
ฟานซีปัน Fansipan ที่เมืองซาปา Sapa กับฉายา “หลังคาแห่งอินโดจีน (Roof of Indochina)” ที่ปัจจุบันนี้มีการเข้าถึง การ พิชิตยอดเขาฟานซีปัน กันได้อย่างง่าย ไปได้ทุกเพศทุกวัย ด้วยการนั่ง cable car หรือ กระเช้าขึ้นฟานซีปัน ได้ที่ Sapa Station หรือ Sun World Fansipan Legend Cable Car ไม่จำเป็นต้องเดินต้องเทรคเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สะดวกสบายเช่นนี้แล้ว ก็พลาดไม่ได้กับการขึ้นไปชมวิวพาโนรามากับความสูงกว่า 3,143 m บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนามสินะคะ
บทความจะยาวสักหน่อย และรูปเยอะสักนิด ค่อยๆ อ่านกันนะคะ
โดยที่ด้านล่างนี้จะมีรายละเอียดยิบๆ อย่างที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ตามหัวข้อ (คลิกได้) ดังต่อไปนี้นะคะ
- 1. ฟานซีปัน Fansipan อยู่ที่ไหน?
- 2. ขึ้น ยอดเขาฟานซีปัน ได้กี่วิธี ยังไงบ้าง นั่ง cable car นานไหม เปิดปิดกี่โมง ราคาเท่าไหร่ & ต้องเดินต่ออีกไกลไหม?
- 3. บน ยอดเขาฟานซีปัน มีอะไรบ้าง ร้านค้า ร้านอาหารมีไหม อากาศเป็นยังไง ต้องเตรียมตัว พิชิตยอดเขาฟานซีปัน แบบไหน?
- 3.1) วิวระหว่างทาง หลังจากลง รถไฟโมโนเรลสาย Muong Hoa ก่อน นั่ง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน
- 3.2) วิวระหว่างทาง หลังจากลง กระเช้า Fansipan ก่อนขึ้น รถไฟโมโนเรลสาย Fansipan
- 3.3) วิวระหว่างทาง หลังจากลง กระเช้า Fansipan (ไม่ขึ้น รถไฟโมโนเรลสาย Fansipan) แล้วเดินต่อไปจนถึง Top of Fansipan
- 3.4) วิวบน Top of Fansipan พิชิตยอดเขาฟานซีปัน แล้ว เย้
- 3.5) ร้านค้า ร้านอาหาร บน ฟานซีปัน มีไหม?
- 3.6) บน ฟานซีปัน อากาศเป็นยังไง ต้องเตรียมตัวแบบไหน?
- 4. นั่ง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน ตอนไหนดี? เช้า? หรือ บ่าย?
- 5. ไป พิชิตยอดเขาฟานซีปัน พักไหนดี? แนะนำที่พักใน เมืองซาปา Sapa
ทั้งนี้ หยกยังได้จัดทำ คู่มือท่องเที่ยวเวียดนาม Vietnam Guide ที่มีรายละเอียดครบถ้วน ให้เพื่อนๆ ได้เตรียมตัวก่อนเที่ยวด้วยตัวเองได้อย่างพร้อมที่สุด และเที่ยวได้อย่างสนุกสุดๆ ไปเลยค่ะ





แต่ก่อนที่จะไปชมวิวงามๆ บน ฟานซีปัน Fansipan ที่เมืองซาปา เวียดนามเหนือ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเดินทางมา ซาปา จากฮานอย ได้ยังไงบ้าง และที่ซาปามีอะไร เที่ยวกินและพักที่ไหน ก็คลิ๊กอ่านที่ลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มได้เลยค่ะ ข้อมูลเพียบและแน่นมาก
สำหรับเพื่อนๆ ที่วางแผนจะไปเที่ยว ฮานอย หยกก็มีที่เที่ยวมาแนะนำ, หรือจะลงไปสำรวจเวียดนามใต้ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเลือกบินจากไทย ไปลงที่ ดานัง โดยตรงได้เลย ก็ต้องห้ามพลาด แวะเที่ยวดานัง ก่อน แล้ว นั่งรถไฟจากดานังไปเว้ เพื่อ เที่ยวเว้ ค่ะ หรือจะเลือก นั่งรถไฟจากดานังไปฮอยอัน เพื่อ เที่ยวฮอยอัน ก็ได้ สบายๆ สวย ฟิน อิน และอิ่ม กับ ฮอยอัน เมืองเล็กๆ แต่เที่ยวแค่วันสองวันก็ไม่หมด เพราะน่าหลงใหลไปหมดทุกซอกทุกมุมทุกกำแพงสีเหลืองๆ ในเมืองเลยค่ะ คำเตือนอย่างเดียวเลย คือเต็มเมมกล้องไปให้พอนะคะ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ ขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศครั้งแรก หรือ มีความกังวลเรื่องการเตรียมตัวขึ้นเครื่อง การผ่านตม หรือ ไม่แน่ใจว่า พกอะไรขึ้นเครื่องได้บ้าง ข้อจำกัดของเหลวยังไง พาวเวอร์แบงค์เอาขึ้นได้ไหม สามารถคลิ๊กลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มๆ เพื่ออ่านบทความที่ละเอียดขึ้น และเพื่อการเตรียมตัวให้พร้อม ได้เลยนะคะ
ที่นี้แล้วจะรออะไร ไปเตรียมตัว ขึ้น พิชิตยอดเขาฟานซีปัน พร้อมๆ กันเลยค่ะ
1. ฟานซีปัน Fansipan อยู่ที่ไหน?
อยู่ในเขตเทือกเขาฮวงเหลียนเซิน (Hoàng Liên Sơn) และ หุบเขาเมืองหัว (Mường Hoa Valley) ในเขตของอุทยานแห่งชาติเขาฮวงเหลียน เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม โดยมีความสูง 3,143 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขาฟานซีปัน นี้ได้รับฉายาว่า “หลังคาแห่งอินโดจีน (Roof of Indochina)” เพราะมีความสูงที่สุดในอินโดจีน ซึ่งก็คือ ประเทศ ลาว เวียดนาม และ กัมพูชา นั่นเองค่ะ ทั้ง ฟานซีปัน ยังเป็นยอดเขาฮิตที่นักท่องเที่ยวที่มาเวียดนาม ต้องหาโอกาสมาพิชิตยอดเขานี้ อีกทั้งปัจจุบัน การขึ้นไป ยอดเขาฟานซีปัน นั้นง่ายมากค่ะ ซึ่งจะได้กล่าวในหัวข้อถัดไปนะคะ





2. ขึ้น ยอดเขาฟานซีปัน ได้กี่วิธี ยังไงบ้าง นั่ง cable car นานไหม เปิดปิดกี่โมง ราคาเท่าไหร่ & ต้องเดินต่ออีกไกลไหม?
2.1) วิธีการเดินทางจาก Sapa Station ไป Top of Fansipan
มี 2 วิธี คือ 1.เดิน 2.นั่งกระเช้า
1. เดินขึ้น ยอดเขาฟานซีปัน
ช่วงบ่น
หยกตั้งใจว่าจะเดินขึ้น ยอดฟานซีปัน ค่ะ แต่ก็ไม่เป็นดั่งความอยาก เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่แพงมาก ขนาดเทรคในยุโรปและอเมริกาหลายแห่งยังฟรี (เสียแค่ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ) ไม่เสียเงิน ไม่บังคับให้จ้างไกด์เลยค่ะ เสียแต่ค่าที่พัก กับอาหาร แต่มาเทรคในเวียดนาม แค่วันเดียว แถมเดินเองก็ไม่ได้ ถูกบังคับให้จ้างไกด์พาเดิน (ถูกดักที่จุดเริ่มเดิน) ซึ่งคนที่บอกว่าเป็นไกด์นั้น ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีใบอนุญาตไกด์ค่ะ แพงขนาดนี้ แบ็คแพ็คเกอร์อย่างหยกก็จ่ายไม่ไหวค่ะ
สำหรับทริป 2 วัน 1 คืน หรือแม้กระทั่งแค่เดินขึ้น แล้วลงด้วยการนั่งกระเช้า โดยที่ค่าใช้จ่ายมีหลากหลายค่ะ ขึ้นกับบริษัทที่ติดต่อ เช่น เดินขึ้นลงในวันเดียว คนละ $65 – 80 (หรือลงด้วยกระเช้า ก็ค่าใช้จ่ายเท่าเดิม แถมต้องจ่ายค่ากระเช้าเองด้วยค่ะ) หรือ ค่าทริป 2 วัน 1 คืน รวมที่พักแบบพื้นเมืองบนเขา, อาหารง่ายๆ และไกด์ คนละ $105 หรือมากกว่ามากๆ
หมายเหตุ
- เท่าที่หยกหาข้อมูล ปัจจุบันยังไม่ได้มีกฎเกณฑ์บังคับ กรณีเดินขึ้น ฟานซีปัน ว่าต้องมีไกด์พื้นเมืองไปด้วยนะคะ
- ถึงแม้ ฟานซีปัน จะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาฮวงเหลียน หยกก็ยังไม่สามารถหาข้อมูลค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติที่แท้จริงได้ค่ะ
หากเพื่อนๆ ท่านไหนมีข้อมูลเหล่านี้ คอมเม้นต์แบ่งปันมาที่ช่องคอมเม้นต์ที่ด้านล่าง หรือ อีเมลมาหาหยกได้เลยนะคะ
ช่วงแอบเสียใจ เราเจอกันช้าไป
ทั้งนี้ หากเพื่อนๆ ที่สนใจจะ เดินขึ้น ยอดเขาฟานซีปัน 2 วันนิดๆ กับ 1 คืน พิจารณาจองทัวร์ออนไลน์ที่นี่ดูนะคะ เป็นการเดิน + ค้างแรม 2 วัน 1 คืน กับราคาไม่แพงเลยค่ะ ตอนที่หยกดูประมาณ $80 นิดๆ โดยเริ่มเดินทางจาก ฮานอย (รวมค่ารถ ไปกลับ ฮานอย – ซาปา (ดูราคาค่ารถได้ที่ลิ้งค์นี้) ด้วยค่ะ คุ้มมากมาย โดยที่เพื่อนๆ ยังสามารถเลือกที่จะ ค้างต่อเที่ยวต่อที่ซาปา โดยยังไม่กลับฮานอยก็ได้ค่ะ) คือถ้าหยกเห็นทัวร์นี่ก่อน ก็คงได้จองไปและได้เดินขึ้น ฟานซีปัน แล้วค่ะ เราเจอกันช้าไปสินะ แอบเสียใจเบาๆ ทั้งนี้ อ่านรายละเอียดดีๆ นะคะ รายละเอียดค่อนข้างเยอะเลยค่ะ





2. นั่งกระเช้าขึ้น พิชิตยอดฟานซีปัน ที่ Sapa Station
กระเช้าขึ้น ยอดเขาฟานซีปัน ของ Sun World Fansipan Legend Cable Car (ชื่อยาวมากค่ะ) เปิดให้บริการครั้งแรกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2016 ที่ตึกโคโลเนียลสวยๆ สีเขียวเหลือง มีคำว่า “Sun Plaza”
2.2) ซื้อตั๋ว และ ขึ้น Fansipan Cable Car ได้ที่ไหน?
ตึกสวยๆ เหลืองๆ เขียวๆ โคโลเนียลๆ ที่เขียนว่า “Sun Plaza” ตัวโตๆ ให้ไม่หลง นั่นแหละค่ะ หรือที่รู้จักกันว่า Sapa Station ให้เดินเข้าไปที่ชั้น 1 ก็จะเจอช่องขายตั๋วเลยค่ะ ส่วนทางขึ้นไปรถไฟ (ก่อนขึ้นกระเช้า) ก็เดินต่อเข้าไป(เลยห้องน้ำ)เลยค่ะ
หรือ สามารถ ซื้อตั๋วล่วงหน้าออนไลน์ ก็ได้นะคะ ลองตรวจสอบราคาดู เพราะบางครั้งก็จะถูกกว่าเนื่องจากมีโปรโมชั่นส่วนลดค่ะซึ่งแนะนำให้ซื้ออนไลน์สำหรับเพื่อนๆ ที่วางแผนจะมาช่วงฤดูท่องเที่ยว ช่วงวันหยุดยาว หรือ วันเสาร์อาทิตย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการรอซื้อตั๋วนาน จากแถวที่ยาวค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่จะซื้อออนไลน์ แนะนำให้อ่านรายละเอียดให้เข้าใจ ก่อนเลือกซื้อนะคะ เพราะมีหลายแพ็คเกจให้เลือก (รายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องการเดินทาง รถไฟ กระเช้า รถไฟ ขึ้น ยอดเขาฟานซีปัน ที่ข้อ 2.4 นะคะ)
เช่น
- ซื้อเฉพาะกระเช้า cable car หรือ
- ซื้อ การเดินทางให้ครบ เริ่มตั้งแต่ รถไฟ, กระเช้า และ ต่อรถไฟ หรือ
- ซื้อ การเดินทางให้ครบ เริ่มตั้งแต่ รถไฟ และ กระเช้า และเดินขึ้นต่อไปบน ยอดเขาฟานซีปัน
- ไหนจะมีวิธีการเลือกรับตั๋วอีก คือ จะรับทางเมล เป็นตั๋วอิเลกทรอนิกส์ หรือ ให้จัดส่งที่โรงแรมที่พักในซาปา





2.3) ที่ขายตั๋ว Fansipan Cable Car เปิดปิดกี่โมง?
ช่องขายตั๋วที่ Sapa Plaza ที่ เมืองซาปา เปิดให้บริการขายตั๋ว เวลา 07.00 – 16.00 น. นะคะ
2.4) ค่าตั๋ว cable car จาก Sapa Station ถึง ยอดเขาฟานซีปัน : นั่งรถไฟ? ต่อกระเช้า? ต่อรถไฟอีกที? หรือเดิน? อะไรยังไง?
ใช่ค่ะ เราไม่ได้นั่งกระเช้ายาวไปจนถึง ยอดเขาฟานซีปัน เลยค่ะ จะมีวิธีการขึ้น ตามลำดับ ดังนี้ 1, 2 และ 3 หรือ 1, 2 และ 4 ค่ะ
1. รถไฟโมโนเรลสาย Muong Hoa: ค่าตั๋วไป-กลับ 100,000 VND (ไม่แยกขายขาเดียว)
ขึ้นที่ Sapa Station นั่งไป 5 นาที ถึง Sun World Fansipan Legend
2. กระเช้า Fansipan: ค่าตั๋วไป-กลับ 750,000 VND (ไม่แยกขายขาเดียว)
หลังจากลงรถไฟมา ก็เดินต่อใน Sun World Fansipan Legend อีกสัก 10 นาที เพื่อไปขึ้นกระเช้า โดยเดินเข้าตึกที่มีร้านขายของที่ระลึก และขายของฝาก
นั่งกระเช้า 20 นาที ด้วยระยะทาง 6.3 km จากความสูง 1,410 m ที่แตกต่างระหว่าง 2 จุดขึ้นลงกระเช้า กับวิวที่สวยมากๆ ค่ะ
ข้อควรรู้ควรระวังระหว่างการนั่งกระเช้า:
- เตรียมเสื้อกันหนาว (ลิ้งค์ merino wool base layer ที่หยกใช้อยู่ค่ะ), เสื้อกันลม, ถุงมือ และหมวกไหมพรมให้พร้อมใส่
- ระหว่างนั่งกระเช้า หากมีลมแรง กระเช้าจะส่ายเบาๆ สามารถวิงเวียน หรือ เมากระเช้าได้ เตรียมยาอม ยาดม ยาหม่องไว้ใกล้ๆ มือนะคะ
- ราคาตั๋วกระเช้า ขายราคาเดียวนะคะ สำหรับท่านที่วางแผนเดินขึ้น และนั่งกระเช้าลง ก็ต้องจ่ายราคาเต็มของตั๋วไป-กลับนะคะ





3. รถไฟโมโนเรลสาย Fansipan: ค่าตั๋วไป 70,000 VND | ค่าตั๋วกลับ 80,000 VND
เมื่อออกจากกระเช้า จะเดินออกมาจากศูนย์การค้าที่มีของขายมากมาย มีร้านกาแฟที่มีเครื่องดื่มและขนมปังต่างๆ ขายด้วยค่ะ จากนั้นเดินขึ้นบันได ออกมาข้างนอกด้านบน เจอกับลานกว้าง ที่มองเห็น หอระฆัง Đại Hồng Chung อยู่ทางซ้ายมือ จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดหินสวยงามผ่านซุ้มประตู Thanh Vân Đắc Lộ (คล้ายๆ ซุ้มวัด) อีกสักนิด ก็จะเจอจุดขึ้นรถไฟต่อ ไปยัง ยอดเขาฟานซีปัน ค่ะ ซึ่งจุดจอดรถไฟนี้จะอยู่ที่ร้านคาเฟ่ ใกล้กับ จุดบนสุด ค่ะ โดยเดินขึ้นบันไดอีกไม่กี่ขั้น ก็ถึง ยอดเขาฟานซีปัน แล้วค่ะ
4. ลงกระเช้า แล้วเดินต่อไปจนถึง ยอดเขาฟานซีปัน ค่ะ
ระยะทางเดิน คือ ประมาณ 600 เมตรเท่านั้น โดยเป็นทางเดินบันไดเกือบจะตลอดทาง บางช่วงบันไดชันมากหน่อย ซึ่งก็มีที่จับคอยช่วยค่ะ ค่อยๆ เดิน กินบรรยากาศ หนาวๆ ลมเย็นๆ ชมวิวเบื้องล่างสวยๆ ชมทะเลหมอกหนาๆ ฟินดีนะคะ
ข้อดีของการเดิน
- ช่วยให้เราค่อยๆ ปรับตัวกับความสูง โดยการค่อยๆ เดินไปจนถึง ยอดเขาฟานซีปัน
- ได้บรรยากาศและสนุกกว่านั่งรถไฟขึ้นนะคะ ซึ่งวิวระหว่างทางก็สวยงาม มีจุดพัก จุดให้ถ่ายรูปเยอะด้วยค่ะ
- ได้เดินผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง เช่น พระพุทธรูปใหญ่ Đại Tượng Phật A Di Đà และ เจ้าแม่กวนอิม Tượng Quan Thế Âm
- ให้เราได้ออกกำลังบ้าง ดีกว่านั่งรถไฟ นั่งกระเช้าต่อ และนั่งรถไฟต่ออีก แล้วก็ถึงยอดเลย เดินนิดหน่อย แล้วก็นั่งยาว 3 ต่อถึง ซาปา นั่งกันจนเมื่อยเลยค่ะ
- มีห้องน้ำให้ได้เข้า ฟรี ก่อนถึง ยอดเขา Fansipan อีกด้วยค่ะ
- ประหยัดเงิน ไป-กลับ ตั้ง 150,000 VND เอาไปทานเฝอ ในร้านพื้นเมือง ได้ตั้ง 4 ชามแน่ะค่ะ





3. บน ยอดเขาฟานซีปัน มีอะไรบ้าง ร้านค้า ร้านอาหารมีไหม อากาศเป็นยังไง ต้องเตรียมตัว พิชิตยอดเขาฟานซีปัน แบบไหน?
3.1) วิวระหว่างทาง หลังจากลง รถไฟโมโนเรลสาย Muong Hoa ก่อน นั่ง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน
หลังจากลงรถไฟมา คือนึกว่าตัวเองอยู่ในยุโรปค่ะ สถานีรถไฟสวยงาม อลังการมาก ทั้งยังมีดอกทิวลิป ฟังไม่ผิดค่ะ ดอกทิวลิปของจริง หลากสี มากมาย เรียงรายสวยงาม แน่น เต็มสองข้างทางเดินเลยค่ะ ทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึก คล้ายๆ กับร้านในดิสนีแลนด์เลยค่ะ ดูดีไฮโซ น่าเข้ามากๆ (เดินเล่นนะ ไม่ซื้อ อิอิ)
จากนั้น ก็เดินออกมาด้านนอก เดินตามถนน ที่กว้าง ด้านขวามีสวนขนาดใหญ่ ที่เดาว่ามีการจัดสวนเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละฤดู ซึ่งเราจะเดินวนๆ ไปตามทางเดินถนน ที่จะวนซ้ายขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนด้านซ้ายมือนั้นกำลังมีการก่อสร้างบันไดวนๆ เดินขึ้นไปถึงทางขึ้นไป นั่ง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน ค่ะ
ยังค่ะๆ เราจะยังไม่ถึง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน ทันทีค่ะ จะต้องเดินผ่านลานกว้างที่มีการตกแต่งขึ้นกับฤดูอีกเช่นกัน และที่ข้างๆ นั้นก็มีลานขายสินค้าขายของที่จะมีการขายในช่วงฤดูท่องเที่ยวและวันหยุดที่จะมีนักท่องเที่ยวเยอะๆ (ซึ่งนี้ก็คงจะเป็นข้อดีของการมาเที่ยววันที่คนแน่นๆ ค่ะ เพราะของขายและกิจกรรมจะครึกครื้นกว่า) จากนั้นก็จะเดินผ่านเข้าไปในตึกขนาดใหญ่ที่เป็นทั้งโรงแรม ศูนย์อาหาร จุดขายตั๋วรถกระเช้า Fansipan สำหรับคนที่ไม่มีตั๋ว (คือเดินมาจากเมืองซาปา ซึ่งเดินมาได้นะคะ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ) ที่วัดความดัน (สำหรับใครที่กังวลเรื่องจะขึ้นที่สูงกว่า 3,143 m ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสำหรับเพื่อนๆ ที่กังวล แนะนำให้เดินขึ้น หลังจากลงกระเช้าแล้วนะคะ ไม้ต้องนั่งรถไฟค่ะ) และอื่นๆ ที่ด้านล่างยังคงตกแต่งสวยงามเต็มไปด้วยดอกทิวลิปอีกแล้ว
ใกล้ความจริงเข้ามาแล้วค่ะ เดินเข้าไปตึกเลยค่ะ ซึ่งบริเวณนี้มีห้องน้ำด้วย เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนขึ้นกระเช้ากว่า 20 นาทีได้เลยค่ะ โดยเราจะเดินลง ซึ่งมีทั้งบันไดเลื่อนและบันไดให้เดิน จากนั้นก็จะเจอจุดตรวจตั๋ว เพื่อเข้าสู่ จุดนั่ง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน ค่ะ





3.2) วิวระหว่างทาง หลังจากลง กระเช้า Fansipan ก่อนขึ้น รถไฟโมโนเรลสาย Fansipan
นั่ง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน เป็นเวลาประมาณ 20 นาที พอลงกระเช้ามา (ตัวสถานีขึ้นลงกระเช้า อยู่ในตึกค่ะ) แต่งกายเครื่องกันหนาวกันลมให้เรียบร้อยนะคะ พอออกมาจากกระเช้า บริเวณนี้ก็จะมีห้องน้ำให้เข้าอีกค่ะ จากนั้นเราก็จะเดินผ่านศูนย์อาหาร ที่มีอาหาร และของว่างขาย ทั้งยังมีสินค้าของที่ระลึกและของฝากขายมากมายอีกด้วย พอออกมานอกตึก ก็เดินขึ้นบันได ไปสู่ลานกว้าง ที่หากลมแรง ก็จะหนาวตัวปลิวมากๆ ค่ะ ใครไปกับผู้สูงวัยที่ขาแข้งไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก และกับเด็กเล็กๆ จับกันดีๆ นะคะ ลมสามารถแรงได้มากๆ เลยค่ะ
เดินขึ้นบันได ผ่านประตูวัดสวยงาม และเดินต่ออีกนิด ก็จะเจอสถานีรถไฟค่ะ (สำหรับใครที่เดินไม่ไหว หรือไม่อยากเดิน) ก็นั่งรถไฟต่อไปถึงด้านบนได้เลยค่ะ ทั้งนี้ หากใครหิวหรือต้องการพัก บริเวณนี้ก็มีร้านอาหารค่ะ นั่งพักชิวๆ ทานอาหารหรือขนมก่อน ค่อยนั่งรถไฟก็ได้ค่ะ
3.3) วิวระหว่างทาง หลังจากลง กระเช้า Fansipan (ไม่ขึ้น รถไฟโมโนเรลสาย Fansipan) แล้วเดินต่อไปจนถึง Top of Fansipan
จากนี้ไปจนถึง ด้านบนของ ยอดเขาฟานซีปัน คือความสวยงามตลอดทาง ทั้งวิว ทั้งบรรยากาศ หากเป็นไปได้ แนะนำให้เดินค่ะ อย่านั่งรถไฟต่อเลย (ตามเหตุผลในข้อ 2.4 ข้อย่อยที่ 4 ค่ะ) โดยจากนี้ไปจะมีทั้งบันไดชัน (ซะส่วนใหญ่) สลับกับทางเดินราบ (นิดหน่อย) เดินเรื่อยๆ ถ่ายรูปเพลินๆ เดินไม่นาน 20 – 30 นาที (ขึ้นกับแต่ละบุคคล ว่าแวะชมวิวบ่อยและนานมากแค่ไหน) ก็ถึงแล้วค่ะ ไม่บรรยายเยอะค่ะ งามและเพลินขนาดไหน ไปดูรูปกันเลยค่ะ
3.4) วิวบน Top of Fansipan พิชิตยอดเขาฟานซีปัน แล้ว เย้
- จะได้เห็น และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง
- ตื่นตาตื่นใจไปกับการชมทิวทัศน์ของเทือกเขาฮวงเหลียนเซิน และหุบเขาเมืองหัว
- ชมสถานที่ท่องเที่ยวอันศักดิ์สิทธิ์อย่าง ตั้งแต่ความงามของ ประตูซุ้มทางเข้า Thanh Vân Đắc Lộ กับบันไดหินสวยงามสูงๆ ชันๆ, หอระฆัง Đại Hồng Chung, พระพุทธรูปใหญ่ Đại Tượng Phật A Di Đà และ เจ้าแม่กวนอิม Tượng Quan Thế Âm เป็นต้น





3.5) ร้านค้า ร้านอาหาร บน ฟานซีปัน มีไหม?
มีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ด้านบน ฟานซีปัน มี 2 แห่งถ้วน เปิดทุกวัน 07.00 – 16.30 น.
- ร้านอาหารอยู่ถัดจาก จุดขึ้นรถไฟโมโนเรลสาย Fansipan ขาขึ้น ร้านกว้าง เป็นห้องกระจก หากลมแรง หรือ หนาวมากๆ ก็แวะหาอะไรร้อนๆ และหลบลม คลายความหนาวได้ค่ะ
- ร้านคาเฟ่ เป็นห้องกระจก ตั้งอยู่ริมผา วิวดีสุดๆ เลยค่ะ แนะนำมากๆ อยู่ติด จุดขึ้นรถไฟโมโนเรลสาย Fansipan ขาลง แนะนำมากๆ ค่ะ คาเฟ่นี้บรรยากาศดีสุดๆ น่านั่งชิวๆ มากๆ มากันแต่เช้าๆ เลยนะคะ ชมวิวบน ยอดเขาฟานซีปัน ช่วงเช้า จากนั้นมานั่งพักนั่งชิวกินบรรยากาศที่นี่ แล้วแวะชมวิวสวยๆ อีกทีในช่วงบ่าย ก่อนกลับเข้า ซาปา ค่ะ
3.6) บน ฟานซีปัน อากาศเป็นยังไง ต้องเตรียมตัวแบบไหน?
เนื่องจาก ซาปา มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ส่วนด้านบน ยอดเขา Fansipan ที่สูงถึง 3,143 m นั้น สามารถมีอากาศที่หนาวเย็นมากๆ ยิ่งหากลมแรง ก็จะยิ่งทำให้ความหนาวเย็นนั้นทวีคูณขึ้นไปอีก ทั้งนี้ อากาศในช่วงเช้า สาย บ่าย และเย็น ก็จะแตกต่างกันไปอีก แนะนำให้ตรวจสอบสภาพอากาศช่วงที่มาอีกทีนะคะ เพื่อที่จะได้เตรียมตัวให้พร้อมที่สุดค่ะ
ทั้งนี้ เพื่อนๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม เที่ยวซาปา ช่วงไหนดี? ที่ลิ้งค์สีส้มๆ นี้ ในข้อ 4 ได้เลยนะคะ จะได้พอมีไอเดียว่าแต่ละเดือน แต่ละช่วงอากาศที่ ซาปา และ ฟานซีปัน จะเป็นยังไง หนาวประมาณไหน ต้องเตรียมตัวคร่าวๆ อย่างไร
หยกมา ฟานซีปัน ช่วงกลางเดือนมกราคมค่ะ ขึ้นยอดช่วงบ่าย แดดดี ฟ้าเปิด อากาศหนาว ประกอบกับลมที่แรงมาก ยิ่งทำให้หนาวเข้าไปอีก แต่ไม่ได้หนาวแบบที่ทรมานนะคะ แต่จะเป็นหนาวแบบที่ทนไหวค่ะ โดยช่วงเย็นๆ หน่อย เมฆหมอกเริ่มเข้ามา ปกคลุมวิวของ เมืองซาปา ค่ะ
ส่วนการแต่งกายของหยกในช่วงที่มา ก็คือ
- ใส่เสื้อ base layer ที่ทำจากขนแกะ merino แท้ 100% หยกมี merino wool base layer ที่เป็นกางเกงด้วยค่ะ แต่ยังไม่หนาวพอขนาดที่จะต้องใส่ค่ะ
- ส่วมทับด้วยเสื้อกันหนาว fleece
- ปิดท้ายด้วย เสื้อกันฝน rain jacket ที่กันลมได้เช่นกัน
- ตามด้วยถุงมือบางๆ
อย่างที่บอกค่ะ ว่าอากาศช่วงที่หยกไปนั้นไม่ได้หนาวมากขนาดที่ต้องใส่เสื้อขนเป็ด down jacket ค่ะ





4. นั่ง กระเช้าขึ้นฟานซีปัน ตอนไหนดี? เช้า? หรือ บ่าย?
เวลาเปิด-ปิด ขายตั๋ว กระเช้าขึ้นฟานซีปัน
Sapa Station เปิดให้เข้าซื้อตั๋วขึ้น ยอดเขาฟานซีปัน ตั้งแต่ 07.00 น. ค่ะ และปิดขายตั๋ว 16.00 น. โดยกระเช้าขาลง รอบสุดท้ายคือ 18.00 น.ค่ะ ซึ่งจากเวลาเปิดขายตั๋ว และเวลาปิดให้ลงนั้น จะทำให้ไม่สามารถขึ้นไปทันชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ และอาจจะได้ชมพระอาทิตย์ตก ในกระเช้าตอนขาลง ขึ้นกับสถาพอากาศ ณ ขณะนั้น
– เช้า –
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากชมหมอกแน่นๆ หรือหมอกหนาๆ หรืออากาศขมุกขมัวๆ หมอกๆ อากาศหนาวๆ แดดร่มๆ (ไม่มีแดด) แนะนำให้ไปตอนเช้าๆ ค่ะ (ทั้งนี้ ตรวจสอบสภาพอากาศกันอีกทีนะคะ)
– บ่าย –
ส่วนเพื่อนๆ ที่อยากชมวิวเมืองซาปาชัดๆ ภูเขาเขียวๆ สวยๆ ฟ้าแจ่มๆ อากาศไม่หนาวมาก และได้ถ่ายรูปกับป้าย Fansipan 3,143 m ทั้งป้ายเก่าและป้ายใหม่ชัดๆ แบบที่เงาไม่บัง แนะนำให้ไปช่วงบ่ายค่ะ
– เย็น –
เพื่อนๆ ที่อยากชมแสงรำไรๆ ฟ้าส้มๆ แดงๆ แนะนำให้อยู่ยาวจนถึงกระเช้าขากลับรอบสุดท้าย มีสิทธิ์ลุ้นชมพระอาทิตย์ตก กับหมอกสวยๆ ด้านบน หรือไม่ก็ชมในกระเช้าค่ะ
– ทั้งวัน –
ทั้งนี้ สำหรับเพื่อนๆ ที่มีเวลาทั้งวัน แนะนำให้อยู่ทั้งวันเลยค่ะ โดยไปตั้งแต่เช้า ชมวิวบนยอดให้หนำใจ จากนั้นแวะนั่งชิวๆ ทานขนม จิบกาแฟ ชมวิวสวยๆ ในร้านคาเฟ่ ข้างบนที่อยู่ใกล้ยอดเขาฟานซีปัน พอช่วงบ่ายก็ออกมาเก็บตกวิวงามๆ ถ่ายรูปต่อค่ะ รับรองว่าฟิน และคุ้มค่ามากๆ





5. ไป พิชิตยอดเขาฟานซีปัน พักไหนดี? แนะนำที่พักใน เมืองซาปา Sapa
โฮมสเตย์บรรยากาศชาวเขาๆ ทำเลดี เงียบสงบ วิวสวย โดยเดินแค่ 400 เมตร ก็ถึงที่ซื้อตั๋วขึ้น Fansipan Cable Car แล้วค่ะ
ห้องพักสุดกว้าง สะอาดสุดๆ มีห้องสำหรับครอบครัว 4 ท่านด้วยค่ะ ทั้งทำเลก็ดี ไม่ได้อยู่บนถนนใหญ่ จึงเงียบสงบ เดินแปปๆ ก็ถึงซื้อตั๋วขึ้น Fansipan Cable Car แล้วค่ะ
C). Moc Hotel Sapa
ที่พัก 3 ดาว ราคาดี ทำเลดี ห้องน่านอนมาก มีอาหารเช้าบริการ มีห้องที่มีระเบียงและวิวภูเขา สวยๆ หมอกแน่นๆ คุ้มค่าคุ้มราคามากๆ แนะนำๆๆ เลยค่ะ
D). Saparis Hotel
อีกที่พัก 3 ดาวที่แนะนำสุดๆ เลือกห้องที่มีระเบียง + วิวทะเลสาบ + วิวภูเขา นะคะ รับรองว่าจะฟินสุดๆ เลยค่ะ ทั้งตัวห้องพักก็ตกแต่งกึ่งๆ แนวชาวเขา ผสมๆ โมเดิร์นคลาสสิก และยังมีห้องสำหรับ 4 ท่านด้วยนะคะ ในราคาที่หารกันแล้ว คุ้มมากๆ ค่ะ
ที่สุดของการแนะนำ กับความโรแมนติก เหมาะกับ ซาปา สุดๆ มีห้องมีระเบียง วิวภูเขาไกลตา ห้องน้ำมีอ่างจากุชชี่ การตกแต่งห้องสวยงาม ไฮโซ เหมาะกับการมาพักผ่อนเป็นที่สุด ทั้งทำเลก็ดี เดินทอดน่องนิดๆ ก็ถึงซื้อตั๋วขึ้น Fansipan Cable Car แล้วค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ ข้อมูลแน่น เตรียมเที่ยว เตรียม พิชิตยอดเขาฟานซีปัน แล้วใช่ไหมล่ะคะ เย้ๆๆ กลับมาแล้วมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ หากเพื่อนๆ ท่านไหนที่มีคำถาม ข้อสงสัย ตรงไหนไม่ชัดเจน ข้อมูลตรงไหนผิดพลาด คอมเม้นต์เข้ามาที่ช่องคอมเม้นต์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ หยกรออ่านและตอบอยู่นะคะ
ละเอียดมากๆค่ะ กำลังวางแผนเดินทางไป ได้เจอโพสนี้มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณสินันท์
ขอบคุณมากค่ะสำหรับคอมเม้นต์ ยินดีและดีใจมากๆ ค่ะที่โพสต์ที่ตั้งใจเขียนขึ้นมาเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน 🙂
เดินทางปลอดภัยและเที่ยวให้สนุกนะคะ
ละเอียดม๊ากกกอ่านเพลินเลยย สอบถามนิดนึงค่ะ ซื้อแพคเกจกระเช้าแบบไม่รวม monorail ขึ้นไปยอดเขาไว้ ถ้าเปลี่ยนใจเดินไม่ไหว ข้างบนพี่จุดให้ซื้อไม๊คะหรือต้องซื้อตั้งแต่ด้านล่างเลย
Ps.ขอตามไปอ่านเมืองอื่นๆต่อก่อนนะคะ^^
รบกวนสอบถามข้อมูลการท่องเทีทยวนะคะ
1. ถ้าจะไปเที่ยวซาปากับคุณแม่อายุ 67 ปี ซึ่งเดินได้แต่อาจจะเดินบันไดได้ช้าช้า เรื่อย ๆ สามารถพาไปเที่ยวได้ไหมคะ เท่าที่ดู มีเคเบิ้ลคาร? และรถไฟ พาไปถึงสถานที่เลยใช่ไหมคะ
2. สำหรับการวางแผนท่องเที่ยวบนฟานสิ ปันใช้เวลา 3 ชั่วโมงพอไหมคะ (รวมเดินทาง และท่องเที่ยว)
3. Moana cafeควรไปช่วงเช้าหรือช่วงเย็นดีคะ
4. การเดินทางท่องเที่ยวในซาปา มี grab ไหมคะ เดินทางภายในตัวเมือง มีวิธีใดบ้างคะ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ🙏😍
สวัสดีค่ะคุณนราทิพย์
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ 🙂 หยกขอตอบดังนี้เลยนะคะ
1.การขึ้นไปถึง ยอดฟานซีปัน มีการเดินทางคือ นั่งรถไฟสายโมโนเรล สาย Muong Hoa, ลงสถานีรถไฟโนโนเรล แล้วต่อเคเบิ้ลคาร์, ลงสถานีเคเบิ้ลคาร์ แล้วเดินต่ออีกหน่อย เพื่อไปต่อรถไปสายโนโนเรล สาย Fansipan, นั่งรถไฟสายโมโนเรล แล้วก็เดินต่ออีกนิดเดียว ก็ถึงยอดเขาฟานซีปันแล้วค่ะ ดังนั้น คุณแม่ไปได้สบายค่ะ ค่อยๆ ไป ค่อยๆ เดิน ชมวิว เหนื่อยก็นั่งพัก และ เก็บบรรยากาศระหว่างทางไปเรื่อยๆ ค่ะ
2.เวลา 3 ชั่วโมง กับการ เที่ยวฟานซีปัน ด้วยการนั่งรถไฟและเคเบิ้ลคาร์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบนั้นเพียงพอค่ะ

3.หยกไม่ได้ไปเที่ยวที่ Moana Cafe หรือ Moana Sapa (ใช่ไหมคะ?) เลยให้คำตอบในข้อนี้ไม่ได้ค่ะ
4.นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ รวมทั้งหยกใช้วิธีการเดินเท้าเที่ยวใน Sapa ค่ะ แต่กรณีมีผู้สูงวัยไปด้วย จะสะดวกกว่าถ้าใช้บริการรถนะคะ เพราะทางเดินถนนนั้นมีทั้งลาดและชันค่ะ ตามที่พักใน Sapa มีบริการแทกซี่นะคะ ส่วน grab เท่าที่ทราบนั้นมีเช่นกันค่ะ แต่หยกว่าน่าจะสะดวกกว่าถ้าใช้บริการรถแทกซี่กับที่พักนะคะ ไม่ต้องเสียเวลาเรียกและรอรถด้วยค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ เดินทางปลอดภัย และ เที่ยวให้สนุกนะคะ