
เคยไหม… ที่ไปเลือกกระเป๋าแบ็คแพ็ค แต่ก็ไม่ได้รับคำแนะนำที่ดี ในการเลือกซื้อ สุดท้ายก็ลงเอยที่การเลือกซื้อ เพราะความสวยงาม เพราะเร่งรีบ เพราะต้องใช้วันนี้ วันพรุ่งนี้แล้ว แต่ใช้งานไม่ได้จริง และมีความทรมานในการสะพาย
เคยไหม… ที่ซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็คมา แต่ก็ไม่รู้ว่าส่วนประกอบต่างๆ ของกระเป๋าแบ็คแพ็ค ที่หน้าตาแปลกๆ ที่อยู่เต็มตัวกระเป๋านั้น มันคืออะไร? และแต่ละส่วน เอาไว้ทำอะไร?
เคยไหม… ที่ซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็คมาแล้ว แต่ใบดันใหญ่เกินตัว ยกขึ้นสะพายทีนี้ลำบากสุดๆ ตอนวางลงก็เจ็บแขนสุดจะพรรณนา
แล้วเคยไหม… ที่จะไปซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็คสักใบ กลับได้รับคำแนะนำ วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ที่ไม่เข้าใจ ทำให้งงขึ้นไปอีก
“แล้วกระเป๋าแบ็คแพ็ค คืออะไร? มีลักษณะแบบไหน? วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค เลือกอย่างไรล่ะนี่? คำถามง่ายๆ แต่ทำไมหาคำตอบยากจัง”
บทความนี้ ไม่ได้มีสปอนซ์เซอร์ หรือ การสนับสนุนจาก Gregory หรือ บริษัทใดๆ หรือ จากใคร นะคะ หยกซื้อเอง ใช้เองค่ะ
ซึ่งจริงๆ แล้ว หลายๆ ร้านก็แนะนำดี๊ดี คือจะถามความต้องการของเราก่อนว่าต้องการกระเป๋าไปใช้งานประเภทใด “เอ่อออ..พี่ค่ะ คือมาซื้อกระเป๋าแค่ใบเดียว เพื่อใช้กับทุกการท่องเที่ยวค่ะ มีไหมคะ?” ยังจะถามต่ออีกว่า “แล้วน้องจะไปเที่ยวที่ไหน ไปกี่วัน? อากาศเป็นอย่างไร? เน้นการใช้งานประเภทไหน?” ก็ได้รับคำแนะนำต่างๆนานา ซึ่งจากที่ไม่เข้าใจอะไรอยู่แล้ว ก็กลายเป็นว่าสับสน และงงมากกว่าเดิม “ถ้าจะไปเทรคกิ้ง 10 วัน พี่แนะนำแบบนี้ ถ้าจะไปเมืองหนาว 14 วัน พี่แนะนำรุ่นนั้น แต่ถ้าจะไปต่างจังหวัด แค่ 4 – 5 วัน พี่แนะนำว่ารุ่นนี้จะเหมาะกว่า” แล้วพี่แกก็ร่ายยาว คือถ้าภายใน 3 เดือนนี้ แพลนจะไปเที่ยว 4 ครั้งในสถานที่ที่แตกต่างกัน นี่คือต้องซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค 4 ใบเลยหรือไงคะพี่! ซึ่งจริงๆ แล้ว สิ่งที่พี่พนักงานเค้าสอบถามเราและแนะนำมานั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องมากๆ ค่ะ กระเป๋าแบ็คแพ็คแต่ละรุ่นนั้น เค้าออกแบบมาสำหรับการใช้งานเฉพาะในจุดประสงค์นั้นๆ เพียงแค่กระเป๋าแบ็คแพ็คแต่ละใบนั้น ราคาไม่ใช่น้อยๆ เลยน่ะสิคะ หากใครมีปัจจัยเพียงพอที่จะสามารถซื้อมาใช้สอยได้ โดยไม่ลำบาก หยกก็แนะนำค่ะ แต่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ขอมีกระเป๋าแบ็คแพ็คคู่ใจแค่ 1 ใบ ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกทริป ก็พอแล้ว จริงไหมคะ? เพื่อนๆ หลายๆ คนคงเกิดข้อสงสัยว่า มันจะไม่มี วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ที่เข้าใจง่ายๆ เลยหรือไงเนี่ย?

โดยที่บทความนี้ หยกจะกล่าวถึง กระเป๋าแบ็คแพ็ค และ วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค เท่านั้นนะคะ จะไม่กล่าวถึงกระเป๋าเดินทางแบบลากๆ ที่เรียกกันว่า Luggage หรือกระเป๋าเป้ที่พกเที่ยวระหว่างวัน ที่ไม่ได้ไว้ใส่เสื้อผ้าค้างคืน หรือที่เรียกว่า Daypack โดยจะเน้นหลักๆ ตามหัวข้อ ดังนี้
- กระเป๋าแบ็คแพ็ค (Backpack) คืออะไร?
- Daypack คืออะไร?
- กระเป๋าเป้แบบ Daypack แตกต่างจาก Backpack อย่างไร?
- แล้วหาซื้อกระเป๋าเป้แบ็คแพ็คพวกนี้ ได้ที่ไหนบ้าง
- ช่วงแรกจะขอเกริ่นประสบการณ์ และพัฒนาการการใช้กระเป๋าเดินทางของหยกก่อน ทั้งเหตุ ผลลัพธ์ และความรู้สึก ทำไมถึงใช้แบบนั้น เมื่อย ปวดตรงไหน ทำไมถึงเปลี่ยนมาใช้แบบนี้ ลองผิดลองถูกแบบไหนมาบ้างแล้ว จนได้มาเจอเจอกระเป๋าแบ็คแพ็คคู่ใจ (ใครที่อยากรู้ วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค เลย ก็กระโดดไปอ่านที่ข้อ 6 ด้านล่าง ข้ามเรื่องเล่าจากประสบการณ์หยกได้เลยนะคะ)
- วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ที่เหมาะกับคุณ ควรจะมีความจุขนาดไหนที่จะเหมาะกับเรา, ข้อหลักๆ อะไรบ้างที่ควรจะใช้พิจารณาในการเลือกซื้อ และอื่นๆ ที่คุณจำเป็นต้องรู้
ทั้งนี้ หยกยังมีบทความแนะนำ วิธีการเลือกรองเท้าเดินป่า (hiking shoes) ให้เหมาะกับกิจกรรมที่จะทำ รวมทั้งชนิดของรองเท้าเดินป่า และวิธีการดูแลรักษารองเท้า หรือจะเป็น วิธีใช้ ส่วนประกอบ และการเลือกไม้เท้าเดินป่า (treking poles) คลิ๊กอ่านที่ลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มนี้เลยค่ะ
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
1. กระเป๋าแบ็คแพ็ค (Backpack) คืออะไร?
ของข้างกายที่คู่กับนักเดินทางท่องเที่ยวสไตล์ลุยๆ ชอบทำพวกกิจกรรมผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้งทั้งหลาย ก็คือ กระเป๋าเป้ หรือ กระเป๋าสะพายหลัง หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ กระเป๋าแบ็คแพ็ค และเราก็มักจะคุ้นๆกับ การเรียกนักเดินทางเหล่านั้นว่า นักสะพายเป้ หรือ แบ็คแพ็คเกอร์ (Backpacker) โดยที่พวกเค้าเหล่านี้จะใส่ข้าวของสัมภาระที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทุกอย่างลงไปในกระเป๋าเป้คู่ใจใบนี้ สะพายขึ้นหลัง แล้วก็เดินทางไปกับมัน ซึ่งรายละเอียดของลักษณะ และการพิจารณาเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็คนั้น หยกจะกล่าวใน ข้อ 6 วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ที่ด้านล่างนะคะ
2. แล้ว Daypack คืออะไร?

Daypack ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นกระเป๋าเป้แบบใช้ระหว่างวัน ดังนั้นประโยชน์ของ Daypack ก็คือ เอาไว้ใส่ของท่องเที่ยวระหว่างวัน (จริงๆ ก็คล้ายๆ กระเป๋าที่คุณผู้หญิงต้องมีทุกๆ วัน นั่นแหละค่ะ) โดยหยกมักจะเอาไว้ใส่โน๊ตบุ๊ค กล้อง ขาตั้งกล้อง เลนส์ พาสปอร์ต แบตสำรองของกล้อง พาวเวอร์แบงค์ สายชาร์จมือถือ สมุดจด ปากกา น้ำดื่ม ขนม ทิชชู่ หนังสือท่องเที่ยว ผ้าพันคอ ร่ม เสื้อกันฝน หมวก หรือ เสื้อกันหนาว หากคุณจะไปไฮกิ้ง ก็ต้องใช้ Daypack เช่น ทริปไฮกิ้งตามลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มนี้ ไปอ่านดูได้เลยค่ะว่า Daypack ใช้ใส่ของทริปรายวันแบบไหน พร้อมทั้งตอบคำถามคาใจของใครหลายคนว่า ไฮกิ้งคืออะไร? ต่างจากเทรคกิ้งยังไง? พร้อมเคล็ดลับการกำจัดความกลัวระหว่างการไฮกิ้ง
3. กระเป๋าเป้แบบ Daypack แตกต่างจาก Backpack อย่างไร?

- ไม่มีส่วนของระบบรองรับแผ่นหลัง และระบบถ่ายเทอากาศที่หลัง
- มักเป็นกระเป๋าที่มีช่องไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะมีช่องใหญ่หลัก ช่องแบนๆ ตรงกลาง และช่องแบนด้านหน้า
- อาจจะมีหรือไม่มีสายคาดบริเวณหน้าอกก็ได้ ซึ่งถ้ามี ก็ช่วยในเรื่องป้องกันสายสะพายไหลหลุดออกจากบ่า ระหว่างสะพายค่ะ
- อาจจะมีหรือไม่มีสายคาดบริเวณสะโพกก็ได้เช่นกัน แต่ถ้ามีอาจจะเป็นแค่สายคาดบางๆ เล็กๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้ช่วยในเรื่องรองรับการถ่ายเทและรองรับน้ำหนักมากนัก
- ไม่มีสายรัดปรับขยายขนาดกระเป๋า นั่นคือ ไม่สามารถเพิ่มขนาดของกระเป๋าให้ใหญ่ขึ้นได้
- ขนาดของกระเป๋าเป้ Daypack นี้ มีได้ตั้งแต่ขนาดเล็กๆ แบบ 10 ลิตร จนถึง 30 กว่าลิตรเลยค่ะ
ซึ่งหยกจะอธิบายความหมาย และประโยชน์ของส่วนประกอบพวกนี้ ที่ด้านล่าง ในข้อ 6 นะคะ
4. แล้วหาซื้อกระเป๋าเป้แบ็คแพ็คพวกนี้ ได้ที่ไหนบ้างเนี่ย
สามารถหาซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค และอุปกรณ์ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่ แผนกขายกระเป๋าเป้, แผนกกีฬา หรือ ตามร้านขายอุปกรณ์การเดินทาง อุปกรณ์การเดินป่า ในห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือ ตามร้านขายสินค้าเอ้าท์ดอร์ (Outdoor Shop) ที่แยกออกมาเป็นร้านเดี่ยวๆ นอกห้างก็ได้ค่ะ
5. วิวัฒนาการและพัฒนาการ ชนิดของกระเป๋าที่หยกใช้ พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคและความยากลำบาก จนกระทั่งมาเจอ กระเป๋าแบ็คแพ็คที่ใช่
5.1). เริ่มแรกของการเดินทางท่องเที่ยว

หยกก็เริ่มตั้งแต่การลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ๆ บางทีก็ 1 ใบ แต่บางทีก็เปรี้ยวจัด แบกมัน 2 ใบเลย แถมมีกระเป๋าลูกอีก (ทั้งสะพายข้าง ทั้งเป้) แล้วลองจินตนาการหากจะต้องถือกระเป๋าเหล่านี้ขึ้น-ลงบันได ในสถานีรถไฟใต้ดิน ที่ไม่มีลิฟท์ ไม่มีบันไดเลื่อน, แล้วก็ต้องเดินลากกระเป๋าไปเรื่อยๆ เพราะหลงทางหาที่พักไม่เจอ เดินวกไปวนมา, จากนั้นก็ต้องเดินขึ้นที่พักชั้น 4 ที่ไม่มีลิฟท์, และก็เป็นวัฏจักร วนไปเช่นนี้อีก เพราะย้ายเมือง ย้ายที่พัก ไม่เพียงเท่านั้น ขากลับ กระเป๋ายังหนักขึ้นอีก ก็ตอนช้อปปิ้งกับซื้อของฝากหน่ะ ไม่ได้คิดถึงตอนที่ต้องแบกกระเป๋ากลับนี่นา กระเป๋าก็เลยออกลูกมาอีกใบสองใบ 555+ เอาเป็นว่าแค่ระหว่างทริป ไหล่และข้อมือก็แทบจะหลุด ยังจะเจ็บหลัง เจ็บขา ขาช้ำอีก ก็โดนกระเป๋ากระแทก เพราะต้องใช้ขาช่วยประคองกระเป๋าตอนขึ้นลงบันไดด้วยไงคะ หลายๆ คนคงรู้ซึ้ง และเข้าใจว่าหยกหมายถึงอะไร เพราะคงประสบปัญหาเดียวกันอยู่สินะ
5.2). จากนั้นก็ย้ายมาเป็นเป้ ที่จริงๆ มารู้ทีหลังว่ามันคือ Daypack

คือเอา Daypack มาใส่สัมภาระเดินทาง แล้วอนุมานเอาเองว่ามันคือ กระเป๋าแบ็คแพ็ค เพราะไม่มีความรู้ก่อนซื้อ แบกกี่ทีๆ ก็เจ็บหลัง ไหล่ระบม ทรมานทุกทีที่แบก แม้พยายามจะใส่ของให้น้อยลง แต่ก็เจ็บและทรมานอยู่ดีค่ะ จนมารู้ทีหลังว่า ใช้กระเป๋าผิดประเภท แถมเจ้าตัวกระเป๋าเองก็หนักไปแล้วสองกิโลกว่าๆ ก็ไอ้เจ้ากระเป๋า Daypack นั้น เค้าไม่ได้ออกแบบตัวกระเป๋ามาสำหรับการแบกของหนักๆ หลายๆ วัน นี่นา เลยไม่มีระบบรองรับแผ่นหลัง ไม่มีตัวช่วยถ่ายเทน้ำหนักกระเป๋าให้ไปอยู่ที่บริเวณสะโพก จึงหนักที่ไหล่ ไหล่ระบม และเจ็บหลังเต็มๆ เลยหน่ะสิคะ
5.3). จนวันหนึ่งก็ได้กระเป๋าแบ็คแพ็คใบใหญ่ๆ ของจริงมาสักที

แหม..จะซื้อทั้งทีก็ซื้อใหญ่ๆไปเลยสิ เอา 60 ลิตรมันเลยแล้วกัน จะได้คุ้มๆ ใส่ของได้เยอะๆ ดูเท่ห์มากด้วย เห็นต่างชาติเค้าแบกทีก็ใหญ่ๆ แบบนี้แหละ และก็คิดว่าตัวเองรู้ วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ที่ถูกต้องแล้ว คือชนะเลิศอ่ะบอกเลย หยกแบกของทีก็ 10-15 กิโลกรัม หนักสุดก็ 20 กิโลกรัมกว่าๆ แบกสบายเลยค่ะ น้ำหนักเยอะขนาดนั้นแต่กลับรู้สึกเบาจนไม่น่าเชื่อ หลังไหล่ไม่ปวด จะลำบากก็แค่ตอนสะพายขึ้น กับตอนเอากระเป๋าลง เลยกลับกลายเป็นว่าหลายๆ วันเข้าก็เริ่มปวดแขน ปวดข้อมือ และด้วยน้ำหนักที่หนัก การใช้มือและแขนข้างเดียวในการเอากระเป๋าหนักๆ ขึ้นหลัง และเอาลง เป็นระยะเวลา 14 วัน และวันละหลายๆ รอบ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย กลับกลายเป็นว่าเลือกที่จะสะพายกระเป๋าไว้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนอยู่บนรถไฟใต้ดินตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง หรือที่โฮลเทลตั้งแต่ลงทะเบียนเช็คอิน รับกุญแจจนถึงที่ห้องพัก ที่หนักเข้าไปอีกคือกว่าจะจบทริป ที่ต้องแบกกระเป๋าที่หนักเกือบๆ 20 กิโล หลังและไหล่ที่ตอนแรกว่าไม่เจ็บ และไม่ได้รู้สึกหนัก ตอนหลังก็กลับกลายเป็นว่ารู้สึกเมื่อยล้าสุดๆ ทั้งระบม และก็เจ็บข้อไม้ข้อมือและแขนไปหมด จนเริ่มรู้สึกไม่สะดวกสบายกับการแบกกระเป๋าแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตอนที่ต้องเดินแบกกระเป๋าใบใหญ่ๆ ที่จุของจนแน่น จนอ้วนออกข้าง และสูงเกินหัว ไปยังที่ต่างๆ คือเดินไปไหน กระเป๋าก็ชนคนนั้นคนนี้ ชนประตู ชนต้นไม้ หรือ แม้กระทั่งตอนที่ต้องวางกระเป๋าลงและสะพายขึ้น ด้วยกระเป๋าใบใหญ่ๆ แบบนี้ จะวางที่ไหนก็กินพื้นที่ จะสะพายขึ้นมาใหม่ก็ลำบาก แถมข้อมือกับแขนก็ปวดไปหมด

เริ่มรู้สึกว่า กระเป๋าแบ็คแพ็คใบใหญ่ๆ มันไม่เหมาะกับหยกเลย และการแบกของเกือบ 20 กิโลกรัมแบบนี้ก็ไม่สนุกเอาซะแล้ว ซึ่งตอนที่หยกใช้ Daypack เป็น Backpack นั้น หยกก็ไม่เคยแบกของเกิน 10 กิโลกรัมเลยค่ะ แถมยังใส่ของพาไปเที่ยวด้วยได้ตั้ง 2-3 อาทิตย์แน่ะ แต่พอมีกระเป๋าใบใหญ่ขึ้น ของที่ว่าเผื่อๆและไม่จำเป็นทั้งหลายที่ทริปก่อนๆไม่เคยได้เอาไปก็ถูกจับใส่ของจนเต็มลิมิต จนแน่นกระเป๋าอยู่ดีค่ะ
5.4). จนกระทั่งมาเจอ กระเป๋าแบ็คแพ็คที่ใช่

จนในที่สุดก็คิดว่าได้ค้นพบ ขนาดกระเป๋าที่เหมาะกับตัวหยกเอง คือ 38 ลิตร คือ ไม่จำเป็นต้องใบใหญ่ เพราะใบยิ่งใหญ่ ของก็จะยิ่งเยอะ เป้คู่ใจที่ทำให้ของหนักกลายเป็นของเบา ไม่เมื่อยไหล่ ไม่ปวดหลัง จะสะพายขึ้นหลัง หรือจะวางกระเป๋าลงก็ชิวมาก ไม่เจ็บข้อมือและแขนแล้วค่ะ รู้สึกทะมัดทะแมงไปซะทุกย่างก้าวเลยค่ะ แถมยังคอยบังคับให้เราเอาของที่จำเป็นจริงๆไปด้วยเท่านั้น เลยไม่ต้องแบกของที่หนักเกินตัว คือใบนี้ปลื้มมากๆค่ะ กระนั้นแล้ว ก็มาดู วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค อย่างง่าย ที่เหมาะกับคุณ ที่ใช้ได้ All in One โดยสิ่งที่หยกจะบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังนี้ เป็นสิ่งที่หยกเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่แนะนำหยกเรื่องกระเป๋าแบ็คแพ็ค จากตัวเอง จากการพาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆไปเลือกซื้อ และจากการใช้งานระหว่างการเดินทางนะคะ พร้อมแล้วก็ไปเริ่มช้อปปิ้งกันเลยค่ะ
บทความข้อมูลเทรคกิ้งเนปาล
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากลองเทรค อยากเที่ยวแนวนี้ แต่เริ่มไม่ถูก ไม่รู้จะหาข้อมูลเกี่ยวกับการเทรคกิ้งทั้งหมดได้ที่ไหน หรือแม้แต่เพื่อนๆ ที่หลงใหลการเทรคกิ้งเนปาล ที่อยากได้ข้อมูลเทรคกิ้งเพิ่ม นี่เลยค่ะ ที่เดียวกับข้อมูลเต็มๆ
- ไฮกิ้ง เทรคกิ้ง คืออะไร? ต่างกันยังไง? พร้อมคำอธิบายที่แจ่มชัด และตัวอย่าง
- ข้อมูลเทรคกิ้งบนเส้นทาง Poon Hill
- ข้อมูลเทรคกิ้งบนเส้นทาง Langtang
- ข้อมูลเทรคกิ้งบนเส้นทาง Annapurna Circuit ที่รวม Tilicho Lake ทะเลสาบสีฟ้าสุดเข้ม และ สวยงามสุดๆ เข้าไว้ด้วย
- ข้อมูลเทรคกิ้งบนเส้นทาง Mohare + Khopra
- ข้อมูลเทรคกิ้งบนเส้นทาง Everest Base Camp (EBC) + Kalapatthar
- ไป Pokhara พักที่ไหนดี มีอะไรเที่ยว
- Checklist เตรียมอะไรไปเทรคกิ้ง ที่สามารถเตรียมเองได้ ไม่มีสิ่งนี้ ทำยังไง หาอะไรทดแทน หาซื้อที่ไหน เตรียมสิ่งนี้ไปทำไม ใช้ประโยชน์อะไร
- How to ขอวีซ่าเนปาล ตั้งแต่การเตรียมการณ์มาจากบ้าน เพื่อยื่นขอ Visa On Arrival ที่สนามบินตรีภูวัน
- ข้อมูลการเตรียมตัว ก่อนไปเทรคกิ้งเนปาล ให้พร้อมที่สุด ต้องเตรียมอะไร, เทรคเส้นไหน, ประกันบริษัทอะไรดี, ฉีดวัคซีนไหม, Permits อะไรบ้าง, น้ำดื่มล่ะ, ซิมการ์ดแพงไหม และ แลกเงินที่ไหน ฯลฯ
- AMS – อาการทั่วไป? อาการรุนแรง? เกิดกับใคร? ที่ไหน? ป้องกัน+หลีกเลี่ยงยังไง? ข้อควรปฏิบัติ? ถ้ามีอาการต้องทำยังไง? รักษาได้ไหม?
- ประกันเดินทางต่างประเทศ และ ประกันเดินทางที่ครอบคลุมเทรคกิ้งเนปาล บนเขาสูงไม่เกิน 4,500 m + ครอบคลุมทั่วโลก เช่น เนปาล, ยุโรป, อเมริกา & ประเทศอื่นๆ + ครอบคลุมค่ารักษาโควิด
- DOs & DON’Ts ระหว่างเทรคกิ้ง เนปาล ข้อควรรู้ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ – ใส่หูฟังฟังเพลง? ให้ขนมเด็กบนเขา? เดินลุยข้ามแม่น้ำ ต้องถอดรองเท้าเดินป่า? ต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้เมื่อยกล้ามเนื้อ? ฯลฯ
เป็นยังไงละคะ เพื่อนๆ ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเทรคกิ้งที่ครบถ้วน ที่ละเอียด อ่านง่าย เข้าใจเองได้ และยังทำตามได้เองสบายๆ เลยใช่ไหมล่ะ หากมีข้อสงสัยใดๆ คอมเม้นต์ที่ช่องคอมเม้นต์ด้านล่าง เข้ามาได้เลยนะคะ หยกรอตอบแล้วค่ะ
6. วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค
ข้อหลักๆ อะไรบ้างที่ควรจะใช้พิจารณาในการเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค

หมายเหตุ
ขอทำความเข้าใจกันก่อนว่า ส่วนตัวหยกเอง “เน้นของน้อย ของใช้พอดี ไม่เน้นเอาของไปเผื่อ” (เพราะของที่เผื่อๆ ทั้งหลาย หยกแทบจะไม่เคยได้ใช้มันเลยค่ะ แบกหนักเปล่าๆ) ของที่นำไปด้วยจะเน้นของที่มีน้ำหนักเบา แม้กระทั่งตัวกระเป๋าเอง (เพราะน้ำหนักแค่ 300 กรัม ก็สร้างความแตกต่างได้นะ) เน้นเสื้อผ้าบางเบา แห้งง่าย มักจะใส่ชุดซ้ำๆ หรือซักเอา ดังนั้นสำหรับหยกแล้ว จะเดินทาง 1 เดือน หยกก็สามารถจัดกระเป๋าให้เหมือนเดินทางแค่ 7 – 10 วันได้แบบสบายๆ เลยค่ะ
6.1). ขนาดหรือความจุของกระเป๋า และน้ำหนักของตัวกระเป๋า
สิ่งแรกที่ควรพิจารณาใน วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ก็คือความจุของกระเป๋าแบ็คแพ็ค ซึ่งมีหน่วยเป็นลิตร หมายความว่า หากเราใส่น้ำลงไปให้เต็มกระเป๋า กระเป๋าใบนั้นๆ จะสามารถจุน้ำได้กี่ลิตร ซึ่งกระเป๋าเป้เหล่านี้จะมีความจุตั้งแต่ 20 กว่าลิตรไปจนถึง เกือบๆ 100 ลิตร อาจจะเป็นตัวเลขเดี่ยวๆ เช่น 40 ก็หมายถึงจุได้ 40 ลิตร หรือ เป็นเลขแบบมีบวก เช่น 40+10 ก็หมายถึงจุของได้มากถึง 40 + 10 = 50 ลิตรนั่นเองค่ะ ซึ่งตัวหลังนี้เมื่อเทียบกับลักษณะของกระเป๋า จะหมายถึง ตัวกระเป๋าบริเวณด้านบนที่เป็นหูรูด จะมีพื้นที่ๆสามารถขยายขนาดกระเป๋าให้สูงขึ้นได้ เพื่อรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้อีก 10 ลิตรนั่นเองค่ะ โดยที่น้ำหนักของตัวกระเป๋าก็สำคัญเหมือนกันค่ะ ปัจจุบันนี้ วัสดุที่นำมาทำกระเป๋าของหลายๆ ยี่ห้อนั้นก็เหนียว แน่น แข็งแรง ทนทาน แต่น้ำหนักเบา แบบไม่ถึงกิโลหรือกิโลนิดๆก็มีค่ะ ซึ่งหยกเคยมีกระเป๋าที่แค่ตัวกระเป๋าก็หนักมาก หนักถึง 2.32 กิโลกรัม (พอรู้ว่ามีกระเป๋าที่ตัวกระเป๋าเองนั้นเบามาก ก็แอบอึ้งไปเลยค่ะ) คือแค่ขนาดน้ำหนักกระเป๋าเอง ยังหนักขนาดนี้ ดังนั้นน้ำหนักกระเป๋าจึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องพิจารณา
A). ดูสิว่าคุณสูงแค่ไหน หนักแค่ไหน แล้วน้ำหนักเท่าไหร่ที่คุณคิดว่าจะสามารถแบกบนหลังคุณได้จนจบทริป โดยที่ไม่ทรมาน และยังมีความสุข
ตัวอย่าง
หยกสูง 163 เซนติเมตร หนัก 50 กิโลกรัมนิดๆ สามารถแบกของหนักได้ถึง 20 กิโลกรัมค่ะ แต่หากจะกล่าวถึง น้ำหนักที่ต้องการแบกแบบสบายๆ หยกขอมากสุดไม่เกิน 12 กิโลกรัม จะโอเคเลยค่ะ โดยหยกเลือกใช้กระเป๋าแบ็คแพ็คขนาด 38 ลิตร ตัวกระเป๋าเองมีน้ำหนักเบา ประมาณ 1.28 กิโลกรัม และสามารถจุของได้มากสุด 18 กิโลกรัม ซึ่งหยกก็ไม่มีความคิดที่อยากจะแบกของที่หนักถึง 18 กิโลกรัมเลยค่ะ

คำแนะนำ
หากผู้หญิงที่ตัวพอๆ กันกับหยก หรือจริงๆ คือผู้หญิงโดยส่วนใหญ่เลยแหละ ความจุของกระเป๋าที่แนะนำคือ ไม่ควรเกิน 40 ลิตรนะคะ (หลายคนมักจะคิดว่าจะใส่ของไม่พอ น้ำหนัก 40 ลิตร มันเยอะมากนะคะ ถ้าแพ็คของเป็น ใส่ของพอแน่นอนค่ะ แถมไม่ลำบากตัวเองด้วย) และควรจุของหนักสุดไม่เกิน 12 กิโลกรัม แต่ถ้าผู้หญิงไซส์มินิ ความจุของกระเป๋าที่แนะนำคือ ไม่ควรเกิน 35 ลิตรค่ะ
ส่วนน้องไข่มุก (น้องสาวหยก) ใช้ 28 ลิตรค่ะ ตัวกระเป๋าหนักแค่ 875 กรัมเองค่ะ คือเริ่ดมาก จะเบาอะไรได้ขนาดนี้ แต่เหลือเชื่อ คือสามารถจุของได้มากถึง 15 กิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งผู้หญิงไซส์นี้ ก็ไม่ควรแบกของหนักเกิน 7 – 8 กิโลกรัมนะคะ สุดๆ ก็พยายามอย่าให้เกิน 10 กิโลกรัมแล้วกันค่ะ จะได้ไม่ต้องทรมาน
ข้อสังเกต
หยกมีกระเป๋าแบ็คแพ็คขนาด 38 ลิตร ที่สามารถจุได้มากถึง 18 กิโลกรัม หยกยังไม่อยากจะแบกหนักขนาดนั้นเลยค่ะ แล้วกระเป๋าขนาดที่ใหญ่กว่า 38 ลิตรล่ะ ใครจะต้องการแบกบ้างคะ? ถ้าไม่, แล้วนำ้หนักเท่าไหร่ที่คุณอยากจะแบก?
B). การเลือกกระเป๋าแบ็คแพ็คใบใหญ่ๆ ไม่ใช่ วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค ที่ถูกต้อง
แต่ควรเลือกกระเป๋าใบที่พอดีกับตัวคุณต่างหาก เพราะหากระหว่างการแพ็คของ แล้วกระเป๋ายังมีพื้นที่เหลือ คุณก็จะพยายามนึกถึงของที่น่าจะเอาไปเผื่อ แล้วใส่ของลงไปอีก จนเต็ม จนแน่น แน่นอนเลยค่ะ แต่ในทางกลับกัน หากเลือกกระเป๋าใบพอเหมาะ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป คุณก็จะเลือกแพ็คของที่ต้องได้ใช้ ที่จำเป็นจริงๆ เพื่อใส่ลงไปตามพื้นที่ๆกระเป๋ามีใช่ไหมล่ะคะ เช่น ทริปที่หยกไป เที่ยวอิตาลี (คลิ๊กอ่านที่ตัวหนังสือสีส้มๆ ได้เลยนะคะ) หยกก็แบก 20 กว่าๆกิโลกรัมค่ะ แต่จริงๆ แล้ว ของหยกหนักแค่ 13 กิโลกรัมค่ะ น้ำหนักที่เหลือคือแบกของไปให้น้องไข่ โดยน้องไข่บอกว่าถ้ามีที่เหลือก็ยัดของที่ลิสต์ไป มาให้หน่อยละกันนะเจ้ ถ้ากระเป๋าเต็มก็ไม่เป็นไร แล้วไงค่ะ ก็กระเป๋ามันใบใหญ่ไง มีที่เหลืออยู่แล้ว เหลือเยอะด้วย เลยต้องยัดๆๆๆ เพิ่มมาอีก 7 กิโลกรัม แถมยังต้องแบกจนจบทริป เพราะคุณเธอเอากระเป๋า Daypack มา ซึ่งใส่ของเต็มแล้ว แต่ก็ถือกระเป๋าลูกมาด้วย ซึ่งไว้ใส่ของที่หยกถือมา กลับเยอรมันในวันจบทริปไง หึหึ
ข้อสังเกต
หลายคนอาจจะยังคงคิดว่า “ก็ทำไมไม่ซื้อใบใหญ่ๆไปเลยล่ะ ยิ่งใหญ่ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ ทริปสั้นๆก็ใส่ของน้อยๆสิ ส่วนทริปหลายๆสัปดาห์ก็ค่อยใส่ของให้ครบไง ไม่เห็นจะยากเลย แค่นี่ ก็มีใบเดียว ใส่ไปเที่ยวได้ทุกทริปแล้ว” โปรดอย่าคิดเช่นนั้นเลยค่ะ ลองนึกตามนะคะ หากคุณซื้อกระเป๋าแบ๊คแพ๊ค ขนาด 60 ลิตร ที่สามารถจุของได้หนัก 20 – 25 กิโลกรัม แล้ว…
- ตัวกระเป๋าเองจะหนักสักเท่าไหร่? อาจจะ 2 – 4 กิโลกรัม นี่ยังไม่รวน้ำหนักของในกระเป๋าเลยนะคะ
- ใครที่คิดว่าหากมีที่เหลือในกระเป๋า แล้วเราจะยังคงปล่อยให้มันเหลือไว้แบบนั้น? หรือใส่ของเผื่อๆทั้งหลายลงไป? ประสบการณ์ตัวหยกเอง ของเผื่อๆที่ส่วนใหญ่ไม่จำเป็น มันจะลงไปแทนที่ที่ว่าง ที่เหลือๆตลอดๆเลยค่ะ
- แล้วมีใครที่คิดว่าตัวเองต้องการที่จะแบกของที่หนัก 20 กว่ากิโลกรัม ทุกวัน จนจบทริป เดินเที่ยวบ้างคะ? มีความต้องการที่จะแบกนะคะ ไม่ใช่มีความสามารถที่จะแบก – ถ้าไม่มี, แล้วน้ำหนักเท่าไหร่ที่คุณคิดว่าจะสามารถแบกเที่ยวได้โดยไม่มีความเจ็บปวดทรมาน และปวดร้าวจนระบม

6.2). ขนาดความยาวของแผ่นหลังของกระเป๋า
กระเป๋าแบ็คแพ็คบางยี่ห้อ จะมีขนาด XS, S, M และ L ซึ่งหมายถึง ความยาวของแผ่นหลังของกระเป๋า ไม่ใช่ขนาดความจุของกระเป๋านะคะ หรือ บางยี่ห้อ คุณสามารถปรับเองได้ โดยเลือกความยาวที่เหมาะกับความยาวของหลังคุณได้เลย เพราะคนแต่ละคน แต่ละเพศ แต่ละวัย จะมีความยาวของช่วงหลังที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น เด็กจะมีช่วงหลังที่สั้นกว่าผู้ใหญ่ หรือ คนที่ตัวสูงๆ มักจะมีช่วงหลังที่ยาวกว่า คนที่สูงน้อยกว่า “แล้วหากเราเอากระเป๋าของหลานมาสะพายล่ะ? มันก็จะรัด จนอึดอัด ไม่สบาย และรู้สึกเจ็บใช่ไหมล่ะคะ” “แต่หากหลานผู้หญิงเอากระเป๋าของคุณลุงมาสะพายล่ะ? มันก็จะหลวม สายสะพายไหล่ก็จะหล่นจากไหล่อยู่ตลอดเวลา หากสะพายไป เดินไป กระเป๋าก็จะกระแทกก้นอยู่เนืองๆ จนต้องเจ็บตัวตั้งแต่ไหล่ หลัง และก้นเลยทีเดียว” แล้วมันจะสบายไหมล่ะ? ดังนั้นแล้ว การเลือกขนาดความยาวของแผ่นหลังกระเป๋าจึงเป็นอีกสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน
แล้วคุณจะทราบได้อย่างไรว่าขนาดความยาวเท่าไหร่ที่เหมาะกับคุณ
ต้องลองสะพายอย่างเดียวเลยค่ะ โดยที่บางร้านอาจมี ที่วัดความยาวช่วงหลัง ให้ได้วัดก่อนลองกระเป๋าค่ะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
6.3). สายสะพายบ่า, สายรัดปรับระดับบริเวณช่วงอก และ สายรัดปรับระดับบริเวณช่วงสะโพก

สายพวกนี้ จะมีอยู่แล้ว ในกระเป๋าแบ็คแพ็คเกือบทุกประเภทค่ะ ประโยชน์ของสายเหล่านี้ก็เพื่อปรับสมดุลกระเป๋า ที่วางอยู่บนหลังเรา ให้ถ่ายน้ำหนักลงไปที่สะโพก ไม่ใช่ไหล่และหลัง จึงทำให้รู้สึกว่าของที่แบกนั้น เบากว่าน้ำหนักจริง แต่จะต้องมีเทคนิคการปรับสายเหล่านี้ให้ถูกต้องและเหมาะสมด้วยนะคะ ซึ่งหยกจะได้กล่าวในบทความถัดๆ ไปค่ะ (หากเสร็จแล้ว เดี๋ยวเอาลิ้งค์มาแปะให้ค่ะ)
6.4). ระบบระบายอากาศด้านหลัง และระบบรองรับแผ่นหลัง

กระเป๋าแบ็คแพ็คส่วนใหญ่ มักจะออกแบบให้มีช่องว่างสำหรับการระบายอากาศ ระหว่างด้านหลังของกระเป๋าและช่วงหลังของผู้สะพายอยู่แล้ว เพื่อช่วยในการระบายเหงื่อ คลายความร้อนออกจากช่วงแผ่นหลัง ระบายความชื้นได้เร็วขึ้น จึงทำให้ลดความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และ อึดอัดตัว ขณะสะพายค่ะ
6.5). ผ้าคลุมกันฝน (Raincover)

ผ้าคลุมกันฝน นั้น ก็เป็นอีกสิ่งที่จำเป็นใน วิธีเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค เพื่อป้องกันสิ่งของต่างๆ จากการเปียกชื้น ทั้งจากน้ำค้างและน้ำฝน หรือจากสิ่งสกปรก, คราบเลอะเทอะต่างๆ เช่น ฝุ่น หรือ โคลน ไม่ใช่ว่ากระเป๋าแบ็คแพ็คทุกใบจะมาพร้อมผ้าคลุมกันฝนนะคะ แต่เราสามารถหาซื้อผ้าคลุมกันฝนได้ ตามร้านขายอุปกรณ์เดินทางทั่วๆไปค่ะ นอกจากนี้แล้ว ผ้าคลุมกันฝน ยังมีประโยชน์ในการช่วยทำให้อุ่นใจสำหรับป้องกันการถูกเปิด หรือ ถูกรูดซิปกระเป๋าระหว่างการเดินทาง จากพวกมิจฉาชีพที่จะมาขโมยของในกระเป๋าได้อีกด้วย
6.6). ต้องทดลองสะพายกระเป๋า ลองยืน และลองเดิน
การลองสะพายแบ็คแพ็ค ลองยืน และลองเดินดู ก่อนซื้อนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ แต่ต้องไม่ใช่การลองสะพายกระเป๋าแบ๊คแพ๊คเปล่าๆ นะคะ ต้องลองสะพายกระเป๋าที่มีของอยู่ข้างใน โดยที่พี่ๆคนขายจะเป็นคนที่เอาของใส่ให้เราลองค่ะ โดยเราควรจะแจ้งน้ำหนักที่เราคาดว่าเราจะต้องแบกของจริงๆ เช่น ตอนที่หยกลอง หยกแจ้งไปว่า เฉลี่ยแล้วหยกมักจะแบกของประมาณ 8 – 10 กิโลกรัม และต้องลองแบกเดิน แบกอยู่เฉยๆ สัก 5 นาที 10 นาที เพื่อเป็นการทดลองให้เสมือนการใช้กระเป๋าแบ็คแพ็คจริงๆ ซึ่งจะช่วยให้เราเลือกกระเป๋าใบที่เหมาะที่สุด และสะพายแล้วสบายที่สุดกับเราได้ค่ะ
ทริค
ร้านค้าที่ดีจะต้องยินดีให้ลูกค้าทดลองสะพายได้อย่างใจเย็น โดยจะต้องเอาของใส่ลงในกระเป๋าแบบสมดุล ไม่หนักไปข้างใดข้างหนึ่ง และจะต้องแนะนำวิธีการสะพายกระเป๋าที่ถูกต้องให้กับลูกค้า

เป็นอย่างไรบ้างคะ หวังว่าจะเลือกกระเป๋าแบ็คแพ็คคู่ใจกันได้ง่ายขึ้นนะคะ ทีนี้คงจะแบกกระเป๋าเที่ยวได้อย่างสบายใจกันแล้วแน่เลย ว่าแต่ใครที่ต้องการจ้างหยกให้พาไปซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็คก็คอมเม้นต์ที่ด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ อิอิ ยินดีมากมาย แต่หากใครยังมีข้อสงสัย คำแนะนำใดๆ หรือแม้กระทั่งติชม ก็คอมเม้นต์ที่ด้านล่างได้เช่นกันค่ะ