
ถ้าจะกล่าวถึงการมีมนุษยสัมพันธ์ของคนเบงกาลี ขอบอกเลยค่ะว่า “เป็นเลิศ” การทักทายจากคนที่เดินสวนกันหรือคนที่มองเห็นกันจากระยะไกลเป็นเรื่องปกติ การพูดคุยเริ่มต้นขึ้นอย่างง่ายดาย ไม่ได้มีพิธีรีตองใดๆ นี่รวมถึงคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรือได้นิดหน่อยด้วยนะคะ หลายๆคนเดินคุยกันไปเรื่อยๆจนกลายมาเพื่อนร่วมทางกับหยกเลยค่ะ อีกทั้งในหลายๆครั้งยังมีการ เชิญไปที่บ้าน ด้วย ฟังไม่ผิดค่ะ เชิญคนแปลกหน้าที่เป็นชาวต่างชาติไปเยี่ยมเยียนบ้าน! หยกปฏิเสธไปหลายครั้งด้วยเหตุผลต่างๆนานาที่ฟังดูดี ไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจคนชวน แต่เมื่อมีคนชวนบ่อยๆเข้า อืม..ต้องลองค่ะ

ครั้งนี้คนชวนเป็นเด็กผู้ชายอายุ 19 ปี อยู่ชั้นม. 5 เรียนสายวิทยาศาสตร์ อาศัยอยู่ที่เมืองโบกรา (Bogra) เมื่อไปถึงน้องเค้าก็พาไปที่ห้องของเค้า ห้องนอนของเด็กผู้ชายวัยรุ่นคงไม่ต้องพูดถึงความรกนะคะ แบบ..เชิญให้นั่ง ก็เกรงใจสิคะ (คือจริงๆแล้วไม่รู้จะนั่งตรงไหนมากกว่า 555+) น้องเค้าดูผิดหวัง แต่สักพักก็ตระหนักได้ถึงความแน่นขนัดของข้าวของในห้องของตัวเอง เลยเชิญไปนั่งอีกห้องซึ่งทราบมาทีหลังว่าคือห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่ (เนื่องด้วยบ้านเค้ากำลังก่อสร้างต่อเติมเลยไม่มีห้องนั่งเล่นค่ะ) พาคุณแม่, น้องสาว, คุณลุงและคุณป้ามาให้รู้จัก ส่วนคุณพ่อกำลังวุ่นวายกับการก่อสร้างที่ชั้น 2 น้องสาวพูดภาษาอังกฤษได้ พูดคุยกันถูกคอและเป็นกันเองมากค่ะ เหมือนคุยกับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน สักพักคุณแม่เดินเข้ามาด้วยของหวานที่ทำจากมะขวิด (หรือที่รู้จักกันในขื่อ Wood apple เป็นผลไม้ที่พบได้ในบังกลาเทศ, อินเดีย, ปากีสถาน และศรีลังกา เป็นต้น) หน้าตาคล้ายมะขามหรือลูกหยีกวนค่ะ มีกลิ่นเฉพาะตัวที่หอมมาก รสชาติอร่อยดีเชียวค่ะ มีความเผ็ดของพริก และกลิ่นหอมอ่อนๆของเครื่องเทศบ้างอย่าง กลมกล่อมอย่าบอกใคร
เมื่อเห็นว่าค่อนข้างจะเย็นมากแล้ว คงเป็นเวลาที่ต้องร่ำลากลับที่พัก ทุกคนดูเศร้าที่ต้องจากลา ทำการร่ำลากันอยู่พักใหญ่ๆ เค้าชวนมาทานข้าวเย็นที่บ้านเค้าพรุ่งนี้ ซึ่งพรุ่งนี้หยกวางแผนออกนอกเมืองและคงกลับมาถึงค่ำๆ จึงต้องปฏิเสธไป เค้าจึงเสนอว่าถ้าครั้งหน้ามาที่นี่อีกต้องมาพักที่บ้านเค้าหรืออย่างน้อยต้องแวะมาหาเค้า หยกจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเลด้วยความซาบซึ้งสุดใจ

การร่ำลาไม่ได้จบเพียงแค่นั้นค่ะ น้องเค้าจะเดินไปส่งถึงที่พัก หยกจึงชวนน้องผู้หญิงให้เดินไปด้วยกันจะได้คุยกันต่อ น้องเค้าดูลังเล แต่สุดท้ายก็มา เดินไปคุยไป จากคนไม่กี่คนกลายไปกลุ่มคนประมาณ 10 กว่าคน ทั้งคนในบ้านละแวกเดียวกันและเพื่อนๆ ของน้องเค้าค่ะ เดินไปได้สัก 15 นาที น้องผู้หญิงขอตัวกลับ เลยพึ่งเข้าใจว่าทำไมน้องลังเลที่จะมาด้วยในตอนแรก คือผู้หญิงอิสลามที่นี้ถ้ายังไม่แต่งงาน ห้ามออกมาเดินเพ่นพ่านหลังพระอาทิตย์ตก จากกลุ่ม 10 คน กลายเป็น 20 คน ทุกๆ คนพยายามเข้ามาคุยและทักทายอย่างเป็นมิตร เมื่อถึงหน้าที่พักก็ถึงเวลาที่ต้องร่ำลากันจริงๆ แล้วค่ะ
เสียดายค่ะที่ไม่ได้ถ่ายรูปตอนอยู่ในบ้านไว้
มีข้อสงสัย คำถาม หรือ อยากแชร์เรื่องเที่ยว คอมเม้นต์ที่ช่องนี้ได้เลยค่ะ