ใครชอบไฮกิ้ง และ ชอบธรรมชาติ ต้องห้ามพลาด กับการมา อุทยานแห่งชาติปีนัง ที่สำคัญ มาที่นี่ ฟรี ไม่เสียค่าเข้า ดีสุด ๆ หากใครมาเที่ยวปีนัง สามารถอ่าน ข้อมูลการท่องเที่ยวต่าง ๆ ในปีนังได้ที่นี่ เพื่อการเตรียมตัวที่ดี และ เพื่อทริปที่มันส์ขึ้น

การเดินทางไป อุทยานแห่งชาติปีนัง
โดยรถเมล์ สาย 101 นั่งยาวไปจนสุดสาย อุทยานแห่งชาติปีนัง เป็นป้ายสุดท้ายเลยจ้า ค่ารถอยู่ที่ 4 RM (ประมาณ 40 บาท) ใช้เวลาจาก ตึกคอมต้าร์ จนถึง อุทยานแห่งชาติปีนัง ประมาณ 45 นาที นะคะ
ทริค: อย่าลืมนะคะว่า การขึ้นรถเมล์ที่ปีนัง จะต้องเตรียมเงินให้พอ เพราะ รถเมล์ที่นี่ ไม่มีการถอนเงินนะคะ
เวลาเปิด – ปิด ของ อุทยานแห่งชาติปีนัง
เปิดทุกวันค่ะ ตั้งแต่ 8.00 – 17.00 น.
ทริค: หลีกเลี่ยงการไป อุทยานแห่งชาติปีนัง วันเสาร์ อาทิตย์ เพราะคนจะเยอะมากเป็นพิเศษ

ข้อควรรู้
1. นอกจากการเดินป่า หรือ ไฮกิ้ง ใน อุทยานแห่งชาติปีนัง แล้ว คุณยังสามารถ มากางเต็นท์นอน หรือ แค้มปิ้ง ที่นี่ได้อีกด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย ดีใช่ไหมล่ะ
2. คุณไม่จำเป็นต้องเดินป่า ทั้งขาไป และ ขากลับ เพราะ ขาไปคุณสามารถเดินไป แล้วขากลับก็สามารถกลับด้วยเรือรับจ้างได้ ดังนั้น หมดกังวล หากใครกลัวว่าจะหมดแรง แล้วไม่มีแรงเดินกลับ
3. ใน อุทยานแห่งชาติปีนัง ไม่มีของขายใด ๆ นะคะ แต่ตรงก่อนทางเข้านั้น มี ร้านอาหาร และ ร้านขายของ ไว้ให้ซื้อน้ำและเสบียง ส่วนตัวหยกจะซื้อไว้ตั้งแต่ในเมืองอยู่แล้ว บางครั้งก็เลือก ไม่ไปตายเอาดาบหน้า เพราะรู้อยู่แล้วว่า ข้างหน้า (อุทยานแห่งชาติปีนัง) นั้นไม่มีอะไร โดยหยกจะเน้นซื้อพวกขนมปัง และกล้วยค่ะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ
สิ่งที่ต้องเตรียม สำหรับการมาไฮกิ้ง ใน อุทยานแห่งชาติปีนัง
1. รองเท้าผ้าใบ แบบทะมัดทะแมง สำหรับการเดินป่า เพราะเส้นทางการเดิน มีทั้งขรุขระ ทั้งลื่น และชัน (นึกถึงตอนไป สวนสนุก Escape ปีนัง ที่ไม่ได้ใส่รองเท้าผ้าใบไป)

2. น้ำ อย่างน้อย ๆ คนละ 2 ขวดใหญ่ เตรียมไว้ให้เพียงพอ ทั้งขาไป และ ขากลับ สิ่งนี้จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณจะเสียเหงื่อมาก ตลอดการไฮกิ้ง การจิบน้ำอยู่ตลอดเวลานั้น จะลดอาการขาดน้ำ และ เพิ่มประสิทธิภาพในการเดิน หากเป็นไปได้ ให้พกผงเกลือแร่ แล้วผสมในน้ำดื่ม ด้วยก็ดีค่ะ หยกทำอย่างนี้เป็นประจำอยู่ทุก ๆ การท่องเที่ยวเลย เพราะหยกเดินเยอะมาก
3. ยากันยุง คือเดินใน อุทยานแห่งชาติปีนัง ก็คือเดินในป่าอ่ะนะคะ มียุงเยอะมาก ตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น

4. ขนมและ ผลไม้ เพื่อเป็นอาหารกลางวัน และของว่างระหว่างทาง คือเดินเยอะ เหนื่อยแบบนี้ ต้องหิวแน่นอนค่ะ

เมื่อเข้ามาถึงที่ อุทยานแห่งชาติปีนัง ก็จะเจอที่ทำการ ซึ่งอย่างที่บอกว่าเราไม่เสียค่าเข้า อุทยานแห่งชาติปีนัง ไม่ว่าจะเป็น ชาวมาเลเซีย หรือ แม้กระทั่ง ชาวต่างชาติ แต่.. เราต้องไปลงทะเบียน แจ้งชื่อ สัญชาติ วัน เวลาที่เรามา และ เส้นทางที่เราเลือกเดิน หรือ โดยเฉพาะกรณีที่คุณจะแค้มป์ปิ้ง และ ขากลับก็ต้องมาแจ้งว่าเราออกมาแล้ว โดยการลงเวลาออก การลงทะเบียนนี้ ก็เพื่อความปลอดภัย ของตัวเราเอง ซึ่งเป็นประโยชน์มาก เพื่อเป็นการตรวจสอบ ว่าไม่มีใครตกค้าง หรือ หลงทางอยู่ในป่า
เส้นทางเดิน หรือ ที่เรียกว่า Trail ใน อุทยานแห่งชาติปีนัง นั้น มี อยู่ 2 เส้นทางหลัก ๆ โดยทั้งสองเส้นทาง จะมีทางเชื่อม ที่เรียกว่า Canopy Walkway ซึ่งเป็นสะพานไม้แขวน ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งนี้คือ ไฮไลท์ ที่ต้องเดิน โดยทางเดินที่นี่ค่อนข้างชัดเจน เดินง่าย ไม่มีหลงทางแน่ ๆ ที่สำคัญหากทางตรงไหนชันมากเป็นพิเศษ ทาง อุทยานแห่งชาติปีนัง ก็มีการสร้างเชือก ขึ้นมาเป็นราว เป็นตัวช่วย ให้เราได้จับขณะเดิน

ข้อควรรู้
ช่วงที่หยกไป อุทยานแห่งชาติปีนัง คือ ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่เค้าปิดสะพานแขวน Canopy Walkway เพื่อปรับปรุง และยังตอบไม่ได้ว่า จะปรับปรุงเสร็จเมื่อไหร่ จึงอดเดินเลย ส่วนตัวเสียใจค่ะ ที่ไม่ได้เดินบนสะพานแขวนนี้ แต่ในทางกลับกัน ก็ดีใจค่ะ ที่เค้ามีการซ่อมแซม ปรับปรุง รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ขึ้นมาทันทีค่ะ

1. จากจุดเริ่มเดิน (Entrance) ไป Muka Head Light House (E) โดยเส้นทางนี้ มีระยะทางประมาณ 4.6 กิโลเมตร ซึ่งเค้าบอกไว้ว่า เราจะใช้เวลาประมาณ 1.45 ชั่วโมง แบบเดินอย่างเดียว ไม่พัก เส้นทางนี้ คนจะเลือกเดินเยอะกว่าอีกทาง และ เส้นทางนี้มี Monkey Beach อันลื่อชื่อ ก็ตามชื่อ คือมีลิงเยอะนั่นเอง
2. จากจุดเริ่มเดิน (Entrance) ไป Teluk Kampi (G) โดยเส้นทางนี้ มีระยะทางประมาณ 4.9 กิโลเมตร ซึ่งเค้าบอกไว้ว่า เราจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แบบเดินอย่างเดียว ไม่พัก หยกเลือกที่เดินเส้นทางนี้ค่ะ เพราะการที่คนน้อยกว่า และยังมีจุดเด่น อยู่ที่ ทะเลสาบ Meromiktik ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็เป็น ชายหาด Pantai Kerachut และ เมื่อเดินไปอีกสักหน่อย ก็มีจุดเลี้ยงเต่าทะเล ให้ได้เข้าเยี่ยมชม และสัมผัสกับเต่าทะเลตัวเป็น ๆ ด้วย


ข้อควรรู้
เวลาเข้าเยี่ยมชมเต่าทะเล และลูก ๆ เต่า เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 – 13.00 น. และ 14.00 – 16.30 น.
ทริค: อย่าลืมเผื่อเวลาเดินไป เดินกลับ และเวลานั่งพักชิวๆ ด้วยนะคะ หยกเผื่อเวลา ไป-กลับ ไว้ 5 – 6 ชั่งโมง เลย ดังนั้น ควรจะไปถึง อุทยานแห่งชาติปีนัง เช้าหน่อย คือก่อน 11 โมงเช้า ก็จะดีนะคะ จะได้ไม่เร่งรีบตอนขาเดินกลับมาก
ทริค: หากใครเดินกลับไม่ไหว ก็สามารถนั่งเรือกลับได้นะคะ แต่ราคาค่อนข้างแพงหน่อย หากขึ้นตรงชายหาด Pantai Kerachut ก็ประมาณ 60 – 80 RM (ประมาณ 600 – 800 บาท) หรือขึ้นที่ Teluk Kampi ก็ประมาณ 100 RM (ประมาณ 1000 บาท)

ทริปปีนังครั้งนี้ หยกพาป๊ากับม้าไปเที่ยวค่ะ ซึ่งทริปนี้จะโหดมาก ก็ไม่ได้ จึงวางแผนทริป แบบแค่พอชิวๆ 555+ การที่จะพาผู้สูงวัยมากกว่า 50 ปี ไปผจญภัยนั้น มันก็ต้องมีการเตรียมตัว ให้กับผู้สูงวัยก่อน โดยก่อนมาสัก 2 – 3 เดือน หยกได้บอกป๊ากับม้าว่า จะพาไปเที่ยว แต่ไม่ได้แจ้งว่าจะไปที่ไหน แต่ถามไปว่า รู้ใช่ไหมว่าหยกเที่ยวอึด และมันส์ขนาดไหน ถ้าอยากไปเที่ยวด้วยกัน ก็ต้องไปออกกำลังกาย เพื่อวอร์มร่างกายไว้ ป๊ากับม้าได้ยินเช่นนั้น ก็มีกำลังใจในการไปออกกำลังกายกันทันที โดยออกกำลังกายกันอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ สุดยอดจริง ๆ ทริปนี้จึงเป็นไปได้ด้วยดี

บริเวณต้นไม้สองข้างทางตามทางเดินนั้น จะเห็นสัญลักษณ์ของการบอกว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว อาจเป็นสีแป๊ด ๆ ทาบนต้นไม้, เป็นผ้าสีสด ๆ ที่ผูกไว้ตรงต้นไม้ หรือ ป้ายสีที่เห็นชัด ๆ ห้อยอยู่ตามต้นไม้ ซึ่งเราจะเห็นสัญลักษณ์เหล่านี้ อยู่ตลอดทางเดินเลยค่ะ


ไฮกิ้งที่ อุทยานแห่งชาติปีนัง นี้ มีทั้งแบบเดินสบายๆ, มีทั้งทางที่ขรุขระ ที่เต็มไปด้วยรากไม้ และก้อนหิน, มีทั้งที่เป็นหินขั้นบันไดขั้นเล็ก ๆ และสูง จนต้องนั่งแล้วก้าวลง หรือกระโดดลง, มีทั้งทางที่ชันขึ้น และลาดลง น้อย ๆ จนถึงมากที่สุด ขนาดที่ทาง อุทยานแห่งชาติปีนัง ต้องจัดให้มีเชือกช่วย ให้เราพยุงตัวเองเดิน ได้ง่ายขึ้น



ระหว่างทางที่เดินในป่านั้น ค่อนข้างร่มรื่น ด้วยต้นไม้ที่ล้อมรอบสูงใหญ่เต็มไปหมด มีลมบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนแดดนั้นก็แบบรำไร ๆ นอกจากนั้น ยังมีลำธารน้ำ จากธรรมชาติ ที่ใสสะอาด และเย็น อยู่เป็นระยะ ๆ


เดินไปได้สักระยะ ๆ ก็จะมีจุดพัก เป็นศาลาเล็ก ๆ ก็คือถึงเวลาต้องนั่งพัก ดื่มน้ำกันแล้ว และแทบจะทุกๆ 10 นาที หยกก็จะต้องให้ปีากับม้าดื่มน้ำอยู่เรื่อย ๆ ค่ะ เสียเหงื่อกันออกไปเยอะ ตัวนี้เปียกเชียว

สักพักใหญ่ ๆ ก็ถึงสะพานไม้สีส้ม ข้ามจากป่า โดยทางด้านซ้าย ก็คือ ทะเลสาบ Meromiktik และด้านขวา ก็คือ ชายหาด Pantai Kerachut และนี่ก็คือจุดนั่งพัก กินขนม ชมวิว ของเรา ซึ่งในแผนที่ระบุไว้ ว่าใช้เวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง แต่พวกหยกใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่แย่เท่าไหร่ เพราะมีการหยุดพักเป็นระยะ ๆ และเดินกันอย่างช้า ๆ ตอนนี้ป๊าม้ายังชิว ๆ สบายมาก แค่หิวโซเท่านั้นเอง 555+

ข้อควรรู้
คุณผู้หญิงทั้งหลายคงอยากจะเข้าห้องน้ำกันใช่ไหมละคะ (ที่ไม่ถามคุณผู้ชาย เพราะคงเรียบร้อยไปตั้งแต่ในป่าแล้วแหละค่ะ) นี้แหละค่ะจะเป็นโอกาสทองของคุณ โดยห่างจากจุดนี้ไปสักประมาณ 300 เมตร จะมีบ้านพักเจ้าหน้าที่ และจุดสำหรับแค้มป์ปิ้ง ซึ่งจะมีห้องน้ำไว้บริการ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
จุดชมที่เพาะพันธุ์เต่าทะเลใน อุทยานแห่งชาติปีนัง
จะต้องเดินผ่านบริเวณแค้มป์ปิ้ง ไปตามชายหาดอีกสักประมาณ 300 – 400 เมตร


แล้วจะเดินไป Tulek Kampi ล่ะ ต้องไปทางไหน
ต้องเดินย้อนกลับมา ตรงบริเวณแค้มป์ปิ้งค่ะ แล้วเดินทะลุไปทางด้านหลัง ซึ่งทางไป Tulek Kampi นี้ จะค่อนข้างลำบากสักหน่อยนะคะ ทางจะค่อนข้างสูงชันมาก มีทั้งชันขึ้น และลาดลง จนต้องมีเชือกให้จับเกือบจะตลอดทาง

ทางเดินเส้นนี้ เหมือนจะไม่ค่อยมีคนมาเดินกันซักเท่าไหร่ เพราะเดินไป ๆ ก็ติดใยแมงมุม และมีสิงห์สาราสัตว์ ค่อนข้างจะเยอะเป็นพิเศษ ไม่ได้เห็นสัตว์ใด ๆ หรอกนะคะ แต่ได้ยินเสียงสัตว์กระโดดไปมา บนต้นไม้สูง ๆ (ขอเดาว่าเป็นสัตว์จำพวกลิง) และยังมีเสียงนก หลายหลากชนิด ส่งเสียงพูดคุยกัน ไม่หยุดไม่หย่อน อยู่ตลอดเวลา จนหยกต้องหยุดยืนอยู่นิ่ง ๆ แล้วฟังเพลงนกคุยกัน พร้อมกับเสียงลมพัดไปมา ช่างไพเราะจริง ๆ

ที่ Teluk Kampi ก็มีบริเวณให้แค้มป์ปิ้งค่ะ และแน่นอนว่ามีห้องน้ำ ชายหาดที่นี่ทอดยาว น่าจะสักประมาณกิโลนึงได้ ชายหาดขาว ฟ้าใส ต้นไม้เขียว ตัดกันได้สวยงามมาก และที่นี่ก็เงียบสงบดีจริงๆ นอกจากกลุ่มพวกหยกแล้ว ก็มีแค่เจ้าหน้าที่ 1 คน ที่ดูแลชายหาดบริเวณนี้ เท่านั้น


นั่งพัก กินผลไม้ ไปพลาง ๆ ทั้งป๊าและม้ายังคงแฮปปี้กันดี แบบว่าเก่งกันสุด ๆ ไม่มีบ่นกันเลย ค่อย ๆ เดินกันไป เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยก็เดินต่อ จนในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่ง ณ ขณะนี้ก็เป็นเวลาบ่ายสามนิด ๆ แล้ว ได้ข่าวว่า อุทยานแห่งชาติปีนัง ปิด 17.00 น. หึหึ ครั้นจะพาผู้สูงวัย เดินกลับอย่างรีบเร่ง ภายใน 2 ชั่วโมง ก็เกรงว่า จะได้รับบาดเจ็บกัน ตามแข้ง ขา หัวเข่า อะไรประมาณนี้ จึงให้คุณลุงเจ้าหน้าที่เรียกเรือรับจ้างให้มารับ โดยให้มารับประมาณ 16.30 น. ขอนั่งชิวๆ กินลม เอนกายา กันก่อนกลับละกันเนอะ ค่าเสียหายอยู่ที่ 100 RM (ประมาณ 1000 บาท, แพงจังเลย ถ้าหยกมาเอง ไม่มีทางที่จะยอมเสีย 1000 บาท แน่ ๆ)



วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ รวม ๆ แล้วน่าจะเดินสวนกับคนอื่น ๆ ประมาณ 20-25 คน เท่านั้นเอง และระยะเวลาของการเดิน จากจุดเริ่มเดินจนถึงชายหาด Pantai Kerachut ก็ประมาณ 2 ชั่วโมง และ นั่งเล่นที่ชายหาด Pantai Kerachut, รอดูเต่าทะเล (ติดช่วงปิดพัก), ดูเต่าทะเล และเดินจนถึงชายหาด Teluk Kampi อีกประมาณ 1.5 ชั่วโมง และ นั่งพักชิว ๆ ที่ ชายหาด Teluk Kampi อีกประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น ก็เดินทางกลับด้วยเรือ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ยังค่ะยัง ยังต้องนั่งรถเมล์ กลับเข้าสู้จอร์จทาวน์อีกด้วย
วันนี้จะเป็นวันที่ยาวนาน ดังนั้น การพักผ่อนที่เพียงพอ เสบียง และน้ำดื่ม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ทริค: รถเมล์ขากลับ ทราบมาด้วยคำบอกเล่า ของเจ้าหน้าที่อุทยาน ว่า หลัง 16.30 น. รถเมล์จะมาไม่ค่อยบ่อย ดังนั้น สิ่งที่หยกทำ ก็คือ โบกรถเมล์ทุกสายที่ผ่าน แล้วบอกเค้าว่า จะไปจอร์จทาวน์ เค้าก็จะให้เราขึ้นรถ โดยไม่เสียเงิน แล้วไปปล่อยเราตรงป้ายรถเมล์หลัก (หยกเรียกเอง จริง ๆ น่าจะเป็นป้ายรถเมล์หลักเมื่อรถมาสุดสาย) ในบริเวณนั้น ซึ่งห่างจาก อุทยานแห่งชาติปีนัง ประมาณไม่ถึง 5 นาที และถึงแม้เราจะขึ้นรถเมล์สาย 101 ซึ่งเป็นสายที่ไปจอร์จทาวน์ก็ตาม เค้าก็จะเอาเราไปปล่อยตรงป้ายรถเมล์หลักอยู่ดี เพื่อเปลี่ยนคัน และเปลี่ยนคนขับ ประมาณว่ารถมาสุดสายแล้ว
มาเที่ยว ปีนัง อย่าลืมเก็บ อุทยานแห่งชาติปีนัง ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ด้วยนะคะ ใครไปมาแล้ว ก็อย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์ให้หยกฟังด้วยนะคะ
กำลังเดินชมต้นไม้เพินๆ โดน?? แย่งขนมกับนำ้ไปต่อหน้าต่อตา …… ? ทำไรมันไม่ได้เลยตัดสินใจหยุดการเดินทาง เพราะไม่มีเสบียง ไปคาวหน้าจะเก็บของให้ดีกว่านี้ ฝากไว้ก่อนนะ???
สวัสดีค่ะ คุณ Nith
ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์นะคะ ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนอ่านจบนี้ทั้งฮาน้ำตาไหล 55+ ทั้งเสียใจแทน ตอนนั้นคงหงุดหงิดน่าดูนะคะ แต่ตอนนี้คงกลายเป็นเรื่องตลก เรื่องเล่าฮาๆ ไปอีกนานเลยค่ะ แหม เจ้าลิงพวกนี้ใจร้ายเหลือเกิน จำได้ว่าตอนนั้นหยกต้องแอบๆ กิน 55+ สะพายเป้ไว้ข้างหน้า กัดหนึ่งคำ รีบยัดลงกระเป๋า จากนั้นก็ไม่ได้กินอีกเพราะเจ้าลิงตามมากๆ 55+ แต่สักพักใหญ่ พอพ้นถิ่นลิงทั้งหลาย ก็สบายแล้วค่ะ ถึงแม้จะยังแอบระแวงอยู่ก็ตาม