
หยกจะพาเพื่อนๆ มาเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบใหม่ กับ การ ทำอาหาร ต่างชาติ มา เรียนทำอาหาร ที่ จอร์แดน Jordan Cooking Clas กันค่ะ
การท่องเที่ยวคืออะไร? การท่องเที่ยวก็คือการเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อหาความสุขและเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งนอกจากจะให้ความสุข สนุก เพลิดเพลินแล้ว ยังทำให้เราได้ลองอะไรใหม่ๆ ที่หลีกหนีจากความจำเจของการดำรงชีวิตประจำวันอีกด้วย

นอกจากนั้นการท่องเที่ยวยังช่วยเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ได้รู้จักการใช้ชีวิตในด้านที่แตกต่างกันไปมากขึ้น และ ยังมีอะไรมากกว่านั้นหากเพียงเรายอมเปิดใจและใจกว้างกับการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่นๆ มากขึ้น เช่น การไปดูหนังอินเดียในโรงภาพยนตร์ที่อินเดีย ถึงแม้จะเป็นภาษาอินเดียและไม่มีคำบรรยาย (สนุก และ ติดใจแค่ไหน ก็บอกได้แค่ว่าหยกซื้อหนังอินตะระเดียกลับมาหลายแผ่นเลยทีเดียว 55+ และ ถ้าได้ไปอินเดียอีกก็จะไปดูหนังอีกนะจะบอกให้), การเดินออกนอกเส้นทางท่องเที่ยว แวะเยี่ยมชมแหล่งชุมชน เพื่อจะได้สัมผัสวิถีชีวิตจริงๆของคนพื้นเมืองนั้นๆ, การเข้าฟังการบรรเลงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีพื้นเมืองที่เวียดนาม หรือการเรียนทำอาหารท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ เป็นต้น หยกจะพาเพื่อนๆ ไป เรียนทำอาหาร ที่ จอร์แดน กันค่ะ
สิ่งเหล่านี้คือประสบการณ์บางส่วนของหยกเท่านั้นนะคะ
เมื่อครั้งที่หยกไป เที่ยวจอร์แดน ได้ลง เรียนทำอาหาร ที่ จอร์แดน Jordan cooking class ซึ่งให้ประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างไม่คาดคิดกับหยกหลายๆอย่าง จึงอยากจะนำเสนอและแบ่งปันข้อคิดและประโยชน์ดีๆ มากมาย ที่หยกได้จากการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งนี้ ให้เพื่อนๆ ได้ลองทำดูและได้รู้ว่าการท่องเที่ยวนี้ไร้ขอบเขตจริงๆ
หลายคน(รวมทั้งหยกในตอนแรก)คงคิดว่าทำไมต้องเสียเวลาเพื่อ เรียนทำอาหาร ที่ จอร์แดน ด้วย เอาเวลาไปท่องเที่ยวไม่ดีกว่าเหรอ เพราะถึงเรียนไป พอกลับประเทศไทยก็คงไม่ได้ทำกินอยู่ดี ทั้งวัตถุดิบก็ไม่ได้หาง่ายๆ หรือแม้หาซื้อได้ แต่ก็ไม่ได้ใช้ทั่วไปในครัวเรือน เช่น พวกเครื่องเทศต่างๆที่มีอยู่มากมาย จะซื้อมาใช้ก็คงได้ทำแค่ครั้งสองครั้ง แล้วคงวางทิ้งไว้อย่างนั้น เปลื้องเงินและเสียดายของเปล่าๆ ไม่ใช่เหรอ

สิ่งที่เพื่อนๆกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้คือ ข้อคิดและประโยชน์ดีๆ อย่างไม่คิดไม่ฝันว่าหยกจะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากการ เรียนทำอาหาร ที่ จอร์แดน ที่มีอะไรมากมายนอกเหนือจากแค่การทำอาหาร ด้วยช่วงเวลาสั้นๆเพียง 5 – 6 ชั่วโมงเท่านั้น ไปเริ่มกันเลยค่ะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? สโลเวเนีย? ศรีลังกา? หยกจัดทริปค่ะ
สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
1. เป็นการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ กับ Jordan Cooking Class
เวลาเป็นสิ่งที่มีค่า โดยเฉพาะเวลาที่มีอยู่จำกัดกับการท่องเที่ยว ลองเลือกเวลาเรียนทำอาหารเป็นช่วงเย็นสิคะ เพราะเวลาค่ำๆ ที่ประเทศจอร์แดน ถ้าไม่ใช่คนชอบดริ๊ง แทนที่จะต้องติดแหง็กอยู่ในห้องพัก เหงาหงอย ไม่มีอะไรทำ กลิ้งบนเตียงไปมา ก็เอาเวลาช่วงนั้นมาเรียนทำอาหารดีกว่า อีกทั้งยังไงแล้วเราก็ต้องทานอาหารเย็นอยู่ดี เพราะเมื่อสิ้นสุดการเรียนทำอาหารแล้วเราก็ได้ทานอาหารที่เราทำด้วย
2. เคยไหมคะกับการเสียเวลาเดินเลือกร้านอาหารเป็นชั่วโมงๆ
หยกเป็นบ่อยค่ะ เดินจนร้านทะยอยปิดกัน วนไปวนมา 5 – 6 รอบ(เหนื่อยกว่าเดินเที่ยวอีก 555)ก็ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเข้าร้านไหนดี ร้านนี้คนน้อยอาหารคงไม่อร่อย ร้านนั้นคนเยอะแต่ราคาสูงไป สู้ไม่ไหว ร้านนี้ก็ดูดีนะแต่ขอเดินดูอีกสักหน่อยละกัน และใช่ว่าร้านที่เราคิดว่าน่าจะดีแล้วจะอร่อยหรือประทับใจเสมอไป ใช่ไหมคะ แต่การไปเรียนทำอาหาร แน่นอนค่ะว่าอาหารที่เค้าสอนให้เราทำนั้นจะต้องเด็ด เป็นเมนูแนะนำ และอร่อย และอาจเป็นอาหารพื้นเมืองที่เราคงไม่มีโอกาสได้ลองหากเราต้องสั่งอาหารเอง จริงไหมคะ

3. คิดนอกกรอบ เพื่อเปิดโลกแห่งการท่องเที่ยวให้กว้างขึ้น
ทำให้ได้รู้ว่าระหว่างการเดินทาง นอกเหนือจากการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆและการถ่ายรูปเพื่อเก็บเป็นที่ระลึกแล้ว เรายังสามารถหาประสบการณ์ใหม่ๆได้จากสิ่งอื่นใกล้ๆ ตัวที่เราคิดไม่ถึง เช่นการเรียนทำอาหารอีกด้วย หยกทำบ่อยค่ะ การคิดนอกกรอบ นอกสิ่งเดิมๆ ที่จำเจ ทำให้ได้อะไรใหม่ๆที่มีค่ากลับมาเสมอ และยังเป็นการเปิดโลกแห่งการท่องเที่ยวให้กว้างยิ่งๆ ขึ้นไปอีกด้วยนะคะ
4. ช่วยคลายความเหงา
โดยเฉพาะกับคนที่ไปเที่ยวคนเดียว บางครั้งมันก็มีช่วงเวลาที่รู้สึกโดดเดี่ยว อยากมีเพื่อนคุย เพื่อนกินบ้าง จริงไหมคะ ซึ่งเราจะได้เจอเพื่อนใหม่หลายต่อหลายคน ได้ทำกิจกรรมและทานอาหารร่วมกัน และไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้หรือวันต่อๆไป เพื่อนใหม่ของเราอาจมีจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่เหมือนกันกับเรา การร่วมทริปจึงกำเนิดขึ้น หรืออาจมีการผูกมิตรจนเป็นเพื่อนกันจนถึงทุกวันนี้ เพื่อนไม่ได้หาง่ายๆ ค่ะ แต่ถ้าหาได้แล้วก็อย่าปล่อยให้หลุดมือ จงรักษามิตรภาพอันดีงามนั้นไว้

5. ได้รับคำแนะนำดีๆ และแลกเปลี่ยนการวางแผนการท่องเที่ยว
เพราะเพื่อนใหม่ที่เราได้เจอนั้นก็คือนักท่องเที่ยวเหมือนๆ กันกับเรานี่แหละค่ะ ซึ่งมีทั้งที่เป็นมือใหม่หัดเที่ยวและที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน การแลกเปลี่ยนความรู้ทางการท่องเที่ยวจึงเกิดขึ้น ที่ไหนควรไป ไม่ควรไป เพราะอะไร ที่ไหนที่ห้ามพลาด ทริคเล็กๆน้อย หรือข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวแต่ละคนประสบพบเจอ เช่น พรุ่งนี้จะมีการประท้วง ทำให้ถนนเส้นทางที่หยกวางแผนจะไปเที่ยวนั้นปิด รถประจำทางไม่สามารถเดินรถได้ ซึ่งทริปที่หยกแพลนนี้ต้องนั่งรถไปประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อไปต่อรถอีกสายหนึ่งตรงที่เค้าจะปิดถนนนั้นแหละ ไม่เช่นนั้นหยกคงไปเสียเที่ยวและเสียเวลาไปเกือบเต็มวัน ขอบคุณชาวออสเตรียคู่นั้นจริงๆ
6. การพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำรงชีวิตที่หาไม่ได้จากห้องเรียนไหนๆ
ยกเว้นที่นี่ ในห้องเรียน ทำอาหาร เรียนทำอาหาร ที่ จอร์แดน
นี่คืออีกข้อดีของการเจอเพื่อนใหม่ เพราะเพื่อนใหม่ที่เราจะได้เจอนั้นมีมากมายหลายวัย หลากหลายหน้าที่ความรับผิดชอบ (มีทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน วัยกลางคน วัยเกษียณ คุณแม่ลูกสอง มากันเป็นครอบครัว เป็นคู่ หรือเดี่ยว) ต่างทั้งเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม และสถานะทางการเงิน (มีทั้งแบบมาเที่ยวแบบประหยัดจนถึงรวยมาก มากแค่ไหนก็มากแบบมีบริษัทขุดน้ำมันเป็นของตัวเอง มีหุ้นในหลายๆบริษัท จนชีวิตนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว นอกจากเที่ยวอย่างเดียว น่าอิจฉาจริงๆ) การได้พูดคุยกับพวกเค้า ทำให้หยกได้รู้จักโลกมากขึ้น ได้รู้ถึงความสำเร็จที่ยากลำบากนั้นต้องผ่านอุปสรรคมานับไม่ถ้วน ต้องล้มแล้วลุกกี่ครั้ง ต้องมีความพยายามมากและมีเป้าหมายที่ชัดเจนแค่ไหน กว่าเค้าคนนั้นๆจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ รู้ถึงการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เช่นเวลามาเที่ยวก็คือการท่องเที่ยวจริงๆ ลุยให้หมด พักผ่อนให้เต็มที่ 3 เดือนหรือ 6 เดือนก็ว่าไป หลังจากชาร์ตแบตเตอร์รี่ชีวิตจนเต็มก็กลับสู่ชีวิตจริงโดยประยุกต์ใช้ประสบการณ์ที่ได้จากการท่องเที่ยวนั้นเข้ากับโลกของชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย

7. เรียนรู้ทริคเล็กๆ น้อยๆ ของการทำอาหารจากพ่อครัวต่างชาติและจากเพื่อนร่วมกลุ่ม
การทำอาหารของแต่ละที่มักจะมีกระบวนการจัดเตรียมอาหาร มีเอกลักษณ์และเคล็ดลับที่แตกต่างกัน เช่น เทคนิคการหั่นผักเป็นฝอยๆ มือหนึ่งจับมีดแบบไหน จัดเรียงผักยังไงให้อีกมือจับผักแล้วหั่นได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้นและหั่นผักได้ละเอียดที่สุด โดยที่ไม่ต้องจัดผักใหม่อยู่บ่อยๆหรือผักไม่หลุดจากมือ หรือการคนหรือตีถั่วในซุปถั่วยังไงด้วยอุปกรณ์อะไรให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันกับซุปโดยทุ่นแรงคนและเวลามากที่สุด
8. ได้รู้จักอาหารและประเภทของอาหารท้องถิ่นหลากหลายขึ้น
แน่นอนว่าการไปเที่ยวต่างถิ่น เราต้องอยากลิ้มรสอาหารพื้นเมืองที่แท้จริงและมีชื่อเสียงของถิ่นนั้นๆ แต่หลายๆครั้งภาษาก็เป็นอุปสรรค และการชี้รูปบนเมนู(บางร้านอาหารเท่านั้นที่เมนูจะมีรูปอาหารประกอบ) หรือการสั่งตามโต๊ะข้างๆก็อาจช่วยไม่ได้ทุกครั้งไป แต่การเรียนทำอาหารนั้นทำให้ได้เราได้รู้จักอาหารพื้นเมืองมากขึ้น และยังรู้ว่าอาหารนั้นๆทำมาจากอะไร ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสั่งอาหารในวันถัดๆไป ไม่เพียงเท่านั้นอาจจะได้รับการแนะนำร้านอาหารเด็ดๆ จากคนท้องถิ่นเองหรือจากเพื่อนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆอีกด้วย

9. รู้จักการร่วมงาน ประสานงานกับผู้อื่น แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการเอาตัวรอด
เนื่องด้วยสมาชิกร่วมคลาสมี 20 คน แบ่งไปประจำโต๊ะๆละ 5 คน จึงทำให้รู้จักการร่วมงาน แบ่งงานและประสานงานกับผู้อื่นได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานนี้คืองานที่พึ่งพบเจอกับเพื่อนร่วมงานเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังแตกต่างกันทั้งวัย ภาษา และ วัฒนธรรมอีกด้วย หากรู้จักปรับตัว สื่อสารอย่างถูกวิธี และ ผ่านสิ่งนี้ไปได้แล้ว การใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ วัน กับสังคมของคุณเองก็ไม่มีอะไรวุ่นวายแล้วล่ะคะ เพราะนี่ถือว่าคุณประสบความสำเร็จกับภาระกิจต่างถิ่นกับผู้ร่วมงานที่แตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ซึ่งทั้งยาก และ ท้าทายกว่าสังคมของคุณเองอย่างมาก ผ่านสิ่งนี้แล้วก็เอารางวัลชนะเลิศไปเลยค่ะ

เห็นไหมล่ะคะว่ารูปแบบของการท่องเที่ยวมีมากกว่าที่คุณคิด และยังให้อะไรมากเกินความคาดหมาย หยกหวังว่าหลังจากคุณได้อ่านข้อคิดและประโยชน์ดีๆ เหล่านี้แล้ว มุมมองของการท่องเที่ยวของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างกว้างขวางขึ้น เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้ทริปนั้นๆของคุณมีอะไรใหม่ๆที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังจะเสพติดการท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ ที่ไม่จำเจ และ ไม่เหมือนใครอีกด้วยและยังจะเสาะแสวงหารูปแบบของการท่องเที่ยวที่ไร้เขอบเขตนี้อย่างเมามันส์ต่อไป
คงอยากทราบกันใช่ไหมคะว่าอาหารที่หยกทำรสชาติเป็นอย่างไร? อิอิ
อร่อยมากๆ ค่ะบอกเลย ทุกคนกินกันอิ่มหนำสำราญมากมาย