
คีร์กีซสถานเป็นประเทศที่มีธรรมชาติสวยงามมากๆ ใครที่หลงรักในธรรมชาติและกิจกรรมไฮกิ้ง เทรคกิ้งแล้วล่ะก็ ที่นี่คือสวรรค์ที่เทรคเกอร์กำลังมองหา คือแหล่งรวมเส้นทางเทรคกิ้งชั้นดีเลยทีเดียวค่ะ ทั้งเส้นทาง Heights of Alay ที่อยู่ในเทือกเขา Alay (Alay Range หรือ Alay Mounatin) ที่หยกจะเล่าให้ฟังนี้นั้นสวยงามจนไม่รู้จะบรรยายให้ฟังยังไงดี เทรลก็เดินสนุก ทรหดแต่ไม่ยากเท่าไหร่ 55+ หยกเทรค 5 วัน 4 คืนค่ะ การเทรคบนเส้นทางนี้เป็นการเทรคแบบที่ต้องนำเต็นท์ เครื่องนอน อาหาร และอุปกรณ์ทำอาหารมาเอง เพราะจะมีที่พักที่เรียกว่า yurt ให้ได้พักแค่คืนแรกคืนเดียวเท่านั้นค่ะ คืนถัดๆ ไปนั้นก็แค้มปิ้งอย่างเดียวเลย ต้องเตรียมตัวมาให้ดี ให้ครบ หยกเลยจ้างลูกหาบค่ะ แบกของเองไม่ไหว แค่ของกินก็เยอะเหลือเกินแล้ว
ทั้งนี้ หยกยังมี คู่มือท่องเที่ยว Krygyzstan กับรายละเอียดที่แน่น ครบถ้วน และมีรูปภาพประกอบอีกเพียบ ให้เพื่อนๆ สามารถหาข้อมูลเที่ยวได้ด้วยตัวเองตามลิ้งค์เลยค่ะ เพื่อนๆ ท่านใดสนใจอยากเที่ยวที่ คีร์กีซสถาน แบบลึกซึ้ง แบบลุย ได้เทรค ได้แค้มป์ และได้สัมผัสกับความเป็น คีร์กีซ จริงๆ (หยกไม่พาเที่ยวแบบชะโงกนะคะ) หยกจัด ทัวร์คีร์กีซสถาน ด้วยค่ะ คลิ๊กอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิ้งค์ได้เลย หรือจะอีเมลมาสอบถามข้อสงสัยต่างๆ ที่นี่ก็ได้นะคะ ไป เที่ยว Kyrgyzstan ด้วยกันค่ะ

เทรคกิ้งเส้นทางนี้ ไม่แนะนำให้คนที่ยังไม่ acclimatized (ร่างกายยังไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศในเขตพื้นที่สูงที่มีปริมาณออกซิเจนน้อย) มาเดินนะคะ เพราะวันแรกก็ต้องข้าม Jiptik Pass ที่สูงถึง 4,185 เมตร เสี่ยงต่อการเกิด AMS ที่จะพัฒนาไปเป็นอาการที่รุนแรงได้ง่ายๆ เลย โดยหมู่บ้าน Sary Moghul นั้นอยู่สูงประมาณ 3,050 เมตร หากใครที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่ต่ำมากๆ แนะนำให้นอนค้างคืนที่หมู่บ้าน Sary Mogol อย่างน้อย 2 – 3 คืน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพากาศซะก่อน และลองหา day hike ที่สูงกว่า 3,050 เมตร เพื่อช่วยในการ acclimatized ก่อนเริ่มเทรคก็จะดีมากๆ ค่ะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
ผูกเชือกรองเท้าให้แน่น จับไม้เท้าเดินป่าให้มั่น แล้วก็ไปลุยพร้อมๆ กันเลยค่ะ
Day 1: Sary Mogol village 3,050 m – Jiptik Pass 4,185 m – CBT yurt 3,080 m (6.5 ชั่วโมง) ระยะทาง 18.8 กิโลเมตร

เทรคกิ้งบนเส้นทาง Heights of Alay ครั้งนี้เป็นการเทรคที่เดินตัวปลิวสบายมาก เพราะมีลูกหาบ เลยไม่ต้องหอบหิ้วสัมภาระที่มากมายเอง ไหนจะอุปกรณ์กันหนาวกันฝนนานาชนิด ไหนจะเต็นท์ เครื่องนอน ทั้งเสบียงอาหารและอุปกรณ์ทำอาหาร สำหรับการเทรคที่ยาวนานถึง 5 วัน 4 คืน เลยได้สนุกสนานตั้งแต่ก้าวแรกของการเดิน ซึ่งหากใครเคยแบกสัมภาระเดินเองคงจะทราบดีว่า 1 – 2 วันแรกของการเดินนั้นจะค่อนข้างหนักและทรมานเลยทีเดียว (หากไม่ได้มีการเตรียมตัวมาอย่างดี) กว่าจะได้เริ่มสนุกและเพลินเพลิดกับทัศนียภาพรอบๆ ก็ปาไปเกือบจบเทรคนู้นเลยค่ะ ของที่มีในกระเป๋า daypack ของหยกก็มีแค่เสื้อ+กางเกงกันฝน, หมวกไหมพรม+ถุงมือกันหนาว, แว่นกันแดด, ครีมกันแดด, ยาบรรเทาปวด, กระดาษทิชชู่, อาหารกลางวันง่ายๆ, น้ำดื่ม และที่ขาดไม่ได้ก็คือขนมเติมพลังงานระหว่างเทรคค่ะ ซึ่งปลาบปลื้มมากๆ เพราะในชีวิตประจำวันปกติแล้วคงไม่ได้ทานขนมเหล่านี้เป็นแน่ โดยเฉพาะ Snickers® ของโปรด ที่สำคัญคือทานยังไงก็ไม่อ้วน เพราะใช้พลังงานเยอะมากๆ เริ่ดสุดๆ

เดินประมาณ 2 ชั่วโมงถึง Jiptik Pass โดยทางเดินกว้างลาดชันนิดๆ แต่เดินง่าย จะยากก็แค่เรื่องการหายใจ เพราะปริมาณออกซิเจนที่เบาบางลง จึงทำให้ทางเดินง่ายๆ ค่อนข้างท้าทายเลยทีเดียว โปรดอย่าเดินเร็วหรือเร่งรีบ ควรระมัดระวังเรื่องอาการ AMS อยู่ตลอดเวลานะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้จะต้องข้ามพาสที่สูงถึง 4,185 เมตร แนะนำให้ออกเดินเช้าๆ เพราะช่วงสายๆ อากาศมักแปรปรวน และคงจะไม่ดีแน่ถ้ามีลมแรง ฝนตก หรือ ลูกเห็บตก ระหว่างการข้ามพาส

ทัศนียภาพในการเดินช่วงแรกนั้นสวยงามมากค่ะ เดินท่ามกลางภูเขาล้อมรอบทุกทิศทุกทาง ทั้งภูเขาเขียวขจีสวยๆ สดชื่นๆ อย่าเดินเพลินจนลืมหันหลังกลับไปมองวิวด้านหลังนะคะ ซึ่งจะมองเห็นแนวเทือกเขาหิมะขนาดใหญ่เรียงรายมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Lenin Peak อันโด่งดังและเป็นที่รู้จักกันดีในแถบนี้
ด้วยความที่อากาศสบาย สะอาด บริสุทธิ์ และแห้ง ทั้งการหายใจที่สบายปอด ไหนจะตัวไม่เหนียวเหนอะหนะ จึงเดินได้สนุกมากยิ่งขึ้น ยิ่งการเดินขึ้นเขาชันๆ ที่ได้เห็นทัศนียภาพเบื้องล่างรอบทิศที่กว้างไกลขึ้นจึงเพลินมากยิ่งขึ้น ทั้งหยกนั้นชอบการเดินขึ้นมากกว่าเดินลง เลยเดินได้มันส์และเร็วเป็นพิเศษ
ทางเดินช่วงใกล้จะถึงพาสนั้นจะแคบสักหน่อย แต่ก็เดินไม่ยาก เพราะความยากนั้นไปอยู่ที่ปริมาณออกซิเจนที่เบาบาง จึงควรค่อยๆ เดิน และดื่มน้ำบ่อยๆ นะคะ

หลังจากเดินขึ้นทางชันๆ ที่เล่นเอาหอบ และหายใจถี่สั้น แต่พอถึง Jiptik Pass เท่านั้นแหละ ความเหนื่อยหอบและออกซิเจนที่มีน้อยนิดก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจอย่างทันทีทันใด นอกจากจะหายเหนื่อยและดีใจที่ภารกิจแรกสำเร็จแล้ว ยังจะหายใจได้โล่งขึ้นอีกด้วย ทั้งสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นสวยงามสุดๆ จนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดีเลยค่ะ ซึ่งบนนี้นั้นเหมาะจะเป็นจุดพักทานอาหารเที่ยงที่มีวิวระดับห้าดาว เสริมรสชาติอาหารให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

ตอนลงจาก Jiptik Pass หากมาช่วงต้นฤดูท่องเที่ยว (คือเดือนมิถุนายนถึงกลางกรกฎาคม) อาจยังมีหิมะระหว่างทางเดิน จึงควรระมัดระวัง เพราะอาจลื่นและหิมะบางจุดอาจจะร่วน (ไม่แน่น) จนเหยียบทีนี่จมถึงสะโพกเลยค่ะ โดยทางเดินจะลาดชันลงไปเรื่อยๆ สลับกับทางเดินที่เป็นก้อนหินมากมายที่หากพื้นรองเท้าไม่หนาพอก็คงจะเจ็บอุ้มเท้าแน่นอนค่ะ


หลังจากนั้นก็เป็นทางเดินกว้างริมผาวนรอบผาไปเรื่อยๆ เดินง่าย เดินสบาย เดินชมวิวเพลินๆ ก็จะเจอ yurt ของ CBT จุดพักค้างคืนของค่ำคืนนี้ ที่สามารถเลือกที่จะค้างที่ yurt ได้ ในราคา 1,000 som ต่อคนต่อคืน รวมอาหารเย็นและอาหารเช้าแบบง่ายๆ จานเล็กๆ ที่อาจจะไม่ค่อยอยู่ท้องสักเท่าไหร่สำหรับการเทรคที่ใช้พลังงานกว่า 18.8 กิโลเมตรของวันนี้ จนเทรคเกอร์หลายคนเลือกที่จะกางเต็นท์ที่นำมาเองและทำอาหารทานเอง


ตลอดการเทรคกิ้งบนเส้นทาง Heights of Alay นี้ พวกหยกแพลนที่จะนอนเต็นท์และทำอาหารทานเอง แต่ด้วยความที่ลูกหาบนั้นมาถึงช้ามาก ช้ากว่าพวกหยกเกือบสองชั่วโมง คือกว่าจะมาถึงก็ 17.30 น.แล้ว และอากาศก็ไม่เป็นใจ เมฆดำเริ่มเข้ามาครอบคลุม ทั้งการที่พักรอนานเกือบสองชั่วโมงนั้นทำให้เหนื่อยล้าจนไม่อยากที่จะกางเต็นท์และทำอาหารแล้ว จึงตัดสินใจนอนที่ yurt กันค่ะ ถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะอาหารที่น้อยและไม่อร่อย ไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียพลังงานที่ได้ใช้ไปจากการเกินมากถึง 18.8 กิโลเมตร แต่อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ครั้งแรกกับการนอนใน yurt และการต้อนรับอย่างอบอุ่นของครอบครัวของเจ้าของ yurt
Day 2: CBT yurt 3,080 m – Kojokelen village – Sarybell Pass 3,100 m – Koshmoinok valley 2,850 m (10.5 ชั่วโมง) 26.6 กิโลเมตร


ทางเดินช่วงแรกง่ายค่ะ เดินตามถนนตลอดทางเลียบริมน้ำตลอดทาง โดยเป็นทางลาดลงที่ไม่ชัน ลาดลงนิดๆ จนแทบจะไม่รู้เลยว่ากำลังเดินลง เป็นแบบนี้จนถึง Kojokelen เลยค่ะ เดินเพลิน วิวสวย ภูเขาส้มๆ ต้นไม้เขียวขจีมากๆ โดยที่เดินไปสักพักก็จะผ่านบ้านคนให้ได้อิจฉากับทำเลที่สวยงาม น่าอยู่ และเงียบสงบสุดๆ เดินเรื่อยๆ ประมาณ 2 ชม 45 นาที ก็ถึง Kojokelen ค่ะ


Kojokelen เป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างใหญ่ ที่นี่มีโฮมเตย์อยู่ด้วย 1 แห่ง ของ CBT ค่ะ มีร้านค้าเล็กๆ ที่ต้องสอดส่องสายตาหา เพราะว่าเล็กจริงๆ แต่ไม่มีร้านอาหารนะคะ


โดยที่วันนี้เราต้องข้าม Sarybell Pass ซึ่งทางเดินไปนั้นไม่ค่อยชัดเจนนัก จึงต้องรอลูกหาบให้มาสมทบเพื่อนำทาง ถึงแม้เราได้พูดคุยนัดแนะกันแล้วว่าจะรอที่ Kojokelen เพื่อให้บอกทางไปต่อ แต่ลูกหาบช่างชิวเหลือเกิน รอแล้วรออีก จากที่ฟ้าแจ่มๆ พอสายหน่อย เมฆหมอกก็เริ่มหนา แล้ววันนี้ยังต้องข้ามพาสอีก ผ่านไปชั่วโมงก็แล้ว วี่แววของลูกหาบก็ยังไม่มี พักรอจนเหนื่อย ทั้งเบื่อ ทั้งเหนื่อย เหนื่อยกว่าเดินซะอีก คือยิ่งหยุดพักนานก็ยิ่งขี้เกียจไปต่อค่ะ ทั้งกล้ามเนื้อก็อยากจะพักไปแล้วด้วย นู้นค่ะ อีกเกือบครึ่งชั่วโมงถึงโผล่กันมา หอบแฮ่กๆ เลย
ลูกหาบนี่หน้าแดงก่ำ ตัวเปียกเชียวค่ะ รีบวางกระเป๋าลงทันใด แล้วนอนราบไปกับพื้นเลย ไอ้เราก็ทั้งขำทั้งแอบโกรธเบาๆ แต่สุดท้ายก็ยื่น trail mix ให้เติมพลัง รีบหยิบกินกันใหญ่ คงจะหิวและเหนื่อยมาก พวกหยกก็รู้งานค่ะ รีบรื้อกระเป๋าจากลูกหาบ หยิบเต็นท์ และอุปกรณ์ทำอาหารออกมาแบกกันเอง เพราะรู้ว่าพี่แกช้าอีกแน่ ซึ่งคืนนี้ไม่มี yurt ให้พักแล้วนะคะ ทำได้คือรอพี่ลูกหาบอย่างหิวๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ อย่างเดียวเลย
สักพักแกรู้งานค่ะ พอเราแพ็คของกันเสร็จ แกก็รีบเดินนำพวกเราเพื่อบอกทางให้ไปต่อ บอกทางเฉยๆ นะคะ ไม่ได้ตามเราไปด้วยค่ะ แกขอพักก่อน อืมม


เดินตามทางในหมู่บ้านไปสักพัก ก็จะเจอสะพานข้ามแม่น้ำสั้นๆ ทางด้านซ้ายมือ แล้วก็เดินตามทางเดินเล็กๆ ข้างบ้านคน จากนั้นก็เข้าสู่เทรลจริงๆ ที่มีวิวของภูเขาหัวโล้นสีส้มขนาดใหญ่ สีตัดกับสีฟ้าเข้มของท้องฟ้า สวยงามมากๆ ค่ะ เดินลัดเลาะไปตามเทรลเล็กๆ ทางด้านซ้ายมือ แล้วทางเดินก็ลาดชันลงไปสู่สะพานไม้ข้ามแม่น้ำเล็กๆ มุ่งเข้าสู่ทางเดินร่มในป่า แล้วก็เปลี่ยนเป็นทางเดินเล็กๆ แคบๆ ชันๆ กลางแจ้งอย่างฉับพลัน เล่นเอาเหนื่อยหอบไปเลยค่ะ ทางเดินยังจะชันขึ้นๆ ไปอีก จากนี้ไปทางเดินยังคงชันต่อไปค่ะ แต่เป็นทางเดินที่ไม่แคบแล้ว ตอนหยุดพักเหนื่อย อย่าลืมหันกลับมามองวิวด้านหลังนะคะ เขียวขจีสวยงามมากๆ
อย่างที่บอกค่ะว่ายิ่งสาย อากาศยิ่งไม่ดี ถึงแม้ว่าวิวด้านหลังจะสวยมากๆ แต่เมฆก็ดำและหนามากเช่นกัน จึงต้องเร่งฝีเท้าสักหน่อย ช่วงที่ใกล้จะถึงพาสนั้นก็เริ่มเดินริมหน้าผาแล้วค่ะ ทางชันนิดๆ แต่เล็กและแคบ กระตุ้นอารมณ์ให้หวาดเสียวเบาๆ เลยพลอยตื่นเต้นและเดินสนุกขึ้นมาหน่อยค่ะ แต่แล้วก็จริงอย่างว่าค่ะที่ช่วงสายๆ บนที่สูงอากาศมักจะไม่ดี สักพักฝนเริ่มลงเม็ด แถมลมแรงอีกต่างหาก ทีนี้ก็กลัวจะเปียกและทำให้หนาวมากขึ้นน่ะสิค่ะ เลยต้องหยุดบนทางเดินเล็กๆ แคบๆ เพื่อหยิบเอาเสื้อกันฝนมากใส่ แต่พอออกเดินต่อได้ไม่ถึง 5 นาที ฝนหยุด ลมหายซะงั้น แต่ก็ยังมืดอยู่ เลยทนฝืนเดินทั้งๆ ที่ร้อนๆ ไปอีกสักพัก เผื่อฝนจะตกอีก แต่ก็ไม่มีวี่แวว ทั้งยังร้อนมากจนอึดอัด ในที่สุดก็ต้องหยุดแล้วถอดเสื้อกันฝนออกค่ะ



เดินต่อสักพักใหญ่ๆ ก็ถึงที่ๆ ตอนแรกคิดว่าถึงพาสแล้ว อุตส่าห์ดีใจ พอถึงจุดๆ นี่ก็หมดแรงกันไปเยอะกับทางชันๆ เลยหิวมาก รีบเติมพลัง และใส่เสื้อกันฝน เพราะฝนตกอีกแล้ว และยังมืดมากอีกด้วยค่ะ แล้วรีบจ้ำเดินต่อ ทางเดินเดินง่ายขึ้น กว้างขึ้นมานิดนึง แต่ยังคงชันอยู่ ส่วนวิวนั้น ก็สวยมากขึ้นๆ เช่นกันค่ะ สักพักประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงพาสจริงๆ แล้วค่ะ แต่เราก็ไม่หยุดนานค่ะ เพราะหยุดนานๆ ไปแล้วตอนรอลูกหาบที่ Kojokelen เสียเวลาไปเยอะแล้ว ทั้งตอนนี้ก็ 17.45 น. แล้ว ยังต้องเดินอีกประมาณ 30-40 นาที ถึงจะถึงจุดกางเต็นท์ของค่ำคืนนี้ ไหนจะต้องกางเต็นท์ และทำอาหารอีก เลยต้องรีบจ้ำค่ะ ทางเดินบริเวณนี้ไปจนถึงจุดกางเต็นท์นั้นลาดลงไปเรื่อยๆ ค่ะ สำหรับหยกนั้น การเดินลงนี้ไม่ง่ายค่ะ เจ็บหัวเข่าเหลือเกิน


ในที่สุดก็ถึง Koshmoinok ที่นอนของค่ำคืนนี้ ที่นี่ไม่เงียบเหงาค่ะ มีบ้านคนประมาณ 3 – 4 หลัง ที่นี่มีผู้ใหญ่แค่ไม่กี่คน แต่มีเด็กน้อยแก้มป่องๆ แดงๆ เป็นสิบ นั่งจับกลุ่มมองจากฝั่งตรงข้าม คอยให้กำลังใจตอนกางเต็นท์กันเพียบเลย แต่ก่อนที่เราจะเริ่มกางเต็นท์ เราก็ไปทำการทักทายเจ้าบ้าน ประมาณว่าแจ้งให้ทราบว่าเรามาดี จะขอกางเต็นท์นอนที่นี่หนึ่งคืน ถึงแม้จะคุยกันคนละภาษา แต่เค้าก็ยิ้มแย้มและต้อนรับด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อบอุ่นจริงใจค่ะ เราจึงเดินข้ามแม่น้ำ ไปหาจุดกางเต็นท์เหมาะๆ ที่จะพอให้ความเป็นส่วนตัวทั้งกับเราและกับเค้าค่ะ

และแล้วก็เป็นจริงดั่งคาด อีก 2 ชั่วโมงให้หลัง ซึ่งก็ใกล้มืดแล้ว พี่ลูกหาบถึงตามมาสมทบ ซึ่งตอนนี้พวกเราก็กำลังจะทานอาหารเย็นเสร็จพอดี ก็ไม่อยากจะคิดว่าถ้าต้องรอเอาของ นี่จะต้องทรมานแค่ไหน ทั้งหิว ทั้งหนาว ทั้งเหนื่อย อีกทั้งการกางเต็นท์และทำกับข้าวตอนมืดๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ นี่ทรมานมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้างจานกับน้ำที่เย็นจัดๆ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
Day 3: Koshmoinok valley 2,850 m – Koshmoinok Pass 3,200 m – Sary Mogol valley – Jailoo 3,250 m (8.5 ชั่วโมง) ระยะทาง 19.6 กิโลเมตร

วันนี้ทานอาหารเช้าเยอะๆ นะคะ เพราะทางเดินช่วงแรกชันมหาโหดมากๆ เล่นเอาหิวหอบ หมดแรงอย่างเร็วเชียวค่ะ คือชันพุ่งพรวดรวดเร็ว ชั่วโมงเดียวก็ถึง Koshmoinok Pass แล้วค่ะ สูงประมาณ 3,200 เมตร เลยได้หยุดพักเติมพลังนิดๆ แล้วต้องรีบไปต่อค่ะ เพราะวันนี้ต้องเดินยาวประมาณเกือบ 20 กิโลเมตรเลยทีเดียว

พอลงพาสไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงก็จะถึงหมู่บ้านสวยๆ ที่แบบไม่รู้ว่ามาอยู่นี่ได้ไง มีมัสยิดหลังคาสีเขียวให้เห็นได้ชัด ที่นี่ไม่มีที่พัก หรือร้านอาหาร แต่มีห้องน้ำให้เข้านะคะ ซึ่งที่หมู่บ้านนี้กำลังทำถนน ทางเดินต่อจากนี้ไปเลยไม่น่ารื่นรมย์ค่ะ เดินคลุ้งไปกับฝุ่นประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงหมู่บ้านที่ชื่อ Sary Mogol ที่มีชื่อเดียวกันกับหมู่บ้านที่เป็นจุดเริ่มเดินค่ะ

จากนี้ทางเดินก็เริ่มชันขึ้นอีกแล้วค่ะ เดินๆ เหนื่อยๆ หอบๆ อยู่ดีๆ ก็มีสาวน้อยแสนสวยขี้ลาตัวอ้วนพุงโต๊โตเดินมา พร้อมกับยิ้มหวานๆ แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับกวักมือเรียก แล้วก็ค่อยๆ เดินออกไป แล้วก็หันกลับมากวักมือเรียกอีก เลยพอเข้าใจได้ว่า เธอกำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน เลยเรียกให้ไปพร้อมๆ กัน ก็เลยได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มเลยค่ะ ถึงแม้เธอจะขี่ลา แต่เธอก็ไปอย่างช้าๆ ให้เราได้เดินตามทัน เลยยิ่งทำให้มั่นใจไปใหญ่ว่าสาวคีร์กีซสถานนี่สวยมากๆ ทั้งยังเป็นมิตรมากๆ อีกด้วย ตอนแรกนะคิดว่าลาที่เธอขี่มานั้น ท้องแหละค่ะ เพราะพุงมันโตมากเลย จนได้พูดคุยด้วย และก็ถามย้ำไปหลายที่ เพราะกลัวว่าจะไม่เข้าใจภาษากัน ก็ได้คำตอบกลับมาว่าไม่ท้องๆ เธอพอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง เลยทราบมาว่าเธออายุแค่ 13 ปีเอง แต่ดูโตเป็นสาวมากๆ เดินไปได้สักชั่วโมงนึง ก็ถึงหมู่บ้านเล็กๆ จุดหมายของสาวน้อยคนนี้แล้ว เราก็ได้หยุดพักแปปๆ ก่อนลุยต่อ

หลังจากเดินออกไปได้ไม่นาน ฝนก็ตกค่ะ และหนักด้วย จึงหยุดพักหลบฝน แต่ดูท่าทีแล้วจะไม่หยุดง่ายๆ ทั้งอากาศก็หนาว ทั้งกลัวไปถึงจุดหมายของวันนี้มืด เลยตัดสินใจเดินต่อค่ะ ทำให้อุ่นขึ้นจากการที่ร่างกายได้ขยับ ทั้งยังสดชื่นอีกด้วย จากน้ำฝนที่บริสุทธิ์ แล้วในที่สุดก็ถึงจุดกางเต็นท์ของค่ำคืนนี้ ที่อยู่ติดแม่น้ำ ในช่องหุบเขา ซึ่งแน่นอนว่าพอถึงปุ๊ป ฝนหยุดตกปั๊ม และแดดก็ออกทันที เลยรีบเอาของที่เปียกๆ ทั้งหลาย รวมทั้งถุงเท้าและรองเท้าตากแดด ด้วยแดดที่แรงบนเขาสูงแบบนี้ ของที่เปียกทั้งหลายก็แห้งอย่างรวดเร็ว

คืนนี้ก็หลับฝันดีอีกแล้วค่ะ Heights of Alay Trek ยังไม่จบ เก็บแรงไว้ลุยพาสหฤโหดของวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะต้องข้าม Sary Mogol Pass ที่สูงกว่า 4,300 เมตร ที่ชันสุดๆ ยังกับปีนหน้าผา ทั้งยังมีหิมะเกาะทั้งพาสอีก อ่านตอนที่ 2 ได้ที่นี่เลยค่ะ พาสหฤโหด ปีนๆ ไต่ๆ Sary Mogol Pass
ทั้งนี้ หากเพื่อนๆ กำลังวางแผนจะไปเที่ยวที่ คีร์กีซสถาน และมองหาสถานที่เทรคกิ้งอื่นๆ อีก หยกก็มีมาแนะนำค่ะ สวยงามมากๆ และน่าเดินมากๆ เหมือนกัน นั่นก็คือ Ala Kul Trek และ Keskenkyia Loop Trek ซึ่งหยกแบ่งออกเป็นสองบทความ คือ Keskenkyia Loop Trek 1 และ Keskenkyia Loop Trek 2 นะคะ คลิ๊กลิ้งค์เข้าไปอ่านได้เลยค่ะ
นอกจากคีร์กีซสถานแล้ว หยกยังเที่ยวในทาร์จิกิสถาน ในเอเชียกลางด้วยนะคะ ซึ่งก็ได้ประสบการณ์แห่งความอาหารเป็นพิษมา ทั้งยังเป็นการท้องเสียครั้งแรกและทรมานสุดๆ ต่อเนื่องกันถึง 3 วัน 5 วัน เลยนำวิธีการป้องกันและรับมือมาฝากค่ะ โปรดรอติดตามเรื่องราวสนุกๆ และสถานที่สวยๆ ในทาจิกิสถานด้วยนะคะ ซึ่งขอเริ่มที่ day hike ที่น่าแนะนำเป็นที่สุดที่ทางเดินง่าย ไฮกิ้ง Pshart Valley ทิวทัศน์รอบข้างนั้นสวย หลากสี และแปลกตา รับรองว่าติดใจแน่ๆ เลยค่ะ โดยต้องข้ามพาสที่อยู่สูงกว่า 4,750 เมตรที่สนุกมากมาย และยังจะเชิญชวนให้ไปพิสูจน์ความกล้ากับเทรลเล็ๆ แคบๆ บนเส้นทางที่ท้าทายสุดๆ ไฮกิ้ง Darshai Gorge หรือจะเป็นการเดินชิวๆ 2 วัน 1 คืนที่ Jizew เพื่อการพักผ่อนแบบเต็มที่ นอนสบายๆ ในโฮมสเตย์ริมทะเลสาบสีฟ้าสวย จนแบบว่าขออยู่ต่อเลยได้ไหม โดยอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์เหล่านี้เลยค่ะอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ Heights of Alay สวยงามน่าไปมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ คอมเม้นต์มาพูดคุยกัน เล่าเรื่องราวสนุกๆ แชร์ประสบการณ์ หรือสอบถามเข้ามาได้เลยที่ช่องคอมเม้นต์ด้านล่างนี้เลยนะคะ
เยี่ยมครับ ขอความรุ้หน่อยครับขี้เกียจหาข้อมูล คือบินจากไทยลงไหนและการขอวีซ่าค่าเงินsom ใช้งบสักเท่าใดและเมื่อพักรร.สามารถหาข้อมูลการเทรคจากรร.ได้ไหมครับขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ คุณณรงศักดิ์
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ ?
หยกนั่งเครื่องไปลงอินเดีย แล้วต่อเครื่องไปคาซัคสถาน จากนั้นลงบิชเคกที่คีร์กีซเลยค่ะ ส่วนวีซ่าเป็นแบบ e-visa ค่ะ ขอไม่ยากค่ะ ส่วนค่าเงินนี่ตอนหยกไป 100 som ประมาณเกือบๆ จะ 50 บาทค่ะ แต่ยังไงลองเช็คอีกนะคะ เพราะค่าเงินเปลี่ยนไปตลอดเวลาค่ะ
ส่วนเรื่องงบนี่ตอบยากค่ะ ขึ้นกับสไตล์การท่องเที่ยวและความชอบของแต่ละคน เพราะหยกอยู่ 30 วัน และส่วนใหญ่จะเทรค หรือ พักตามหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ค่อยเน้นพักในเมืองสักเท่าไหร่ และเน้นถูก แน่นอนค่ะเรื่องเทรคสามารถสอบถามข้อมูลจากที่พักในหมู่บ้านที่จะเทรคได้เลยค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ ?
ขอทราบการเดินทาง การติดต่อไกด์ท้องถิ่น และงบประมาณค่าใช้จ่ายได้ไม๊คั
สวัสดีค่ะ คุณกิ๊ก
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ 🙂
การเดินทางในคีร์กีซสถานนั้น หยกอาศัยแชร์แท๊กซี่และรถประจำทางค่ะ ในส่วนของราคาก็ขึ้นกับว่าเดินทางมาจากไหน ของหยกนั้นหยกเที่ยวมาเรื่อยๆ ค่ะ ไม่ได้นั่งรถตรงมาจากเมืองหลวง
ในส่วนของเส้นทาง Heights of Alay นี้ หยกเดินเองค่ะ เทรคเกอร์สามารถเดินเองได้อย่างอิสระ หยกเลยไม่ได้ทำการจ้างไกด์ค่ะ อีกทั้งข้อมูลมันน้อย เลยประมาณว่าไปตายเอาดาบหน้าเอา ถามๆ จากคนในหมู่บ้านนั้นเอาค่ะ ส่วนลูกหาบนั้นก็ประมาณ $20 ต่อวันค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ 🙂