
หยกจะพาไป สักการะเข้าแม่กวนอิม องค์ใหญ๊ใหญ่ ทั้งยังพาเดินชมความงาม ความอลังการ สีสันสดใสของ วัดเขาเต่า ปีนัง หรือ ที่เรียกกันว่า วัดเก็กลกซี Kek Lok Si Temple
หากจะพูดถึง เมืองที่เป็นที่รู้จักสำหรับการท่องเที่ยวอีกเมือง ที่ใกล้กับประเทศไทย เดินทางสะดวก ค่าครองชีพไม่สูงมาก และ เหมาะสำหรับผู้รักการท่องเที่ยว ที่มีเวลาน้อย แค่ 2 – 3 วัน คงไม่มีใครไม่รู้จัก เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพื่อนบ้านของเรานั่นเอง ที่ ปีนัง นี้ มีอะไรให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเดินชมเมืองเก่าจอร์จทาวน์ ชมพวกสตรีทอาร์ต ที่เป็นที่รู้จักของใครหลาย ๆ คน และ อีกหลาย ๆ ที่ ที่หยกจะได้กล่าวต่อไปด้านล่างนี้ ซึ่งใครจะไปเที่ยวปีนัง สามารถเข้ามาอ่าน ข้อมูลการท่องเที่ยวปีนัง เบื้องต้น ได้ที่นี่ นะคะ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีวัดวาอารามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดพุทธ, วัดแขก หรือ วัดจีน จำกันได้ไหมคะ ว่าหยกพาไป เที่ยว วัดงู ปีนัง มา ที่มีงูพิษอยู่เต็มวัดเลย ซึ่งเป็นการไปเที่ยววัด ที่ตื่นเต้น และเสียวไส้ที่สุด ตั้งแต่ที่หยกเคยเข้าวัดมา อีกทั้ง ยังเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ใหม่เอี่ยม หาไม่ได้ง่าย ๆ และ ประทับใจ จนลืมไม่ลงเลยทีเดียวค่ะ

นอกจาก วัดงู ปีนัง แล้ว ยังมีอีกวัดที่เป็นไฮไลท์ที่ ๆใครไป ปีนัง ต้องไม่พลาด ซึ่งก็คือ วัดเขาเต่า ปีนัง หรือ วัดเก็กลกซี (Kek Lok Si Temple) เพราะ นอกจากจะเป็นวัดพุทธ ที่ใหญ่ที่สุด ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ยังมีสถาปัตยกรรม แบบผสม ทั้ง ไทย จีน และ พม่า ที่ผสมผสานได้อย่างน่าทึ่ง และ ลงตัวที่สุด อีกทั้ง จุดเด่นความใหญ่โต และ ศักดิ์สิทธิ์ของ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ที่สูงถึง 30.2 เมตร ที่สอดคล้องกับตัววัด ที่มีขนาดใหญ่มาก หากใครจะมาที่นี่ จะสามารถมองเห็นวัดได้แต่ไกล ๆ ลิบ ๆ โดยไม่ต้องกลัวจะหลงทางเลยค่ะ
ใครว่ามาวัด แล้วหยกจะไม่มีวีรกรรมเด็ดๆ รออ่านด้านล่างเลยค่ะ หึหึ พูดถึงแล้วก็รู้สึกโกรธยิบ ๆ เลย
อ๋อ..นอกจากการไปไหว้พระแล้ว ปีนัง ยังมีที่เที่ยวที่ ๆ ใครก็รู้จัก คือ ปีนังฮิลล์ กับการเดินชมวิวพาโนรามา 360 องศา ของจอร์จทาวน์ สะพานปีนังที่ย๊าวยาว และ วิวของฝั่งตรงข้าม และ ยังมีสวนสนุก ซึ่งเป็นที่เที่ยวที่เกิดใหม่ เอาใจทุกวัย ให้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง ด้วย การผจญภัยแนวผาดโผน ใน สวนสนุก Escape ที่ไม่ไปไม่ได้แล้ว และได้ข่าวแว่ว ๆ มาว่า (จริง ๆ คือแอบเห็นตอนที่ไป ผจญภัยกระชากวัยที่นั่นค่ะ 555+ เลยถามเจ้าหน้าที่เค้าดู) เค้ากำลังสร้างสวนน้ำ ซึ่งน่าจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ด้วย
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? สโลเวเนีย? ศรีลังกา? หยกจัดทริปค่ะ
สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ


มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ การเดินทางไป วัดเขาเต่า ปีนัง ก็ง่ายมาก มีรถประจำทางผ่านอยู่หลายสาย ไม่ว่าจะเป็น สาย 201 และ 204 ที่ลงป้ายเกือบสุดท้าย ก็จะเจอ วัดเขาเต่า ปีนัง หรือ สาย 203 ที่ วัดเขาเต่า ปีนัง คือสถานีปลายทาง
ทริค 1: หากยังมีความกังวล ว่าจะลงผิดป้าย ก็บอกคนขับไว้ได้ค่ะว่า Kek Lok Si Temple แล้วก็ยืนใกล้ ๆ คนขับไว้ มองคนขับเป็นระยะ ๆ แล้วเดินไปถามอีกสักที เหมือนเป็นการเตือนว่าให้เค้าเรียกเราด้วยเมื่อถึงป้าย ซึ่งเมื่อถึงป้ายของ วัดเขาเต่า เค้าก็จะเรียกเราเองค่ะ
เมื่อลงรถแล้ว ก็ให้มองรอบ ๆ ตัว คุณก็จะเห็นวัดสีเหลืองทองอยู่บนเขา ที่มีขนาดใหญ่ เดินตามทางนั้นไปเลยค่ะ

ทริค 2: ใครวางแผนจะมาสักการะที่ วัดเก็กลกซี แนะนำให้ไปวันเดียวกับ ปีนังฮิลล์นะคะ เพราะ ห่างกันแค่ป้ายรถเมล์เดียวเองค่ะ


นอกจาก รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ที่สูงใหญ่แล้ว ใน วัดเขาเต่า ยังมีบ่อเลี้ยงเต่า ที่สะอาดสะอ้าน มีเต่าสุขภาพดีอยู่มากมาย หลากหลายอายุ ตั้งแต่เบบี้ ๆ จนถึง อาเหล่ากง อาเหล่าม่าเลยทีเดียว เราสามารถซื้อผักบุ้ง เพื่อเป็นอาหารให้เต่าได้ ในราคา 1 RM (ประมาณ 10 บาท) ส่วนบริเวณรอบ ๆ วัดเขาเต่า ก็เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไป คือ มีร้านขายของล้อมรอบ ทั้งเสื้อผ้า และ ของที่ระลึกต่าง ๆ



เมื่อหยกเดินเข้ามาถึง ภายในบริเวณ วัดเก็กลกซี คือ ดูอลังการมาก ความสวยงาม และ ความใหญ่โตที่เห็นจากภายนอกนั้น เทียบไม่ได้ กับการได้ยลโฉมสถาปัตยกรรม ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การแกะสลักต่าง ๆ หลังคา เจดีย์ที่ไม่ซ้ำใคร กำแพงสไตล์จีน กำแพงที่มีพระพุทธรูปอยู่ล้อมรอบ สวนหย่อมเล็ก ๆ หรือ วิวเบื้องล่าง



โพสต์นี้ ขอเน้นรูปละกัน คือ วัดเก็กลกซี นี้สวยมาก สวยทุกมุม แค่เดินเลยไปหนึ่งก้าว กับมุมเดิม ยังสวยเลย 555+ ผลก็คือ รูปที่ถ่ายมานั้นเยอะมาก สวย อลังการ จนไม่รู้จะบรรยายยังไง ให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เห็นมากที่สุด ยิ่งวันที่หยกไปเนี่ย ท้องฟ้าเป็นใจ แดดจ้า ฟ้าใสอีกต่างหาก




ใครที่มาที่ วัดเก็กลกซี นี้ คงเตรียมพร้อม กับการมาขอพร กับ ริบบิ้นขอพร ใช่ไหมคะ โดยสีของริบบิ้นนั้น ให้พรที่แตกต่างกันค่ะ ราคาพรละ 1 RM (ประมาณ 10 บาท) เล็งสีไหนไว้เอ่ย


มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? สโลเวเนีย? ศรีลังกา? หยกจัดทริปค่ะ
สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
และนี่คือ วีรกรรมใน วัดเขาเต่า ที่หยกได้เกริ่นไว้ เรื่องมันมีอยู่ว่า การเข้าวัด มักจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใช่ไหมคะ แต่ใน วัดเขาเต่า นี้ จะมี “จุดอ้างการเก็บตังค์ ค่าเข้าชมวัด” 2 RM (ประมาณ 20 บาท) ซึ่ง หยกกำลังจะควักเงินจ่ายแล้ว แต่มาเอ๊ะใจตรงที่ว่า คุณป้าแก ไม่มีตั๋วให้ พอถามถึงตั๋ว แกก็ก้มหน้า ไม่สบตา และ คำตอบที่ได้ ด้วยเสียงแข็งๆ ไม่พอใจ ก็คือ “No english” ทั้งๆที่ แกพูดภาษาอังกฤษ บอกให้เสียค่าเข้า แล้วพอทักแกไปว่า “อืม อะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังพูดภาษาอังกฤษอยู่เลย ไหนคะตั๋ว ขอตั๋วก่อน แล้วจะจ่ายค่ะ” ซึ่งดูหน้าก็รู้แล้ว ว่าป้าแกเข้าใจ และ พูดภาษาอังกฤษได้ อีกทั้ง คนปีนังนั้น พูดภาษาอังกฤษคล่องกันทั้งเมือง อย่ามามโนนะป้า
เถียงกันอยู่นาน หยกเลยเดินผ่านไปเลยค่ะ ทีนี้แกพูดภาษาอังกฤษใส่ใหญ่เลย เลยหันกลับไปบอกแกว่า “จ่ายได้ แต่ขอตั๋วด้วย” แกก็เงียบหน่ะสิคะ คือ 20 บาท ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่หลายๆคนเข้า มันก็เยอะมาก แล้วป้าแกจะมาหาเงินง่ายๆ แบบนี้ได้ไง คนอื่นเค้าต้องเรียน ต้องไต่เต้ามากมาย กว่าจะหาเงินได้ ไม่ยอมหรอกค่ะ ต้องเรียกร้องสิทธิ ให้กับคนขยันๆ และ ตั้งใจทำงานหาเงินเท่านั้น ไม่ใช่มาหลอกกินกันง่ายๆ แบบนี้ (เข้าโหมดโกรธ)
แล้วป้าแกก็ยังไม่หยุดพูดภาษาอังกฤษ ที่บอกว่าพูดไม่ได้ เชอะ สนใจไหม ไม่ค่ะ เดินต่อสวยๆ



ห่างไปไม่กี่ก้าว ก็เดินมาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นคนปีนัง หยกเลยถามไปว่า ต้องเสียเงินค่าเข้าด้วยเหรอค่ะ คำตอบที่ได้ก็ คือ “เค้าไม่ได้เสียนะ เพราะ เค้ามาอีกทาง แต่คนที่มาจากด้านที่หยกมา ก็จะเจอด่านคุณป้าเก็บเงิน ซึ่งไม่ควรจะมี แต่คนก็จ่ายกันนะ เพราะ เค้าไม่อยากมีเรื่อง” นั่นไง หยกไม่ผิดนะที่ไม่จ่าย
แต่เรื่องเก็บค่าเข้า ทั้งๆที่อยู่ในวัดอยู่แล้วเนี่ย จริงเท็จอย่างไร หยกไม่ทราบนะคะ เพียงแต่ดูไม่น่าเชื่อถือ จากการที่ไม่มีตั๋ว และ คนเข้ามาจากอีกทางก็ไม่ต้องเสียเงิน (ครั้งหลังที่หยกไป ประตูทางนี้ถูกปิดไปแล้วนะคะ) มันดูแปลกๆไปหน่อย ใครทราบข้อเท็จจริงก็แถลงข้อข้องใจให้หยกทีนะคะ
ที่บอกว่า “มาจากอีกทาง” ก็คือเค้าเอารถมา อย่างที่หยกเกริ่นไว้ ในรูปบนๆ ว่ามีทางเข้าอีกทาง สำหรับคนเอารถมา ซึ่งหยกไม่มีรถ และ มาโดยรถประจำทาง และ ลงตรงป้ายรถประจำทาง เลยบังคับให้ขึ้นอีกทาง แต่เท่าที่เห็นคือ ที่ วัดเก็กลกซี แห่งนี้ มีที่จอดรถสองที่นะคะ ตรงฝั่งที่รถประจำทางจอด ก็มีที่จอดรถเช่นกัน


ได้เห็นตัวเงินตัวทอง นี่หมายถึง มีโชคจริงๆสินะ เลยไม่ต้องเสียเงิน 2 RM (ประมาณ 20 บาท) 555+
วันนี้จะเป็นวันที่ยาวไป ๆ ของหยกค่ะ เพราะ หลังจากเสร็จสิ้นที่ วัดเขาเต่า ปีนัง แห่งนี้แล้ว หยกวางแผนจะไปต่อ อีก 2 – 3 ที่ ในละแวกเดียวกัน จึงไม่ได้ขึ้นไม่สักการะ เจ้าแม่กวนอิม และ ไม่ได้ชมวิวจากด้านบน แต่ก็ไม่ได้น้อยใจไปค่ะ เพราะ หยกจะได้ไปชมวิวพาโนรามา แบบ 360 องศา จากที่ ๆ สูงกว่านี้ ในจุดหมายถัดไป ใครรู้บ้างว่าที่ไหน?
ใครมา วัดเขาเต่า ปีนัง แล้วต้องเสียค่าเข้าบ้างคะ หรือ ใครสร้างวีรกรรมอะไรมาเล่าให้ฟังบ้างนะ
หยกไป ปีนัง มาอีกแล้วค่ะ แล้วก็แวะไปเก็บตก วัดเขาเต่า ปีนัง ครั้งที่แล้วไม่ได้ขึ้นไปชม รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เลยเหมือนยังไปไม่ถึง วัดเขาเต่า ปีนัง เลยค่ะ ส่วนการขึ้นชม รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ก็ทำได้โดยนั่งรถราง หรือ ขับรถขึ้นไป ค่าเสียหายสำหรับรถราง เที่ยวเดียว อยุ่ที่ 3 RM (ประมาณ 30 บาท), ไป – กลับ 6 RM (ประมาณ 60 บาท) คงไม่ต้องบอกนะคะ ว่าหยกซื้อแบบไหน 555+ ขากลับเดินลงประมาณกิโลกว่าๆเองค่ะ แป๊ปเดียวก็ถึงด้านล่างแล้วค่ะ โดยเดินลงไปตรงฝั่งรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ที่มีกระถางธูปใหญ่ ๆ ไว้สักการะ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ตรงนั้นแหละค่ะ เดินทะลุไปก็จะเจอ ที่จอดรถค่ะ ง่าย ๆ ก็คือ เดินตามถนนที่รถมานั่นเอง


อีกทั้งที่ วัดเขาเต่า ปีนัง นี้ ยังสามารถชมวิวพาโนรามา ของเมืองจอร์จทาวน์ ได้สวยงาม ไม่แพ้บน ปีนังฮิลล์ เลยนะคะ

ไหน ๆ ใครไปสักการะ วัดเขาเต่า ปีนัง มากกว่า 2 ครั้ง แล้วเอ่ย