
หากคุณคือคนที่มีทริปในฝันมากมาย ชอบมองหาแต่สถานที่ท่องเที่ยว ชอบค้นคว้าหาข้อมูลท่องเที่ยว รู้เสมอว่าเมื่อไหร่มีวันหยุด แต่สุดท้ายฝันนั้นก็ถูกพับเก็บไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะความไม่พร้อม ไม่กล้า ไม่มั่นใจ ความกลัว ที่จะไป เที่ยวคนเดียว เพราะไม่มีเพื่อนไปด้วย คิดเสมอว่าการท่องเที่ยวจะต้องใช้เงินจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ เที่ยวคนเดียว เพราะไม่มีคนช่วยหาร
ลองอ่านสิ่งต่อไปนี้ ที่หยกกำลังจะบอกดูนะคะ เพราะ มันมาจากประสบการณ์ตรงที่หยกก็ “เคยเป็น” เช่นนั้นเหมือนกัน ย้ำค่ะย้ำ ว่า “เคยเป็น” แล้วลองเอาไปประยุกต์ใช้ กับตัวคุณเองดูนะคะ
การที่จะทำอะไรซักอย่างนั้น มันมีปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง ที่เราต้องทำไปด้วยกัน สิ่งนั้นจึงจะประสบผลสำเร็จ ซึ่งสิ่งที่หยกกำลังจะบอกต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ง่าย หากหยกทำได้ ใครๆ ก็ทำได้ค่ะ เที่ยวคนเดียว ยิ่งง่ายไปใหญ่
หยกมีบทความแนะนำ วิธีการเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค โดยสามารถอ่านได้ที่ลิ้งค์ตัวหนังสือส้มๆตรงนี้เลยนะคะ ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ชอบเที่ยวลุยๆ จะได้เลือกกระเป๋าแบ็คแพ็คที่เหมาะกับคุณได้ หรือจะเป็น การเลือกรองเท้าเดินป่า (hiking shoes) ให้เหมาะกับกิจกรรมที่จะทำ รวมทั้งชนิดของรองเท้าเดินป่า และวิธีการดูแลรักษารองเท้า
- “ทำตามเสียงเรียกของหัวใจ”

วี๊ดวิ้ว หยกหมายความตามนั้นค่ะ เพราะ อะไรที่มาจากใจของเราจริงๆ แล้ว เราจะมีความตั้งใจ และ มุ่งมั่นกับสิ่งนั้นเป็นพิเศษ ซึ่งมักจะประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ หากว่าคุณมีความสุข กับการหาข้อมูลท่องเที่ยว, การฟังเรื่องราวท่องเที่ยวจากคนอื่นๆ, การดูรูปภาพสถานที่ท่องเที่ยว ผจญภัยทั้งหลาย, การชมรายการพาเที่ยว หรือ แม้กระทั่งการซื้อหนังสือหรือนิตยสารท่องเที่ยวมากมาย ด้วยจิตใจที่ฝักใฝ่ และ พยายามขนาดนี้แล้ว แสดงว่าคุณ คือ มีเลือดนักท่องเที่ยวอยู่ในตัว และ พร้อมที่จะท่องเที่ยว ได้ทุกเมื่อ ดังนั้น เรื่องการหาข้อมูล เพื่อวางแผนทริปนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ว่าจะ เที่ยวคนเดียว หรือไปกันเป็นกลุ่ม
อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะค่ะ หาข้อมูลท่องเที่ยวต่อไป ลิสต์ไว้เยอะๆ จัดหมวดหมู่ตามฤดูกาลการท่องเที่ยวเลยก็ดีนะคะ รอแค่หาวันว่างๆ และฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆ พร้อมความกล้าและมั่นใจ ที่นี้ จะเลือกไปได้ไม่หมดเลยทีเดียว
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ
- “อย่าทำให้ตัวเองสิ้นหวังหรือหมดหวัง”

อย่าคิดว่าสิ่งนั้นๆ จะเป็นไปไม่ได้ อีกความหมายหนึ่งที่หยกจะบอกก็คือ “กำลังใจจากตัวเอง คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราได้จากมันเต็มๆ 100%” ความหวังที่จะไปตามฝันนั้น จะทำให้เราหาลู่ทางที่จะทำสิ่งนั้นๆให้สำเร็จให้จงได้ ถึงแม้เราจะยังไม่พร้อม หรือ ขาดปัจจัยอย่างอื่นก็ตาม เราก็จะพยายามสร้างฝันจากความหวัง และ กำลังใจจากตัวเอง ซึ่งคนที่มีความหวังย่อมมีทางออกที่ดีเสมอ นั่นหมายถึงว่า คุณจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และ จะทำฝันนั้นๆให้กลายเป็นจริงได้ในสักวัน เช่น ตอนที่หยกไป อินเดีย แล้วมีเหตุจำเป็น ที่ต้องโดยสารรถไฟกลางคืน ซึ่งหยกทั้งกลัวและกังวลมาก แต่ด้วยความฝันที่ยังไงก็ต้องไปให้ได้ จึงพยายามหาทางออก จนในที่สุดก็เจอทางออกที่ดีเยี่ยม และปลอดภัยมาก จนหายกังวลไปเลยค่ะ
โดยอย่างยิ่งการท่อง เที่ยวคนเดียว คุณจะบั่นทอนกำลังใจจากตัวเองไม่ได้เด็ดขาด คิดบวกเท่านั้น แต่หากคุณหยุดคิดในทางลบไม่ได้ ก็จงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยเอาความคิดด้านลบนั้นๆ มาจัดการ หาข้อมูลและวิธีการต่างๆ ที่จะทำให้ตัวคุณเองพร้อม และ ระมัดระวังมากขึ้น คงจะดีกว่าใช่ไหมคะ โดยเฉพาะกับการไป เที่ยวคนเดียว ที่คุณต้องเตรียมพร้อมให้ได้มากถึงมากที่สุด
อย่าหยุดความฝันค่ะ เพราะ ฝันนั้นจะกลายเป็นจริงได้ ก็ขึ้นอยู่กับที่ตัวเราเองเท่านั้น
- “หยุดหาข้ออ้าง”

หากคุณได้ทำตามสิ่งที่คุณต้องการ ด้วยจิตใจที่มีความหวังแล้ว ก็เลิกอ้างนู้นอ้างนี้ เช่น เราคงไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่นั่นหรอก, งบก็มีน้อย ที่นี่ต้องแพงแน่เลย, พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ คงไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้สินะ, จะต้องกินอาหารที่นั่นไม่ได้แน่ๆ, ไม่มีเพื่อนไปด้วย เที่ยวคนเดียว คงจะต้องเหงามากๆ และ อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งข้อถัดๆไป คือ วิธีที่หยกลบล้างข้ออ้างเหล่านี้นั่นเองค่ะ
- “งบน้อย”
ใช่ค่ะที่เค้าว่ากันว่า “เงินเป็นสิ่งที่สำคัญ และ ไม่ได้หากันง่ายๆ” แต่การที่คุณมีงบการท่องเที่ยวที่จำกัด ไม่ได้หมายความว่า การท่องเที่ยว หรือ การ เที่ยวคนเดียว จะเป็นไปไม่ได้นะคะ เอาง่ายๆกันเลย เคยกันไหมคะที่เงินเดือนไม่พอกินพอใช้? หากเคย…แล้วคุณทำอย่างไรกันคะในเมื่อเงินเดือนก็ไม่ได้จะเพิ่มขึ้นมาภายในเดือนนั้นอยู่ดี สิ่งเดียวที่ทำได้ ก็คือ “วางแผน แล้วก็ต้องใช้ให้มันพอ”
การไปเที่ยวก็เหมือนกันค่ะ ยังไงคุณก็ต้องใช้แค่เท่าที่คุณมี หากมีไม่พอก็ต้องประหยัด โดยมีการวางแผน และ จัดสรรปันส่วนค่าใช้จ่ายให้ได้ ดังนั้น เรื่องงบไม่พอ ก็ไม่ควรมาเป็นอุปสรรคขัดขวางทริปในฝันนะคะ
หยกเที่ยวค่อนข้างบ่อย แต่ว่า การท่องเที่ยวในแต่ละทริปของหยกนั้น ไม่แพงเลยค่ะ เช่น ตอนที่หยกไป เที่ยว จ.น่าน ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม 2558 โดยไปแค้มป์ปิ้งที่ ดอยเสมอดาว และ ขุนสถาน 3 วัน 2 คืน รวมทุกอย่างแล้ว ทั้งค่าเดินทางจากกรุงเทพฯ ค่ารถขึ้น-ลงดอย ค่ากิน ค่านอน และค่ารถกลับกรุงเทพฯ แค่ประมาณ 1,800 บาทเท่านั้นเองค่ะ
- “ตั๋วเครื่องบินราคาแพง”
ใช่แล้วค่ะ หากคุณไม่มีการวางแผน แต่เพราะปัจจุบันนี้ ราคาค่าเครื่องบินนั้นแสนจะถูก ซึ่งที่ถูกนี้หมายถึงต้องซื้อล่วงหน้า 3 เดือน 6 เดือน หรือ บางครั้งเป็นปี แต่อย่างนี้ก็ยิ่งดีใหญ่เลยสิคะ เพราะ จะได้มีเวลาเก็บเงิน หาข้อมูลวางแผนทริป เตรียมตัวดีๆ หาที่พักแต่เนิ่นๆ ซึ่งก็จะถูกมากอีกเช่นกัน
- “เที่ยวแบบประหยัด ก็ไม่สนุก และ อดทำอะไรหลายๆ อย่างสินะ งั้นไม่ไปดีกว่า”
ใคร ๆ ก็ชอบคิดว่า การท่องเที่ยว แบบประหยัด จะไม่สนุก ไม่ได้กินอาหารที่อร่อย แต่จริง ๆ คือ ผิดค่ะ ในทางตรงกันข้าม การเดินทางท่องเที่ยวแบบประหยัดนั้น ทำให้คุณได้มีประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ได้พบเจอคนท้องถิ่นที่รู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับถิ่นของเค้าเองมากกว่านักท่องเที่ยวอย่างเราๆ แถมยังทำให้คุณมีงบเหลือ ให้ได้มีทริปต่อ ๆ ไป เยอะขึ้น ๆ อีกด้วยนะ
การประหยัดที่หยกมักจะทำเวลาไปเที่ยว ก็เช่น เรื่องอาหารการกิน หยกมักจะเข้าร้านอาหารพื้นเมือง ที่มีคนท้องถิ่นเข้าเยอะๆ ย้ำนะคะ ว่าคนท้องถิ่นเยอะๆ ไม่ใช่นักท่องเที่ยวเยอะๆ นะ คือนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังจะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่ได้มาด้วย เพราะทั้งถูก ทั้งอร่อย สด และร้อน นอกจากจะได้จ่ายราคาถูก แบบเดียวกับคนท้องถิ่นแล้ว ยังได้กินอาหารพื้นเมือง รสชาติแท้ๆ ตามต้นตำรับประเทศนั้นๆ อีกด้วย ที่สำคัญหยกยังไม่เคยมีปัญหาเรื่องท้องไส้ จากการกินอาหารที่ร้านอาหารพื้นเมืองเหล่านั้นเลย อย่างในรูปคือร้านอาหารอินเดียที่ ปีนัง ค่ะ ทั้งอร่อย ถูก และมีให้เลือกเยอะแยะเลยค่ะ

ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองนึกดูสิคะ กับการที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่ประเทศเรา แล้วไปตามแหล่งท่องเที่ยว แล้วสั่งส้มตำหรือต้มยำ แน่นอนค่ะว่าแม่ค้าจะต้องทำแบบรสชาติไม่จัดให้ ด้วยการที่นักท่องเที่ยวเยอะ จะมานั่งถามว่าไทยสไตล์ไหม กินเผ็ดได้ไหม คงไม่ยอมเสียเวลาขนาดนั้น สู้ทำมาแบบเซฟๆ แบบทุกเชื้อชาติกินได้แน่นอน คือแบบรสไม่จัด หรือใส่เครื่องปรุงบางอย่างลงไปทั้งๆที่ปกติไม่ได้ใส่ เพื่อหวังว่าน่าจะถูกปากชาวต่างชาติ แล้วรสชาติมันจะเป็นยังไงละคะ ก็คงไม่อร่อยเท่ารสจัดๆเข้มๆอย่างที่เราทานกัน (พูดแล้วน้ำลายไหล) แล้วอีกอย่าง ตามแหล่งท่องเที่ยวราคาก็จะสูงกว่าอยู่แล้ว ที่ต่างประเทศก็เช่นกันค่ะ
อีกอย่างที่หยกชอบทำ ก็คือ การเดิน มากกว่าการนั่งรถสาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน, รถประจำทาง หรือ รถแท๊กซี่ ซึ่งหากระยะทางห่างกันไม่เกิน 5 – 6 กิโลเมตร แล้วล่ะก็ หยกเลือกที่จะเดินค่ะ ได้ชื่นชมธรรมชาติ อาคารบ้านเรือน ได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นเมือง ได้เห็นอะไร ๆ ที่มากกว่าแหล่งท่องเที่ยวที่พบเจอทั่วไปแนะนำกันตามอินเตอร์เน็ต ผลทางอ้อมที่ได้นอกจากการประหยัดค่ารถแล้ว ยังถือเป็นการออกกำลังกายอีกด้วย
- “ไม่มีเวลาไปเที่ยว”
สิ่งนี้ผิดมหันต์ เพราะ ประเทศเรามีวันหยุดราชการค่อนข้างเยอะ เกือบทุกเดือนเลยก็ว่าได้ ติดเสาร์อาทิตย์ จนกลายเป็นวันหยุดยาวก็มีเยอะไป รัฐบาลหยุดให้เพิ่มก็มีถมไป ดังนั้นข้ออ้างเรื่องไม่มีวันหยุดก็ฟังไม่ขึ้นค่ะ
- “ไม่มีคนไปด้วย”

หลายๆคนตัดสินใจทิ้งทริปในฝัน เพราะ เพื่อนที่วางแผนจะไปด้วยกันไม่ว่าง! ไป เที่ยวคนเดียว เหรอ..ไม่ไปดีกว่า
รู้ไหมคะ ว่าข้อดีของการท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง คือ ทำให้เราได้รู้จัก และ พบเพื่อนใหม่ๆ เช่น การพักที่โฮสเทล นอกจากจะประหยัดเงินแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ และ ไม่เหงาอีกด้วย ที่สำคัญ การไป เที่ยวคนเดียว ทำให้เรามีอิสระในการตัดสินใจทั้งหมดเลย อยากตื่นเช้า ตื่นสาย, หิวหรือยังไม่หิว, เหนื่อยอยากที่จะนั่งพัก, ไม่อยากไปที่นั่น แต่อยากไปที่นี่, อยากกินอาหารร้านนั้น, ไม่อยากดริ๊งค์ แต่อยากเข้าร้านกาแฟ, อยากเดินตรงนี้ต่ออีกสักหน่อย, อยากถ่ายรูปวิวนี้นานอีกสักนิด, อยากช้อปปิ้ง หรือ อยากเข้าพิพิธภัณฑ์ ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ตามใจฉันแต่เพียงผู้เดียว สบายออก รู้อย่างนี้แล้วข้ออ้างของการไม่มีเพื่อนไปด้วย ก็ตัดทิ้งไปได้อีกเช่นกันค่ะ
- “กลัวอันตราย”

ไม่มีที่ไหนไม่อันตรายหรอกค่ะ แม้กระทั่งหน้าบ้านของเราเอง จริงไหมคะ
เพียงแต่ทุกอย่างมีสองด้าน หากเรามองด้านลบ ทริปเราก็จะล่ม แต่หากเรามองด้านบวก ความกลัวว่าจะมีอันตรายใดๆเกิดขึ้นนั้น จะทำให้เรามีการเตรียมพร้อมที่สมบูรณ์ เที่ยวคนเดียว ก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น และ ลดปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ เท่าที่จะทำได้ เช่น ไม่ใส่เสื้อสายเดี่ยว กับกางเกงขาสั้นในประเทศมุสลิม, ไม่ขับรถในประเทศที่เลน และ พวงมาลัยอยู่คนละฝั่งกับบ้านเรา หากยังไม่ชำนาญ, ไม่ดื่มจัด เมื่อไปเที่ยวต่างถิ่น, ไม่พกของมีค่าเกินความจำเป็น ระหว่างการท่องเที่ยว, ไม่เดินเที่ยวในที่เปลี่ยวๆ ตอนดึกๆ, ระมัดระวัง และ ดูแลกระเป๋าดีๆ เมื่อเดินในที่ๆมีคนพลุกพล่าน หรือ ฟังหูไว้หู ไม่เชื่อทุกอย่างที่ได้ยินจากผู้คนที่เดินเข้ามาคุยด้วย เป็นต้น แค่นี้ก็ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายไปได้เยอะแล้วค่ะ
- “พรุ่งนี้ละกัน”
หลายๆคนคงจะติดปาก ติดหู กับคำว่า “พรุ่งนี้ละกัน” หรือ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำ” แต่รู้ไหมคะว่า “พรุ่งนี้นั้นไม่เคยมาถึงหรอกค่ะ ยังไงวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันพรุ่งนี้อยู่ดี” และเราก็จะไม่ได้ทำมันสักที ดังนั้น “จงทำมันซะวันนี้” นอกจากจะประหยัดเวลา โดยทำให้ฝันเป็นจริงเร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้ฝันคุณเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย จงให้ระลึกไว้เสมอว่า “ไม่มีพรุ่งนี้”
อย่าแค่วางแผน แต่จงลงมือ “ทำวันนี้”
- “พูดภาษาอังกฤษไม่ได้”
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลก็จริง แต่อย่าลืมว่า ไม่ใช่ทุกประเทศใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จริงไหมคะ ง่ายๆ ลองนึกถึงการท่องเที่ยวของประเทศไทยก็ได้ ว่ามีนักท่องเที่ยวมากมายแค่ไหน และ ดูท่าทีว่าจะมากขึ้นๆ อยู่ทุกปี ทั้งๆที่ประเทศไทยเรา ก็ไม่ได้มีการใช้ภาษาอังกฤษกันอย่างแพร่หลายเท่าใดนัก หรือ แม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลี ที่ใครๆ ก็ยังไปเที่ยวกัน ทั้งๆที่สองประเทศนี้ ก็แทบจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษกันเลย แค่เราเตรียมพร้อม พร้อมที่จะโชว์รูปสถานที่ๆ เราจะไป, กล้าที่จะถาม และถามอย่างน้อย 2 -3 คน เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีความผิดพลาดของการสื่อสาร หรือ การที่เราพูดภาษาอังกฤษได้ บางครั้งก็ไม่เป็นประโยชน์กับบางประเทศ เช่น เมื่อครั้งที่หยกไปเที่ยวที่ ประเทศบังกลาเทศ และ ประเทศศรีลังกา ที่สนุกมากมาย ได้รับความทรงจำดีๆ และประทับใจ กลับมา และ ที่สำคัญ คือ ไม่ได้มีปัญหาใดๆ โดยเฉพาะการสื่อสารระหว่างทริปเลยค่ะ อีกทั้งภาษามือก็ถูกใช้กันอยู่ทั่วโลก ช่วยให้เข้าใจกันได้มากจริงๆ
ดังนั้น ที่ใดๆก็ไม่ต่างกันค่ะ มันขึ้นอยู่กับ การเตรียมพร้อมของเราเองมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลให้ครบถ้วน การบันทึกรูปภาพอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ไว้ในมือถือ เพื่อเอาให้คนท้องถิ่นดู หรือ การซื้อซิมการ์ดของประเทศนั้นๆ รวมทั้งแพ็คเก็จอินเตอร์เน็ต ไว้สำหรับหาข้อมูลระหว่างการท่องเที่ยว การพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงไม่ควรมาเป็นอุปสรรคของการท่องเที่ยวเลยนะคะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
- “ความกลัว ไม่กล้า ไม่มั่นใจ”
สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในตัวของทุกๆคน

เคยไหมคะ กับการกลัวที่ต้องไปพรีเซนต์งานหน้าห้อง? ลองมองย้อนกลับไป และ มาวิเคราะห์ความกลัวของการพรีเซนต์งานหน้าห้องกันดูคะ ว่าเรากลัวอะไร กลัวอาจารย์ดุ กลัวทำได้ไม่ดี กลัวตอบคำถามไม่ได้ กลัวอายเพื่อนๆ เป็นต้น หากเราหยุดความกลัว ไม่กล้า ไม่มั่นใจ ไว้แค่นั้น เราก็จะไม่ผ่านงานพรีเซนต์ แต่รู้ไหมคะ ว่าจริงๆแล้ว เราสามารถเอาชนะมันได้ง่ายๆด้วย “ความพร้อม” และ “ความมั่นใจ” เพราะตอนนี้เรามีอยู่แค่สองทางเลือก คือ จะยอมสอบตก (ล้มทริป) หรือ ลองทำตัวเองให้พร้อม (หาข้อมูลท่องเที่ยว, ความปลอดภัย และอื่นๆ) สู้ (ตัดสินใจที่จะกล้าออกไปท่องเที่ยว ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ) ฮึด (สอบถามข้อมูลจากผู้รู้ หรือผู้ที่เคยไปเที่ยวที่นั้นๆมาก่อน และเตรียมตัวเองให้พร้อม) และกล้าออกไปพรีเซนต์งานดู (เดินทางท่องเที่ยว) แล้วรอดูผล (ความสนุก การผจญภัย เห็นโลกที่กว้างขึ้น เจอเพื่อนใหม่ ลิ้มลองอาหารใหม่ๆ เป็นต้น)
ทางเลือกหลังนี้ ยังไงก็ไม่สอบตกแน่ค่ะ เพียงแค่จะได้คะแนนมากหรือน้อย (อาจมีบางคนที่ชอบทุกๆอย่างของทริปที่คุณไป บางคนอาจไม่ชอบเมืองนั้น ไม่ชอบอาหารจานนี้ มีปัญหาเล็กๆน้อยๆระหว่างทริป และอื่น ๆ แต่สิ่งเหล่านี้จะสร้างความแข็งแกร่งให้คุณ และทำให้ทริปถัดไปของคุณง่ายขึ้น เช่นเดียวกับ หากมีงานพรีเซนต์ครั้งที่ 2 คุณก็จะโอเคขึ้น และงานพรีเซนต์ครั้งต่อๆไป คุณก็จะสบายขึ้น) ก็ขึ้นอยู่กับความเตรียมพร้อมของเราเอง นั่นคือ แค่คุณมีการเตรียมพร้อมที่ดี และ มีการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแล้ว ไม่ว่าอะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นค่ะ
ยิ่งพอมองย้อนกลับไปดู ความกลัว ไม่กล้า ไม่มั่นใจ ในอดีตแล้ว ยิ่งเห็นชัดเจนว่าจริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลย แค่ต้องการ ครั้งแรก และ ประสบการณ์ การท่อง เที่ยวคนเดียว ก็เช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม ความกลัว ไม่กล้า ไม่มั่นใจ ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะคะ เพราะ สิ่งพวกนี้จะเป็นสิ่งคอยเตือนให้เรารู้จักระมัดระวังอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
- “ทุกอย่างต้องมีครั้งแรก”

ประสบการณ์เป็นอะไรที่เรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น หากไม่มีครั้งแรก แล้วจะมีครั้งที่สองได้อย่างไรกันคะ ที่สำคัญคือ ประสบการณ์และสิ่งที่ได้จากครั้งแรกจะเป็นครูให้ครั้งที่สอง ครั้งที่สองจะเป็นครูให้ครั้งที่สาม และเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ กว่าจะเป็นผู้เชียวชาญที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม และ กล้าที่จะตัดสินใจทำสิ่งใดๆ มันต้องเริ่มจาก ครั้งแรก เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ครั้งแรกของการเข้าวัดที่เสียวไส้ที่สุดที่ วัดงู ปีนัง ที่มีงูพิษเต็มวัดเลย
แล้วคุณล่ะ เที่ยวคนเดียว ครั้งแรก แล้วหรือยัง?
อย่ามัวรีรอ หากอยากมีทริปที่ 2, 3, 4,…, จนนับไม่ถ้วน
เมื่อคุณพร้อมทั้งใจ กาย งบ ความมั่นใจ ไม่มีข้ออ้าง และทำวันนี้แล้ว การ เที่ยวคนเดียว หรือ หลายคน ก็ง่ายนิดเดียว อีกทั้งประสบการณ์การท่องเที่ยวของคุณที่มากขึ้น จะทำให้อุปสรรคทั้งหลายเหล่านี้น้อยลงๆ ได้อย่างรวดเร็ว
หยกหวังว่า วิธีพิชิต 13 ข้ออ้างเหล่านี้ ที่มักทำให้การวางแผน เที่ยวคนเดียว หรือ เที่ยวกับเพื่อนๆ ของคุณล่ม ที่คุณพึ่งอ่านไปนั้น จะทำให้คุณสามารถนำสิ่งเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้กับการท่องเที่ยวทั่วๆไป การงาน และในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย คุณจะรัก และ สนุกกับการเดินทางท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม หรือ การ เที่ยวคนเดียว มากขึ้น และ ยังทำให้ทริปถัดๆ ไปของคุณง่ายยิ่งขึ้นๆ อีกด้วย
หากใครมีปัญหา หรือ ข้อสงสัยใดๆ ในการปรับตัว หรือ วางแผนการท่องเที่ยวของหยก เพื่อไปประยุกต์ใช้กับตัวเอง สามารถคอมเม้นต์ที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ หยกยินดีมากๆ ที่จะตอบคำถาม หรือ หากมีใครมีประสบการณ์ใดๆ อยากแบ่งปันให้หยก และชาวสนุกเที่ยว ก็เชิญคอมเม้นต์ที่ด้านล่างนี้ได้เช่นกันนะคะ