไหล่เลยทีเดียว ระหว่างที่เดิน ๆ อยู่ น้อง ๆ ถาม มันถูกเหรอพี่ ใช่ทางนี้แน่เหรอ คือ พี่ก็ไม่รู้ 555+ ลองเดินดูไปก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ใช่ก็เดินกลับ และในที่สุดเราก็เจอ Trail จังหวะนั้นโน๊ตยังคงเมามันส์กับการตามล่าหา Trail อีกด้านอยู่ จึงต้องตะโกนเรียกว่า เจอแล้ว

แต่สักพัก เราก็ไปไหนต่อไม่ได้ จึงเปิดดูรูปแผนที่ ที่ถ่ายไว้ก่อนจะเข้ามา ถามว่าตอนนี้เราอยู่สถานีไหนใน 12 สถานี คำตอบ คือ ไม่รู้ รู้แต่สิ่งที่เราเจออยู่ซ้ำ ๆ ก็คือ น้ำ 3 ครั้ง, มอส และเฟริ์น แต่ตอนนี้มีแต่ต้นไผ่เต็มไปหมด เราคงอยู่ที่ สถานีที่ 7 ไผ่ สินะ ว่าแต่ เถาวัลย์ (สถานีที่ 6) อยู่ไหน
“ก็เถาวัลย์มันอยู่สูงไง เราเลยมองไม่เห็น” (ไม่รู้ว่าเสียงใคร หรือว่าเสียงหยกเอง?) ใครสักคนออกความเห็น
คิดบวก ใช้ได้ก็คราวนี้แหละ
“ควรเพิ่มสถานีหน้าผา ลงไปในแผนที่ด้วยนะ” ใครสักคนเอ่ย
นี่ก็มาตาม Trail ที่ว่าชัดเจนแล้วนะ มองไปทางซ้าย, ด้านหน้า และทางขวา ก็คือ หน้าผา
“เอ๊ะ หรือว่าตรงนี้ คือ สถานีเถาวัลย์ไง เพื่อให้เราโหนแบบทาร์ซาน ข้ามไปหน้าผาอีกฝั่ง” มีผู้ออกความเห็น
“@!#*$%#&^%#!”

“ในนี้ก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วยสิ” น้ำกล่าว
“แต่ไม่เป็นไรตอนนี้ยังแค่บ่ายโมงนิด ๆ เอง ยังมีเวลาหลงป่าอีกนาน 555+ ว่าแต่ถ้าเราหลงป่ากัน แล้วออกไม่ได้เนี่ย คุณลุงเจ้าหน้าที่ จะจำได้ไหมว่า มีเด็กสาว 5 คนได้เข้ามาในนี้” หยกเสริม
“คงไม่หรอกพี่หยก ดูเค้าไม่สนใจเราเลย” น้อง ๆ ตอบ
จึงมองหา Trail กันต่อไป เท่าที่ดู ๆ เดา ๆ ในแผนที่แล้ว คาดได้ว่าเราเดินมาใกล้ทางออกแล้ว อีกอย่างก็เดินกันมา 40 นาที ได้แล้ว แต่จุดข้างหน้า ก็มีแต่หน้าผา กับ หน้าผา จึงตกลงที่จะเดินกลับทางเก่าก่อน แล้วค่อยหาทางเดินต่อ
แล้วการหลงป่า ก็เกิดขึ้นจริง ๆ (โดยคำพูดต่อไปนี้ เป็นของใคร ก็จำไม่ได้แล้ว)
“นี่เราเดินมาทางนี้จริง ๆ เหรอ” “ไม่เห็นคุ้นทางตรงนี้เลย” “เอ๊ะ เราเดินมากันทางไหนเนี่ย ตรงนั้น หรือ ตรงนี้” “ทางนี้ไง ๆ” “ไหน ๆ ไม่ใช่มั้ง” “นี่ๆๆๆ ทางนี้ๆๆ หนูจำต้นไม้ กับก้อนหินตรงนี้ได้” “อ้าว จริงเหรอ นี่เราเดินมาทางนี้เหรอเนี่ย” “แล้วตรงนี้ล่ะ ไม่คุ้นอีกแล้ว” “นี่ไง ๆ ทางนี้ค่ะ หนูจำเห็ดดื่มด่ำของพี่หยกได้” 555+

ที่มาของเห็ดดื่มด่ำ
โน๊ต : อะไรเนี่ยหยก เข้าป่ามันก็ต้องมีเห็ด แปลกตรงไหน ถ่ายรูปทำไมตั้งนาน ไปได้แล้ว
หยก : แหมๆๆ ก็ขอดื่มด่ำ สัมผัสธรรมชาติที่แท้จริงหน่อยสิ
สามสาว : หัวเราะลั่น
และแล้ว จุดเริ่มต้น กับ จุดสิ้นสุด ก็เป็นจุดเดียวกัน

ในที่สุด เราก็แกะรอยกลับออกมาทางเดิม เมื่อเดินออกมา คุณลุงเจ้าหน้าที่ (เหมือนจะ) ใจดีมาก
คุณลุงเจ้าหน้าที่ : เหนื่อยกันไหม มาๆๆ แวะมาดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อน
หยก : โอ้ ขอบคุณค่าา มีน้ำกันอยู่ค่า
คุณลุงเจ้าหน้าที่ : มาๆๆๆ มาซื้อมะขามคลุก
5 สาว : … (มองหน้ากัน ฮา และหมดคำพูด)
แป๋ว ถามสักคำไหม ทำไมออกมาทางเดิมงี้ ยุงกันไหมงี้ หรือ เดินป่าเป็นไง ไม่ ไม่มีสักคำ ขายของซะงั้น เด็ก ๆ จึงตะโกนกลับไป “ลุงมาปรับปรุงทางเดินบ้างนะ มันรกมาก พวกหนูหาทางออกกันไม่เจอเลย ทางออกอยู่ตรงไหนเหรอลุง” ลุงยิ้ม ไม่ตอบ

อีก 500 เมตร ก็จะถึงจุดชมวิว ผาชู้ จุดหมายจริง ๆ ของเราในวันนี้ ทางเดินชันมาก หอบกันเลยทีเดียว เมื่อถึงด้านบน แทนที่จะไปดูวิวกัน กลับกลายเป็นทุกคนหาที่นั่งพักแทน

มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? สโลเวเนีย? ศรีลังกา? หยกจัดทริปค่ะ
สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
ร้านอาหาร ร้านค้าสวัสดิการ บน ผาชู้
ที่ ผาชู้ มีทั้งร้านอาหาร และ ร้านค้าสวัสดิการนะคะ แต่อาจจะต้องสอบถาม กับทางร้านอาหารโดยตรงอีกครั้ง ในช่วงนั้น ๆ ที่จะไปเที่ยวนะคะ เค้าอาจเปิดทำเฉพาะกรณีมีคนโทรไปจอง หรือเปิดเป็นเวลา หรืออาจจะไม่เปิดเลย ก็ไม่สามารถแจ้งให้ทราบได้ ส่วนร้านค้าสวัสดิการ เปิดอยู่แล้วค่ะ ราคาของขายก็ไม่ได้แพงมากนะคะ โดยบวกเพิ่มประมาณ 2-10 บาท เท่านั้นเอง

หลังจากที่ใช้พลังงานหมดไปกับการเดินมา 4 – 5 กิโลเมตร และการหลงป่า บวกกับความหิวโซ แต่ร้านอาหารก็ยังไม่เปิดให้บริการ ต้องรออีก 2 – 3 ชั่วโมง จึงนั่งพักเอาแรง หยิบขนมจุกจิก ซื้อน้ำ ซื้อขนมเพิ่มที่ ร้านค้าสวัสดิการ มานั่ง นอนเล่นชิวๆ ในความเงียบสงบ ที่มีแต่เสียงธรรมชาติ และสูดอากาศบริสุทธิ์
ทริปหลงป่านี้ ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนแฮปปี้ แต่ยังคงคาใจกับทางออก เท่าที่ทราบ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใด ๆ ยกเว้น หยก ที่ขาลาย และแสบเบา ๆ จากการที่โดนต้นไม้เกี่ยว
ขอขอบคุณรูปภาพบางรูป จากน้อง ๆ ทั้งสามนะจ๊ะ หวังว่าน้องทั้งสามจะมีความทรงจำดี ๆ กับ ประสบการณ์ใหม่ ๆ มันส์ ๆ แบบนี้ และ รักที่จะเที่ยวในรูปแบบนี้ต่อไปนะ และ ขอบคุณที่ทำให้เราได้เจอกัน
พรุ่งนี้จะย้ายการผจญภัย ไป อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะไปยังไง รู้แค่ว่า จะไป แค่นี้คงน่าจะพอแล้ว หรือเปล่า
ทั้งนี้ หยกยังมี สถานที่เดินป่าสั้นๆ ใน อุทยานแห่งชาติ มาแนะนำอีกด้วยค่ะ นั่นก็คือ ดอยธง (ดอยกู่สถาน) คลิ๊กอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ตัวหนังสือสีส้มตรงนี้เลยนะคะ
นอกจากนั้น หยกยังมีที่พักมาแนะนำ เผื่อไว้สำหรับใครที่อยากไปนอนบนดอยเสมอดาวหรือผาชู้ แต่เต็นท์เต็ม ห้องพักเต็ม หรือไม่มีที่กางเต็นท์ (กรณีมีเต็นท์ไปเอง) หรืออยากไปดูดาว แต่ไม่ชอบนอนเต็นท์ หยกมีที่พักในตัวอ.นาน้อย และ อ.เมือง มาให้เลือกค่ะ โดยที่ที่พักเหล่านี้หยกหามาแนะนำเองนะคะ ไม่ได้มีการสปอนเซอร์หรือว่าจ้างใดๆ ให้เอามาลงค่ะ เริ่มจากที่พักใน อ.นาน้อย กันก่อนเลย
A). เฮือนวาดเขียนรีสอร์ท (Huean Wadd Khian Resort)
ที่พักหาง่าย ทำเลดีค่ะ อยู่ติดถนนใหญ่เลย บางห้องมีระเบียงวิวธรรมชาติสวยๆ ให้ได้เพลิดเพลินด้วยนะคะ ทั้งยังมีบริเวณที่เป็นสวน มีโต๊ะเก้าอี้ให้ได้นั่งเล่นด้วยค่ะ ห้องพักราคาตั้งแต่ 360 – 2,000+ บาทค่ะ โดยเข้าพักได้ตั้งแต่ 2 – 6 คน ซึ่งหากพักที่นี่ก็ขับรถอีกแค่ประมาณ 20 นาทีนิดๆก็ถึงดอยเสมอดาวแล้วค่ะ
ทั้งนี้ยังมีบ้านพักไว้รองรับกลุ่มเพื่อนที่มากันเยอะๆ 8 – 13 คนด้วยค่ะ บ้านพักราคา ตั้งแต่ 3,000 บาท (8 – 10 คน) และราคา 6,000 บาท (13 คน)
หากที่พักเต็ม ก็สามารถนำเต็นท์มากางเองได้ด้วยนะคะ มีน้ำอุ่นให้อาบ มีเน็ตให้เล่น และรวมเครื่องนอนด้วย ในราคา 100 บาทต่อคน ไม่รวมอาหารเช้า หรือ 200 บาทต่อคนรวมอาหารเช้าค่ะ แต่หากต้องการจะเช่าเต็นท์ไปกางที่ดอยเสมอดาวก็ได้ด้วยนะคะ ราคาเริ่มตั้งแต่ 150 บาทรวมเครื่องนอน ต่อเต็นท์จ้า
ทริคเบาๆ จองออนไลน์ถูกกว่าจองผ่านที่พักโดยตรงนะคะ หากจองกับที่พักโดยตรง ขั้นต่ำห้องละ 800 บาทต่อ 2 คนเลยจ้า (ไม่รวมอาหารเช้า)
B). เฮือนฝ้าย แม่จำปี (Huen Fai Mae-Jampee)
ที่นี่ก็ติดถนนใหญ่ แถมยังใกล้จุดลงประจำทางเขียวที่มาจากเวียงสาด้วยค่ะ ด้านหน้าเป็นร้านอาหารและขายเสื้อผ้า+ของที่ระลึกเมืองเหนือ ที่นี่มีห้องพักเพียง 6 ห้องเท่านั้น พักได้ 2-4 คน ราคาเริ่มที่ 600 – 1,200 บาทค่ะ
ทริคๆ จริงๆ จองออนไลน์ก็อาจจะถูกกว่า แต่จองไม่ได้นะจ๊ะ ต้องติดต่อที่พักเองโดยตรงจ้า แอบเศร้าเบาๆ
C). เรือนไม้ รีสอร์ท (Rueanmai Resort)
นี่ก็ไม่ไกลจากดอยเสมอดาวสักเท่าไหร่นะคะ ขับรถประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ แต่ที่นี่บรรยากาศดี ที่พักติดถนนใหญ่ และยังอยู่ในทุ่งนา มีวิวทุ่งนาสวยๆ ให้ชิวด้วยนะคะ มีร้านกาแฟให้นั่งจิบกาแฟชมไร่นาเบาๆ ด้วย ส่วนราคาห้องพักเริ่มตั้งแต่ 650 – 2,750 บาทค่ะ (มีห้องพัก พักได้ 2, 3 และ 7 คน) รวมอาหารเช้า นี่คือราคาจองออนไลน์นะคะ เพราะถ้าจองกับที่พักโดยตรง ราคา 1,200 – 3,000 บาทเลยเชียวค่ะ
ทริคๆ เช่นกัน จองออนไลน์ถูกกว่านะเจ้าา
ส่วนนี่เป็นที่พักในตัวอำเภอเมืองน่านค่ะ เผื่อใครที่มองหาที่พักในเมือง แล้วค่อยนั่งรถไปดอยเสมอดาว ซึ่งห่างออกไปไม่ถึง 2 ชั่วโมงค่ะ
A). บ้านฮิมวัดโฮลเทล (ถูก)
โฮลเทลราคาน่ารัก ตกแต่งด้านหน้าและบริเวณนั่งเล่นก็น่ารัก หากมากันเป็นกลุ่ม ก็เหมาะมากค่ะที่นี่ พักได้มากถึง 6 คนเลยค่ะ ในราคาแค่ 2,000 บาทเท่านั้นเอง หรือ 3 คน ก็ 800 บาทเองค่ะ แต่หากมากันน้อยๆ ที่นี่ก็มีดอร์มให้พักเตียงละ 400 บาทต่อคน หากจะพูดถึงทำเลก็ถือว่าดีเลยทีเดียวค่ะ ห่างจากสถานีรถประจำทางประมาณ 800 เมตรเท่านั้นเอง ทั้งยังอยู่ใกล้วีดภูมินทร์และถนนคนเดินอีกด้วยนะคะ
B). บ้านๆ น่านๆ ห้องสมุด และเกสต์โฮม (ถูก)
หากใครชอบเกสต์เฮ้าส์ที่ตกแต่งน่ารัก สไตล์ไทยๆ ทั้งยังอบอุ่นและสบายเหมือนอยู่บ้าน ที่รวมเอาบ้าน ร้านกาแฟ และห้องสมุดมาไว้ในที่เดียวกัน ที่นี่จึงถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว ต้องทำการจองล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ สักหน่อย ราคาที่พักก็ไม่แพงค่ะ เริ่มตั้งแต่ 650 บาทสำหรับสองคน หรือ 1,200 บาทสำหรับ 3 คน ส่วนทำเลนั้นก็ดีอีกแล้วค่ะ อยู่ใกล้ 7-11 ไม่ใกล้จากถนนคนเดิน ทั้งนังมีจักรยานให้ยืมปั่นฟรีอีกด้วยนะคะ
C). โรงแรมน่านพันวา (ถูก)
โรงแรมใหม่เอี่ยม ที่พักสะอาด เตียงนอนหนานุ่ม ตกแต่งเก๋ ด้วยราคาที่แสบถูก คืนละ 690 บาทเท่านั้นเองค่ะ ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำน่านอีกด้วยนะคะ โดยอยู่ห่างจากถนนคนเดินประมาณกิโลนิดๆ เท่านั้นเองค่ะ
D). โรงแรมน่านบ้านคุณ (กลางๆ)
หากใครต้องการพักในที่พักสไตล์โรงแรมจ๋า ที่มีพนักงานสุภาพ บริการดี ห้องพักสะอาด เตียงหนานุ่ม ห้องกว้างขวาง ก็แนะนำที่นี่เลยค่ะ ราคาก็ไม่แพงมาก 1,000 บาทต่อคืน ทำเลก็ดีค่ะ ห่างจากถนนคนเดินประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง และยังมีห้องพักสำหรับ 3 คนด้วยนะคะ
E). บ้านสวนลีลาวดี รีสอร์ท น่าน (กลางๆ)
อาจจะไกลจากตัวเมืองน่านสักหน่อยสำหรับใครที่ไม่มีรถส่วนตัว (ประมาณ 5 กิโลเมตร) แต่บรรยากาศน่าอยู่มากๆ ธรรมชาติสุดๆ มีสวนหย่อมให้ได้ผ่อนคลาย มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ และยังมีสระว่ายน้ำอีกด้วย ห้องพักสำหรับสองคน 1,400 บาท และยังมีห้องครอบครัวที่เช้าพักได้มากถึง 5 คน ในราคา 3,600 บาท ที่มีห้องนั่งเล่นกว้างขวาง สบายสุดๆ
F). NanRimnam (กลางๆ)
ตามชื่อเลยค่ะ น่านริมน้ำ ที่พักวิวแม่น้ำน่าน ที่มีการตกแต่งได้ลงตัว น่าอยู่มากๆ ห้องพักมีหลายสไตล์ ตั้งแต่โทนสีพาสเทล น่ารักๆ หรือจะเป็นห้องนอนเจ้าหญิงที่มีม่านรอบเตียง ไปจนถึง เก๋ๆ คลาสสิก หากไปช่วงหน้าหนาว แนะนำให้เลือกห้องพักวิวแม่น้ำ ที่นามเช้าตื่นมาท่ามกลางไอที่ลอยละล่องเหนือน้ำ ห้องพักมีกลสากหลายแบบ เริ่มตั้งแต่ 2 คน ราคา 1,800 บาท ไปจนถึงกลุ่มใหญ่ 10 คน ในราคา 7,000 บาท ที่มีระเบียงริมน้ำ ให้ได้ฟินกันทั้งกลุ่ม
G). ริสาสินี รีสอร์ท แอนด์ สปา (หรูหรา)
ที่พักตกแต่งสไตล์กึ่งล้านนา แอบดูหรูหราสักหน่อย ห้องพักเป็นหลังๆ กว้างขวาง สะอาด น่านอนเป็นที่สุด ทั้งยังมีสวนหย่อมอยู่รอบๆ ตกแต่งด้วยต้นไม้มากมาย ให้ความเป็นธรรมชาติสุดๆ ทุ้งยังมีสปาให้ผ่อนคลาย บางทีอาจมีโปรโมชั่นรวมสปาไว้กับค่าห้องพักแล้วก็ได้นะคะ ราคาเริ่มต้นห้องละ 3,300 บาทสำหรับสองคนค่ะ
H). โรงแรมพูคาน่านฟ้า (หรูหรา)
หากมีงบสักหน่อย แนะนำมากๆ ค่ะ โรงแรมที่มีการตกแต่งแบบสบายๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้บรรยากาศกึ่งๆ โฮสเตย์ ห้องพักสะอาด กว้าง ตกแต่งแบบที่ให้ความรู้สึกเหมือนว่าอยู่บ้าน แถมทำเลก็ดีค่ะ ห่างจากถนนคนเดินประมาณ 750 เมตรเท่านั้นเอง ราคาเริ่มต้น 3,400 บาท
หมายเหตุ
ราคาที่พักอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลานะคะ ไม่ว่าจะเป็นตามกาลเวลา และ/หรือ อาจมีราคาที่สูงขึ้นในฤดูท่องเที่ยว
หลงรักผู้หญิงแบบนี้ ลุยๆ ไปด้วยกัน
เก็บเกี่ยว ความสุข จากสิ่งที่รัก
ชื่นชมครับ ?
สวัสดีค่ะ คุณศร
ขอบคุณสำหรับความชื่นชมและที่สละเวลาเข้ามาคอมเม้นต์มากๆ เลยนะคะ ปลาบปลื้มและเป็นกำลังใจให้หยกมากๆ เลยค่ะ แนะนำติชมเข้ามาได้ตลอดเลยนะคะ 🙂
ทั้งนี้ หยกจัดทริปพาเที่ยวแบบลุยๆ ด้วยนะคะ ลองเข้าไปดูรายละเอียดทริปต่างๆ ที่หยกจัดนะคะ เผื่อเราจะมีโอกาสได้ร่วมทริปกัน จะได้สนุกและลุยไปด้วยกันค่ะ 🙂
อธิบายได้ครบ อ่านเพลินดีครับ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กำลังจะไปกางเต๊นอย่างผมมาก ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ คุณรพิณไพรวัลย์
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ 🙂 ดีใจมากๆ ค่ะที่บทความเป็นประโยชน์ค่ะ แนะนำติชมสอบถามหรือแบ่งปันประสบการณ์มาได้เลยนะคะ 🙂
เป็นการเดินทางที่สนุกที่สุด ตื่นเต้น สรุป ไม่มี ทาก หรือ ยุง หรือ งู ให้ตกใจ
สวัสดีค่ะ คุณ xiro ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ ? ใช่ค่ะ สนุกมากๆ ได้เจอเพื่อน(ใหม่)ร่วมทางด้วย ถึงแม้จะหาทางออกไม่ได้ ต้องกลับทางเดิม แต่ก็คุ้มค่า สนุก และประทับใจมากจริงๆ
ยุงน่ะมีนะคะ แต่กระหน่ำฉีดสเปร์กันยุงไว้ก่อนไง ?