
ไฮกิ้ง คือ อะไร? ไฮกิ้งไปทำไม? และเพื่ออะไร? ข้อดีหรือประโยชน์มีไหม? แล้วต่างจากเทรคกิ้งยังไง? เป็นอีกคำถามที่หลายๆ คนร้องขอ หยกเลยจัดให้แบบเต็มๆ ในบทความนี้ เอาให้หายสงสัย และอยากที่จะไปไฮกิ้งกันเลยค่ะ นอกจากนั้น หยกยังจะเล่าวีรกรรมไฮกิ้งมันส์ๆ ที่เป็นการปีนเขาที่เป็นเขาแบบหินๆ ครั้งแรกของหยก ที่เอาเกือบจะ “ไฮกลิ้งตกเขา” พร้อมทั้งเคล็ดลับการกำจัดความกลัวระหว่างการไฮกิ้ง เพื่อการไฮกิ้งที่สนุกๆ และไปต่อได้จนถึงจุดยอดปลายทาง
การไฮกิ้งในแบบที่หยกไม่เคยทำมาก่อน กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อเส้นทางที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ทางเดินในแบบที่หยกคุ้นเคยอีกต่อไป แต่มันคือ ทางเดินที่เป็นหินขรุขระๆ ที่ชันมาก มองไปทางไหนก็มีแต่หิน หินที่หน้าตาเหมือนกันหมด ชันขึ้น สูงขึ้นๆ ที่สำคัญคือ มองหาเส้นทางเดินไม่เจอ ดีนะที่มีสัญลักษณ์บอกทาง แถบสี แดง-ขาว-แดง อยู่ตลอดเส้นทาง(ที่ไม่ใช่ทาง) และทำให้รู้ว่าเที่ยวคนเดียวยังไงก็ไม่เหงา เพราะเพื่อนคอเที่ยวเหมือนกันนั้น มีอยู่ทุกที
“ฉันกลัว ขาสั่น มือเย็น แต่ฉันรู้… ว่าต้องทำได้”
มาดูความหมายตรงตัวแบบง่ายๆ กันก่อนดีกว่าค่ะ ว่า ไฮกิ้ง คือ อะไร
การเดินป่าภาษาอังกฤษ เรียกว่า Hiking หรือ ไฮกิ้ง
ไฮกิ้ง คือ การเดินป่าตัวปลิว แบบรายวัน พกน้ำ พกขนม เหมือนเตรียมตัวไปปิกนิกที่จุดชมวิวปลายทาง หรือ บนยอดเขา อาจมีการแวะพักชมวิวที่จุดชมวิวระหว่างทาง โดยที่เส้นทางเดินอาจเป็นการเดินบนทางเรียบๆในป่า หรือ เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เสร็จแล้วอาจจะเดินกลับเส้นทางเดิม หรือ เส้นทางใหม่ก็ได้
โดย Hiking เป็นคำนาม หมายถึง การเดินป่า หรือ การไฮกิ้ง ส่วน Hike เป็นคำกริยา หมายถึง (ตอนนี้กำลัง)เดินป่า(อยู่) หรือ มักจะเรียกสั้นๆ ว่า ไฮ เช่น ไฮอีก 10 นาที ก็จะถึงปลายทางแล้ว
แล้วคำว่า เทรคกิ้ง ต่างจาก ไฮกิ้ง อย่างไรล่ะ
เทรคกิ้ง หรือ ภาษาอังกฤษ คือ Trekking
เทรคกิ้ง คือ การไฮกิ้งต่อเนื่อง แบบหลายๆวัน โดยไม่เพียงแค่พกน้ำ พกขนม แต่ยังต้องแบกกระเป๋าสัมภาระไปด้วย และเมื่อไปถึงจุดหมาย ซึ่งอาจจะต้องนอนตามโฮมสเตย์ในหมู่บ้าน ตามเกสท์เฮ้าส์ หรือ กางเต๊นท์นอน แล้ววันรุ่งขึ้นก็เริ่มออกไฮกิ้ง พร้อมสัมภาระต่อไปเรื่อยๆ เพื่อถึงจุดหมายถัดไป เป็นเช่นนี้วนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบเส้นทางที่เราวางไว้
โดยเทรคกิ้งอาจใช้เวลาแค่ 2 – 3 วัน หรือ เป็นอาทิตย์ หรือ เป็นเดือน ก็ได้ค่ะ โดยการเทรคกิ้งนี้ ส่วนใหญ่จะมีลูกหาบไว้บริการ ทำให้เราไม่ต้องหอบหิ้วสัมภาระเอง
ตัวอย่างของการไฮกิ้ง และ เทรคกิ้ง อ่านได้ที่ลิ้งค์ตรงนี้เลยค่ะ ไฮกิ้งที่ป่าหินงามเมืองปาย ชมใบไม้หลากสี กับแสงส้มของพระอาทิตย์ตกดิน หรือ เทรคกิ้ง: เพลิดเพลินกับหิมาลัยที่ Poon Hill ในประเทศเนปาล หรือ เทรคกิ้ง ที่ เทรคกิ้งที่ดอยลังกาหลวง – ดอยลังกาน้อย อุทยานแห่งชาติขุนแจ จ.เชียงราย
ข้อพึ่งระวังของการเทรคกิ้ง สำหรับคนที่ต้องการจะแบกสัมภาระเอง ก็อยู่ที่ตัวกระเป๋าแบ็คแพ็คนี่แหละค่ะ หยกมีบทความแนะนำ วิธีการเลือกซื้อกระเป๋าแบ็คแพ็ค โดยสามารถอ่านได้ที่ลิ้งค์ตัวหนังสือส้มๆตรงนี้เลยนะคะ ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ชอบเที่ยวลุยๆ จะได้เลือกกระเป๋าแบ็คแพ็คที่เหมาะกับคุณได้ หรือจะเป็น การเลือกรองเท้าเดินป่า (hiking shoes) ให้เหมาะกับกิจกรรมที่จะทำ รวมทั้งชนิดของรองเท้าเดินป่า และวิธีการดูแลรักษารองเท้า
นอกจากนี้ ยังสามารถอ่านบทความตัวหนังสือสีส้มๆสองลิ้งค์นี้ได้ หากใครที่อยากทราบข้อดี และ เหตุผลของการไฮกิ้ง คลิ๊กเลยค่ะ ไฮกิ้ง เทรคกิ้ง: กับข้อคิดดีๆที่จะทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น และ ชีวิตคนเรานั้นสั้น กับ 16 เหตุผลทำไมจึงควร ไฮกิ้ง หรือ เทรคกิ้ง สักครั้งหนึ่ง
มาค่ะ ทีนี้ หยกจะเล่าประสบการณ์มันส์ๆ จากทริปไฮกิ้ง ที่อิตาลีให้ฟัง โดยเป็นการไฮกิ้งอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่การเดินป่า แต่เป็นไฮกิ้งที่หยกขอเรียกว่า ไฮ “กลิ้ง” น่าจะเหมาะกว่า รวมทั้งข้อคิดดีๆ และบทเรียนที่หยกได้จากการไฮกิ้งครั้งนี้ ซึ่งนอกจากคุณจะได้ทราบว่า ไฮกิ้ง คือ อะไรแล้ว คุณยังจะได้สนุก ได้ร่วมลุย ได้ร่วมลุ้นไปกับหยก และยังจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ที่ทำให้คุณทราบข้อดี และผลพลอยได้ ที่ได้จากการไฮกิ้งอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกลิ้งพร้อมๆกันเลยค่ะ
หากตอนนั้น หยกมีไม้เท้าเดินป่า ก็คงจะเดินคล่องขึ้น สบายขึ้น สินะ ซึ่งสามารถคลิ๊กอ่าน ประโยชน์ ส่วนประกอบ และวิธีการใช้ไม้เท้าเดินป่า ได้ที่ลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มนะคะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปลายปี 2564 – 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ

ใครมาอิตาลี คงนึกถึง หอเอนปิซ่า โคลอสเซียม อาณาจักรโรมัน แต่ขาลุยอย่างหยก ขอเลือกไฮกิ้งค่ะ เพื่อพิสูจน์คำกล่าวขานที่ว่า “ทะเลสาบโคโม่ หรือ Lake Como คือทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี” แต่หารู้ไม่ว่า การไฮกิ้งครั้งนี้ จะเป็นการไฮ “กลิ้ง” ครั้งแรกของหยก แต่ทำไมหยกถึงจะ กลิ้ง ล่ะ? หรือ หยกลุยจนกลิ้งตกเขา? (ดูรูปข้างบนประกอบ) อ้าว แล้วจะ ไฮกิ้งทำไม ล่ะเนี่ย ไปร่วมผจญภัย และช่วยลุ้นเชียร์หยกด้วยนะคะ

อ่านความเดิมตอนที่แล้ว ได้ที่ลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มๆนี้เลยค่ะ ทะเลสาบโคโม่ มีอะไรให้ทำมากว่าชมวิว

หลังจากที่หยกทิ้งให้น้องไข่อ่านหนังสือรอที่ Rifugio Menaggio (หรือถูกน้องไข่ทิ้งก็ไม่รู้สินะ) และได้ชมวิวเพลินๆ ของ Lake Como หยกก็ยังคงลั้นล้ากับการไฮกิ้งอยู่ เดินมาได้ไม่กี่นาที ก็เจอทางแยกไปจุดชมวิว Pizzo Coppa ซึ่งก็มองเห็นว่าเดินไปแค่ใกล้ๆ นี้เอง เลยเดินไปดูสักหน่อย

โดยทางเดินเป็นทางเดินแคบๆ ยาวๆ ประมาณ 200 – 300 เมตร ยื่นไปสู่จุดชมวิว Lake Como อีกด้าน คือสวยมากค่ะ ได้เห็นวิวของ Lake Como ในด้านที่ยังไม่เคยเห็น ลมพัดเย็นสบาย มีภูเขาเขียวๆ มากมายซ้อนกัน กับลำน้ำของ Lake Como ที่คดโค้งไปมา และหมู่บ้านหลังคาส้มๆ กระจุกใหญ่ๆ ที่ดูไกลๆ นึกว่าสวนดอกไม้

หลังจากยืนกินวิวอยู่พักใหญ่ๆ จนอิ่ม ก็ได้ฤกษ์เดินกลับมาทางเดิม เพื่อไปต่อยัง Monte Grona ค่ะ แต่ยังไม่ทันได้เริ่มไปไหน ก็มาเจอกับป้ายบอกทางที่แสนจะสับสน คือยืนเอ๋ออยู่นาน แบบว่ามีป้ายบอกทางไป Monte Grona 2 ทาง ทางหนึ่งบอก 1.15 อีกทางบอก 0.50 อ๋อ… สงสัยไปได้ทั้งสองทางไง ไปทาง 1.15 ละกัน เดินไกลหน่อย เผื่อจะเห็นวิวมากขึ้น วันนี้ยังมีเวลาอีกเพียบ แถมป้ายที่บอกทาง 1.15 นั้น ยังเขียนว่า Panoramico อีกด้วย คงจะได้เห็นวิวพาโนรามาสินะ ดีจัง

แต่พอกำลังจะเดิน ก็ดันเดินไปชนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ด้านหลังหยก คือก็ไม่รู้ว่าเธอมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เลยขอโทษไปหนึ่งที แต่เธอก็ไม่ได้สนใจหยกเลย ดูเธอกำลังมีสมาธิ กับป้ายตรงหน้า บวกกับการก้มลงดูรูปถ่ายแผนที่บนมือถือของเธอ คงกำลังงงเหมือนที่หยกงงสินะ
หยก: จะไป Monte Grona หรือเปล่าคะ
อันย่า: ใช่ค่ะ (แล้วเธอก็ก้มดูมือถือต่อไป)
หยก: ไปเหมือนกันค่ะ ป้ายมันมีสองทาง คงไปได้ทั้งสองทางแหละเนอะ แค่ทางนึง 500 เมตร ส่วนอีกทาง 1 กิโลนิดๆ
อันย่า: ไม่นะ เลขที่เห็นน่ะ มันบอกเป็นชั่วโมง ไม่ใช่กิโลเมตร ทางนึงเดิน 50 นาที ส่วนอีกทางเดิน 1.15 ชั่วโมงต่างหากละคะ เพียงแต่มันจะมีทางง่าย กับทางยาก
หยก: อ้าวววว เหรอออคะ คิดว่าเป็นหน่วยระยะทางมาตลอดเวลาเลย 555+ (แล้วอันย่า ก็หันมาหัวเราะ) ว่าแต่ที่ว่ายากเนี่ย มันจะยากแค่ไหนเชียวคะ
อันย่า: ก็ต้องปีนเขาไปค่ะ
หยก: อะไรนะคะ? ปีนเขา?
อันย่า: ใช่ค่ะ ต้องปีนต้องไต่เขาขึ้นไป แบบนักไต่เขาเลย มันยากมาก เดินไปไม่ได้ค่ะ ตรงเขาลูกนั้นไง (ชี้ไปทางที่บอก 1.15) ส่วนทางนี้ (ชี้ไปทางที่บอก 0.50) ง่ายกว่าค่ะ ไม่ต้องปีนเขา แต่ไฮกิ้งไปได้ค่ะ
หยก: อ๋ออออออออ (แบบงงๆ) โชคดีจังที่เจอคุณ ไม่งั้นคงไปอีกทางเป็นแน่เลยค่ะ และคงอาจจะต้องเดินกลับเพราะไปต่อไม่ได้ แฮ่ๆ (ฉีกยิ้มกว้าง) งั้นเราก็เป็นเพื่อนร่วมทางกันแล้วสินะ ชื่อหยกค่ะ
อันย่า: อันย่าค่ะ ป่ะไปกันเลย

อันย่าเธอเป็นคนเกาหลี แต่เกิดที่เดนมาร์ก และมาทำงานอยู่ที่เยอรมัน โดยทริปนี้ เธอมาเที่ยว Lake Como แค่วันหยุดเสาอาทิตย์ค่ะ ทางเดินที่แตกต่างจากเดิม ที่สูงขึ้น และชันขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น ยังแคบอีกต่างหาก จากไฮ “กิ้ง” ที่ควรจะเป็น หยกล่ะกลัวจริง ที่อาจจะต้อง “กลิ้ง” ตกเขาแทน แต่ในขณะเดียวกัน วิวของ Lake Como นั้น ก็กว้างขึ้นๆ มันสวยสมคำร่ำลือจริงๆ


เดินไป เกาะไป หอบไป หยุดพักไป ทั้งร้อน ทั้งหนาวในคราวเดียวกัน แล้วอันย่าก็ชี้ให้ดูที่เขาตรงข้าม ว่านั่นไง หากเราไปกันอีกทาง เราต้องปีนกันแบบนั้น


สักพักทางเดินที่เห็นเบื้องหน้านั้น แทบจะไม่เป็นทางเดินอีกต่อไปแล้ว กลายเป็นหินผาขรุขระๆ ความชันก็มากขึ้นๆ เกือบ 70 องศา เห็นจะได้ (ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ตั้งฉาก 90 องศา คิดปลอบใจตัวเอง) คือถ้าไม่เห็น แถบสีแดง-ขาว-แดง นะ ก็จะคิดว่าเดินผิดทางแล้วนะเนี่ย จากที่เดินสองขาสลับเกาะๆไต่ๆ ก็กลายเป็นว่าลงไปคลานสี่ขาเต็มๆ ไต่ไป ปีนไป จากเสียงที่คุยกัน ก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงหายใจหอบๆ และลมที่พัดเข้ามาแทน แถบสีแดง-ขาว-แดง เริ่มเห็นถี่ขึ้นๆ ในมุมที่สูงขึ้นๆ การหยุดพักก็เริ่มลำบากมากขึ้น คือแค่ยืนก็เป็นไปได้ยากแล้ว เพราะพื้นที่เหยียบอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่พื้นราบอีกต่อไป

ปีน ไต่ เกาะ คลาน จับตรงนั้น เหยียบตรงนี้ ความกลัวเริ่มคืบคลาน แต่ก็แปลกนะ ที่ความกลัวแว๊บเข้ามาแค่ช่วงสั้นๆ ในขณะเดียวกัน หยกกลับรู้สึกสนุก ท้าทาย และยังคงตื่นเต้นกับการพยายามไปต่อ
ลองจินตนาการดูสิคะว่า ขนาดยืนเกาะยังลำบาก ความชันมันจะมากขนาดไหน แล้วนี่เป็นภูเขาหัวแหลม ยิ่งปีนขึ้นๆ ก็ยิ่งสูงมากขึ้นๆ โหยยย หืดขึ้นคอ คอแห้ง มือเย็น ขาสั่น หอบแห่กๆ เหงื่อแตกพลั่กๆ ขึ้นมาฉับพลันเลยค่ะ นึกถึงน้องไข่ขึ้นมาทันที ว่าดีแค่ไหนแล้ว ที่น้องไม่ได้มาด้วย ไปไม่รอดกันแน่เลย (ป๊าม้ามาอ่านนี่คงโดนห้าม ไม่ให้ทำอะไรแบบนี้อีกเป็นแน่) แต่อย่างน้อยตอนนี้ หยกก็มีอันย่าที่คอยหันกลับมามองอยู่เรื่อยๆ

ยัง ยังไม่หมดเท่านั้น ทางที่ชันขึ้นขนาดนี้ ก็หมายถึงว่าความสูงที่ถูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การไปต่อนั้น ก็ว่ายากเย็นมากแล้ว แต่การจะมองวิวเบื้องล่างของ Lake Como พร้อมๆ กับการไฮกิ้งนั้น ยากเย็นยิ่งกว่า แค่หางตาที่เห็นวิวด้านล่าง ใจก็หวิวแล้ว แต่พอลองก้มไปมองนี่สิ รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที ขนาดไม่ใช่คนกลัวความสูงนะคะเนี่ย

เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่คิดว่าไม่รอดแล้ว ไปต่อไม่ได้แล้วหยกเอ๊ย ตอนนั้นจำได้แม่นเลยว่าตัวเองเกาะหินแน่น และนิ่งยังกับตุ๊กแก ไม่สามารถจะขยับเท้า หรือ มือ หรือ แม้กระทั่งมองกลับหลังได้เลย เอาไงดีเนี่ย กลัวก็กลัว แต่จะกลับก็ยิ่งน่ากลัวกว่า ก็ทางมันชันเยี่ยงนี้ ถ้าจะกลับคงกลิ้งตกเขาจริงๆเป็นแน่ แต่ถ้าไปต่อล่ะ? อ้าวแล้วขากลับล่ะ? ต้องกลับทางเดินไหม? ทันใดนั้น ก็มีคน 2-3 คนเดินสวนทางมา โอ้ว แม่เจ้า นี่ตูต้องกลับทางเดิมหรือเนี่ย ความคิดฟุ้งซ่านก็ถาโถมเข้ามามากขึ้น

ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ชายชาวต่างชาติร่างใหญ่ ขายาว 2 คน เดินผ่านหยกไปอย่างง่ายดาย คือหันมายิ้มให้ด้วยนะ แล้วก็เดินผ่านไป เฮ้ย! แค่ขาที่ยาวกว่านี่ทำให้มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
ให้ตายสิ สักวันหยกจะต้องเป็นแบบพวกเขาให้ได้ ครั้งแรกมักจะยากเสมอสินะ
แล้วหยกก็ฮึดสู้ ทั้งๆที่ขายังสั่น แต่แล้วหยกก็ผ่านมันไปได้ในครั้งที่ 6 โหยย พ่อแก้วแม่แก้ว แล้วก็ดึงสายสะพายกระเป๋าให้แนบแน่นเป็นส่วนหนึ่งกับตัวทันที
ทันใดนั้น ความรู้สึกลั้นล้าก็กลับมา นี่ไม่ใช่เหรอที่เราตามหา การทำอะไรแปลกใหม่ ตื่นเต้น สิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ มันท้าทายดีออก เมื่อแรงฮึดมา เรื่องขากลับก็ค่อยว่ากันทีหลัง ขึ้นได้มันก็ต้องลงได้สิน่า!

มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์คนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปลายปี 2564 – 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
แต่แล้วก็ถึงจุดๆนึง ที่หยกไม่เกาะนิ่งๆแล้วค่ะ แต่ปีนไป ไต่กลับ เกาะตรงนั้น ย้ายมาเกาะตรงนี้ อยู่ 3 – 4 รอบแล้ว ก็ยังคงไปต่อไม่ได้ กลับไปเริ่มต้นใหม่ก็แล้ว ก็ยังไปไม่ได้ ระหว่างนี้อันย่าก็กำลังงกๆ กับการไต่ไปให้รอดเช่นกัน จึงยืนวางแผนการนิดๆ ว่าจะเอามือ เอาเท้าไปไว้ตรงไหน จากนั้นไปไหนต่อ แล้วก็ฮึดต่อ ทีนี้ไปได้แล้วค่ะ เพียงแต่จุดสุดท้ายที่จะข้ามช่วงนี้ไปน่ะสิ จับตรงไหนก็ไม่มีที่เกาะ แต่มีที่ไว้เท้า คือถ้ามือไปเกาะไม่ได้ แล้วเท้าจะไปเหยียบก่อนยังไงเล่า แล้วอันย่าก็ยื่นมือมาให้จับ ณ ตอนนั้นคิดว่า ห๊ะ ไม่นะ นี่เราจะตกแพ๊คคู่หรือยังไง อันย่ายังคงยื่นมือมา หยกจึงถามไปว่า “คุณแน่ใจนะ?” อันย่าไม่ตอบ แต่ยิ้มและยังคงมือที่ยื่นไว้ พร้อมกับกระชับเท้าทั้งสองข้างให้มั่นกับพื้นที่เธอเหยียบอยู่ พร้อมกับยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ เหมือนส่งสัญญาณว่า “ฉันพร้อมแล้ว เชื่อใจฉัน และส่งมือมาเถอะ” หยกจึงยื่นมือไป อันย่าจับแล้วดึงหยกข้ามหินตัวปัญหาไป “โอ..อันย่านางฟ้าของฉัน” การพูดคุยจึงเริ่มต้นอีกครั้ง พร้อมๆ กับอาการหอบแห่กๆ ของทั้งสองฝ่าย
หยก: ปีนเขาแบบนี้บ่อยไหมคะ
อันย่า: อืม ก็ไม่นะ นานๆ ที (แล้วเธอก็มองหน้าหยก เหมือนอยากจะถามกลับ แต่ก็ไม่กล้า คงกลัวว่าหยกจะอาย และเสียความมั่นใจมั้ง หยกจึงกล่าวขึ้นมาเอง)
หยก: โอ้วว นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไฮกิ้งแบบกึ่งๆ ปีนๆ เขา แบบนี้ กลัวมากเลยแหละค่ะ แต่ก็ชอบนะ รู้สึกสนุก และท้าทายไปในคราวเดียวกัน อีกทั้งวิว Lake Como จากมุมสูงแบบนี้ก็สวยขึ้นมากด้วย
อันย่า: ช่าย Lake Como สวยขึ้นมากจริงๆ นี่คือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ จริงๆแล้ว ฉันไฮกิ้งบนเทือกเขาแอลป์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ได้บ่อยนัก ด้วยงานที่ทำอยู่ จากนี้ไปฉันอยากจะทำให้บ่อยกว่านี้
หยก: อะไรนะ! เทือกเขาแอลป์ ที่นี่!
อันย่า: ใช่สิ ไฮกิ้งบนเทือกเขาแอลป์แบบนี้ แต่คุณน่ะทำได้ดีเลยแหละสำหรับครั้งแรก จริงๆ นะ
หยก: (นี่ตูกำลังไฮกิ้งบนเทือกเขาแอลป์เหรอเนี่ย อืมมม คงเป็นเหลนๆหางๆแอลป์แน่เลย) ขอบคุณค่าา (แบบงงๆ ประมาณว่าสมองยังตามไม่ทัน) ว่าแต่…เราต้องกลับทางเดิมไหม?
อันย่า: 555+ คิดว่าไม่นะ เท่าที่รู้มันมีอีกทางนะ ที่ด้านหลัง แต่ต้องอ้อมเขาพวกนี้ไป ง่ายกว่าเยอะ ไม่ต้องไต่ๆ แบบนี้ ไม่ได้ชันมากแบบนี้แล้ว
หยก: โอเชรเลย เย้ ไปต่อกันดีกว่าค่ะ

รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองกล้าและทำในสิ่งที่ท้าทายๆ แบบนี้ หลังจากจุดนี้ไป บวกกับแรงบันดาลใจ ว่าหยกต้องทำได้ดีขึ้น ทางเดินที่เหลือกลับง่ายขึ้นมาทันตา รู้สึกเหมือนทางที่ชันขึ้นนั้นดูง่ายขึ้น รู้สึกว่าตัวเองไปได้เร็วขึ้น แค่ตัดความกลัวทิ้งไป เหลือไว้แค่ความมั่นใจและสนุกกับมัน แค่นั้นเองค่ะ ทุกอย่างก็เป็นไปได้และง่ายขึ้น (ถึงแม้ขาจะยังสั่นอยู่ก็ตาม) หรืออาจเป็นเพราะมองเห็นจุดยอดของ Monte Grona ที่ใกล้ขึ้น ก็เป็นได้ เอ๊…หรือจะเป็นเพราะคำชมกันแน่นะ


โชคดีที่ขาลงหยกไม่ต้องกลับทางเดิม มันคงจะหนักไปสำหรับวันนี้ แต่ต้องอ้อมเขาไปอีกด้าน ดีซะอีกที่จะได้เห็นวิว Lake Como อีกด้านที่ยังไม่ได้เห็น และได้สนุกกับการวิ่งลงเขาชันๆ ในแบบที่หยกชอบ


ทริปนี้ นอกจากจะได้ความกล้า ความมั่นใจแล้ว มือทั้งสองข้างยังแดงเถือกจากการเกาะและปีนป่าย ซึ่งก้น ก็แดงและช้ำด้วยเช่นกัน 555+ ก็ตอนลงที่อันย่าบอกว่า “ไม่ได้ชันมากแบบนี้” ก็คือชันอยู่ดี แต่ไม่ชันเท่าขาขึ้นไง

ส่วนน้องไข่หน่ะเหรอ ก็กำลังวางแผนจะเดินไปถามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ว่าเห็น หญิงสาวชาวเอเชีย ที่ไป Monte Grona บ้างไหม ก็เล่นหายไป 3 ชั่วโมง จากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงไง (เพราะดูป้ายผิด) น้องไข่บอกว่าคงจะหาไม่ยาก เพราะนอกจากเราสองคนและอันย่าแล้ว ก็ยังไม่เห็นคนเอเชียคนไหนที่นี่อีกเลย ดังนั้น ถ้าเจ้หาย ก็คงตามได้ง่ายมาก 555+ เออ คิดดี

เป็นยังไงบ้างคะ คงทราบแล้วว่า ไฮกิ้ง คือ อะไร และต่างจากเทรคกิ้งอย่างไร ว่าแต่ใครเคยมีวีรกรรมเด็ดๆ ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ทำ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ แล้วติดใจ จนต้องทำอีกแน่ๆ หรือ เข็ดๆๆๆ แบบว่าไม่เอาอีกแล้ว เม้นต์มาด้านล่างเลยนะคะ ให้ได้อ่าน ให้ได้ฮากันนะ
มีข้อสงสัย คำถาม หรือ อยากแชร์เรื่องเที่ยว คอมเม้นต์ที่ช่องนี้ได้เลยค่ะ