
Jaffna เขียนว่า จาฟนา แต่อ่านว่า จาฟฟ์น่า คือออกเสียง ฟ นิดๆ เมืองน่าเที่ยว ชายฝั่งทางภาคเหนือ ของ ประเทศศรีลังกา ที่พึ่งเปิดให้เข้าเที่ยวได้เอง เมื่อไม่นานมานี้ค่ะ หลังจากถูกปิดเมืองไว้ ภายใต้ปัญหาทางการเมือง “สงครามกลางเมือง ที่ยาวนานเกือบ 26 ปี” ที่ในที่สุด สงครามได้สิ้นสุดไปแล้ว ในปี 2009 แต่วันนี้ในปี 2017 หารู้ไม่ว่า เมืองจาฟฟ์น่า นั้น กลายเป็น เมืองสวรรค์อีกเมืองของนักท่องเที่ยวไปแล้ว อย่างไม่น่าเชื่อ
เป็นธรรมดา ที่ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็คงคิดไม่ออกว่า “บ้านเมือง และ ผู้คน หลังจากสงครามที่ยาวนานมาเกือบ 26 ปี จะหน้าตาเป็นอย่างไร ผู้คนยังคงคลางแคลงสงสัยกับความปลอดภัย ยังคงจะมีอันตรายมั๊ย? จะเที่ยวได้อย่างปลอดภัย สบายใจหรือเปล่า? บ้านเมืองจะสวยงาม จะมีอะไรให้เที่ยวเหรอ? แล้วผู้คนจะเกรี้ยวกราด จะอารมณ์ร้อนมั๊ยนะ?”

น่าแปลกใจมาก ที่ทุกอย่างดูปกติสุดๆ ผู้คนอารมณ์ดี สายตาเป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส บ้านเมืองเงียบสงบ ธรรมชาติสวยงาม การท่องเที่ยวยังใหม่ นักท่องเที่ยวยังไม่มาก ก็ เมือง Jaffna และ เมืองทางภาคเหนือทั้งหมด พึ่งจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวได้เอง โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตเข้าท่องเที่ยว เมื่อช่วงต้นปี 2015 นี่เอง นั่นหมายความว่า Jaffna เป็นเมืองที่ควรค่าแห่งการเยี่ยมเยียนอย่างยิ่งยวด เอ้า จริงๆ นะ ก่อนที่ธุรกิจการท่องเที่ยวจะเข้ามามีอิทธิพล ก่อนที่ความเป็น Jaffna จะลดน้อยลง
เกริ่นมายาวละ มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าอะไรใน เมืองจาฟฟ์น่า ที่หยกประทับใจ แล้วมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ที่ด้านล่างนี้เลย โดยมีหัวข้อคร่าวๆ ดังนี้นะคะ
- Jaffna อยู่ที่ไหน? มีอะไรเที่ยว?
- การเดินทางมาจาฟฟ์น่า และ การเดินทางท่องเที่ยวใน เมืองจาฟฟ์น่า
- เรื่องเล่าระหว่างการปั่นจักรยาน กว่า 70 กิโลเมตร ใน Jaffna’s Islands สนุกแค่ไหน เห็นอะไร และ ประสบการณ์นั่งเรือเล็กๆ ข้ามเกาะ แล้วทำไมขากลับ ต้องปั่นไป ร้องไห้ไป
- ระหว่างปั่นจักรยานอยู่ หรือ นั่งรถเมล์มาเที่ยว แล้วปวดเข้าห้องน้ำ จะเข้าได้ที่ไหน?
- สิ่งที่ต้องเตรียม หากต้องการมาปั่นจักรยานเล่นที่ Jaffna’s Islands หรือ นั่งรถเมล์มา

อ่อ ลืมบอกว่า หยกยังไปเที่ยวที่ต่างๆ เหล่านี้ ในศรีลังกาอีกด้วยค่ะ ลองเข้าไปอ่านดูนะคะ โดยสามารถคลิ๊กที่ตัวหนังสือสีส้มๆ ได้เลยค่ะ หยกมี ข้อมูลท่องเที่ยวศรีลังกา ที่มีรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทางท่องเที่ยวเองในศรีลังกามาฝากค่ะ และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่ ที่ห้ามพลาดในศรีลังกา มาแนะนำด้วยนะคะ โดย 4 เมืองที่หยกจะแนะนำต่อไปนี้ เป็นเมืองมรดกโลกทั้งหมดเลยค่ะ คือ เมือง Anuradhapura (อนุราธปุระ) เมืองหลวงเก่า เมืองโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ และ แวะสักการะ ต้นพระศรีมหาโพธิ์, พระราชวังลอยฟ้า Sigiriya (สิกิริยา) ปราสาทและป้อมปราการหินสิงโตที่ลึกลับ น่าค้นหา และอลังการมาก, เมือง Kandy (แคนดี้) เมืองท่องเที่ยวหลักที่ครบเครื่อง ไม่หลับใหล มีทะเลสาบกลางใจเมือง มีสมบัติล้ำค่าของชาวพุทธ และมีสวนพฤกษชาติที่มีชื่อเสียง ติด 1 ใน 10 ในเอเชียใต้ และ พลาดไม่ได้กับ การขึ้น Adam’s Peak ไปชมพระอาทิตย์แรกของวัน พร้อมทั้งสักการะรอยพระพุทธบาท
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
1. Jaffna อยู่ที่ไหน? มีอะไรเที่ยว?
เมืองจาฟฟ์น่า อยู่ทางเหนือสุดของ ประเทศศรีลังกา ค่ะ เป็นเมืองที่ประกอบด้วยเกาะเล็กๆ อีกหลายเกาะที่หลายๆ เกาะเชื่อมกัน ด้วยสะพาน และยังมีรถเมล์ผ่านด้วย สะดวกในการท่องเที่ยวมากๆ มาดูกันว่า Jaffna มีอะไรให้ทำ ให้เที่ยวบ้าง
1.1) Jaffna’s Islands

Jaffna ประกอบด้วย เกาะเล็กๆ อีกหลายเกาะรอบๆ ที่ส่วนใหญ่จะเชื่อมกัน เรียก “Jaffna’s Islands” ที่สามารถปั่นจักรยานชมหมู่บ้าน ชมเมืองรอบๆ ชมเกาะ ชมทะเลต่างๆ ได้ หรือ หากใครไม่ชอบ ไม่อยากปั่นจักรยาน เค้าก็มีรถเมล์ผ่านอยู่บ่อยๆ ตลอดวันเลยค่ะ สามารถนั่งรถเมล์ข้ามไปเกาะต่างๆ เหล่านั้นเพื่อท่องเที่ยว แบบ one day trip ได้สบายๆ เลยค่ะ ซึ่งเกาะแต่ละเกาะนั้น มีเอกลักษณ์ความงามของทะเลที่ต่างกันค่ะ

1.2) Jaffna Town
ส่วนตัว เมืองจาฟฟ์น่า เองนั้น ก็ครึกครื้นเชียวแหละ ใครที่คิดว่าสงครามยาวนานพึ่งหมดลง ผู้คนคงจะเกรี้ยวกราด อารมณ์ร้อน บ้านเมืองคงจะเงียบเหงา และ เคว้งคว้างมากน่าดู ก็ผิดถนัดเลยค่ะ คือผู้คนที่ Jaffna เป็นมิตรมาก อารมณ์ดี ยิ้มแย้มทั้งตาทั้งหน้าเลย แถมยังมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ไม่เงียบเหงาเลยแหละ ซึ่งใครที่ชอบอาหารทะเล ก็ต้องชอบเมืองนี้แน่ๆ

โดยมีสถานีรถไฟ และ สถานีรถทัวร์ อยู่ที่ตัวเมืองด้วยค่ะ เดินทางจากเมืองไปอีกเมืองง่ายๆ เลย
1.3) Jaffna Fort

เมืองจาฟฟ์น่า ยังมี Jaffna Fort หรือ ป้อมปราการจาฟฟ์น่า ซึ่งเป็นป้อมที่ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชนแล้ว โดยอยู่ใกล้ริมฝั่งทะเล (ยัง)ไม่เสียค่าเข้าชมด้วยนะคะ (ไม่รู้ว่าในอนาคต เมื่อวันหนึ่ง Jaffna กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปแล้ว อาจมีการเก็บค่าธรรมเนียมค่าเข้าก็ได้ค่ะ)

ใน Jaffna Fort ยังมีนิทรรศการเล็กๆ จัดโชว์ที่มาที่ไป, ความสำคัญของ Jaffna Fort, การบูรณะป้อมปราการแห่งนี้ ยากเย็น ลำบากแค่ไหน กี่ครั้งแล้ว และ ข้อมูลน่ารู้อีกมากมาย
เดินในนี้ แล้วก็ขนลุกค่ะ นึกย้อนไปถึงช่วงที่เค้ามีสงครามกัน ชาวศรีลังกาเองก็มาเที่ยวที่ Jaffna Fort นี้ เยอะเชียวค่ะ

1.4) วัดฮินดูที่ Jaffna

Jaffna เป็นเขตที่มีคนนับถือศาสนาฮินดู ค่อนข้างมาก สังเกตเห็นได้จาก วัดฮินดู ที่เห็นได้อยู่ทั่วไป สวยๆ แปลกๆ ทั้งนั้น และคุณวัวที่เดินกันขวักไขว่รอบเมือง กลางถนน และ หน้าร้านอาหาร โดยคุณวัวน่ารักกันดีค่ะ ไม่ได้มาวุ่นวายรบกวนเรา อยู่เงียบๆ เดินไปเดินมาของเค้า อย่าลืมว่า “วัว” เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ของศาสนาฮินดูนะคะ ดังนั้น ระวังอย่ารังแกคุณวัวล่ะ
2. การเดินทางมา Jaffna และการเดินทางท่องเที่ยวใน Jaffna
ที่ เมืองจาฟฟ์น่า นั้น เดินทางมาง่ายค่ะ เพราะที่นี่มีทั้ง สนามบิน ซึ่งห่างจากตัวเมือง Jaffna ประมาณ 20 กิโลเมตร, สถานีรถไฟ และสถานีรถทัวร์ ที่อยู่ในตัวเมืองเลย

หยกเดินทางมาที่ เมือง Jaffna จาก เมือง Anuradhapura ค่ะ ซึ่งที่ Anuradhapura นั้น มีรถทัวร์สายตรง ไป Jaffna แต่เป็นรถที่มาจาก เมือง Colombo (โคลัมโบ) โดยมาจอดที่ Anuradhapura เพื่อส่ง-รับผู้โดยสาร รถจึงมักจะเต็ม(จนล้น)ตั้งแต่ออกจาก Colombo และรับคนระหว่างทางแล้ว ซึ่งมีรถผ่านแค่ 3 รอบต่อวันค่ะ
เจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถทัวร์ จึงแนะนำ ให้นั่งรถไปเมือง Vavuniya (วาวุนิยะ) ด้วยรถทัวร์หมายเลข 87 ป้าย Anuradhapura – Vavuniya ตั๋วราคา 111 RS หรือ ประมาณ 28 บาท โดยรถออกทุกๆ 30 นาที ซึ่งใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงก็ถึง Vavuniya แล้ว จากนั้นค่อยต่อรถจากที่นี่ ไป Jaffna ตั๋วราคา 185 RS หรือ ประมาณ 46 บาท และใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ค่ะ
ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวใน เมืองจาฟฟ์น่า นั้น นักท่องเที่ยวนิยมปั่นจักรยาน เดิน และนั่งรถตุ๊กตุ๊ก ค่ะ ราคาเช่าจักรยาน 400 – 500 RS ต่อวัน หรือ ประมาณ 100 – 125 บาท ต่อวัน ค่ะ
3. เรื่องเล่าระหว่างการปั่นจักรยาน กว่า 70 กิโลเมตร ใน Jaffna’s Islands สนุกแค่ไหน เห็นอะไร และ ประสบการณ์นั่งเรือเล็กๆ ข้ามเกาะ แล้วทำไมขากลับ ต้องปั่นไป ร้องไห้ไป

อย่างที่บอกว่า Jaffna เป็นเมืองน่าเที่ยวมากๆ และ มหาสมุทรอินเดียที่อยู่ล้อมๆ ประเทศศรีลังกา ก็ขึ้นชื่อว่าสวยงามมากอยู่แล้ว หยกจึงวางแผนว่า จะปั่นจักรยานเล่นใน เมืองจาฟฟ์น่า และ ปั่นไปชมเกาะเล็กๆ น้อยๆ ให้ทั่ว Jaffna’s Island เลยค่ะ ซึ่งระยะทางขาไปคร่าวๆ ประมาณ 33 กิโลเมตร นับจากสะพานข้ามระหว่างเกาะใกล้ๆ Jaffna Fort -> Mandaitivu -> Chaaty Beach -> Velanai -> Punkudutivu -> Kurikadduwan และจะนั่งเรือข้ามไปเกาะเล็กๆ ท้ายสุด ที่ชื่อ Nainativu จาก Kurikadduwan โดยวางแผนไว้ว่าขากลับจะนั่งรถเมล์กลับ แต่แผน มันก็มักจะไม่เป็นตามแผนทุกครั้งไป… จริงมั๊ย

1) คนจับกุ้ง
แค่ข้ามสะพานแรกเพื่อไป Mandaitivu ก็สนุกแล้วค่ะ คือได้เห็นคนจับปลา แถมยังเห็นคนจับกุ้งสดๆ มีปูตัวโตๆอีกหลายตัวเลย และ เรือจับปลาหลายๆๆลำ ที่พึ่งกลับมาจากการออกไปหาปลาในช่วงเช้าๆ ด้วยค่ะ ถนนตัดใหม่ เรียบๆ ยาวๆ ปั่นสบายๆ มีลมพัดเบาๆ ผสานกับกลิ่นอายของทะเล ให้ได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศริมทะเลจริงๆ


ระหว่างทาง หยกเจอนักท่องเที่ยวแค่คนเดียวเองค่ะ เป็นชาวอังกฤษ โดยมาขับรถมอเตอร์ไซต์เล่นรอบเกาะ ส่วนที่เหลือ ที่เจอประปราย ก็นักท่องเที่ยวชาวศรีลังกาเองนี่แหละค่ะ โดยมากันเป็นครอบครัว เป็นคู่ๆ มานั่งชิวๆ ริมหาดบ้าง เล่นน้ำทะเลบ้าง ส่วนเราก็ปั่นจักรยานต่อไป

แล้วก็ได้หยุดพูดคุยทักทายกับครอบครัวๆ หนึ่ง ที่กำลังจัดระเบียบอวนจับปลา โดยมีลูกสาวยิ้มหวานๆ ตาหวานๆ ช่วย (ให้กำลังใจ) อยู่ข้างๆ
2) สวนผีเสื้อ

สักพักก็ต้องมาติดกับ กับสวนแห่งนี้ คือผีเสื้อเยอะมากๆ แล้วก็มีแค่ผีเสื้อชนิดเดียวด้วย ไม่อยากจะบอกเลยว่า หยกใช้เวลาเล่นกับเจ้าผีเสื้อเกือบๆ 20 นาทีได้ 55+ มันก็เพลินไปอีกแบบดีนะ

3) ข้าวเที่ยง

เมื่อปั่นมาถึง Velanai ท้องก็ร้องพอดี จึงได้แวะทานข้าวเที่ยงที่นี่ค่ะ เช่นเดิม คืออาหารอร่อยมาก ไม่ว่าจะร้านเล็กแค่ไหน ก็อร่อยอยู่ทุกร้านไป แถมสะอาดอีกด้วย คุณลุงเจ้าของร้านกำลังปั้นแป้ง Paratha (อ่าน ปาราตะ หรือ ปาราถะ) พอดี คล้ายๆ โรตีค่ะ แต่หนากว่า ซึ่งนุ่มๆ กรอบๆ อร่อยมากๆ ยิ่งกินตอนที่พึ่งทำเสร็จนะ จะฟินมากๆ ค่ะ โดยสามารถอ่าน อาหารจำพวกแป้งชนิดต่างๆ เช่น โรตี นาน จาปาตี ว่าคืออะไร สั่งอย่างไง ได้ที่ลิ้งค์ตัวหนังสือสีส้มๆ นี่เลยนะคะ
4) แปลงร่าง

เมื่ออิ่มท้องแล้ว ก็ถึงเวลาต้องไปต่อ ตอนนี้คือบ่ายโมงกว่าๆ แล้ว และ แดดก็แรงมาก จุดๆ นี้ คือไม่ไหวกับคุณแสงแดดแล้ว โชคดีที่มีร้านขายของ จึงได้เข้าไปถามหาเสื้อแขนยาว แล้วก็แปลงร่าง เพื่อพร้อมไปต่อ แม้แดดจะแรงมากๆ แต่คือฟ้าก็สวยมากๆเช่นกัน แถมยังมีลมพัดเย็นสบายด้วย
5) วิวที่สวยที่สุด

สะพานข้ามเกาะสุดท้าย จาก Punkudutivu ไป Kurikadduwan เป็นวิวที่หยกชอบมากที่สุดค่ะ คือน้ำทะเลสีสวยมากๆ เลย เป็นสีเขียวเทอควอยซ์อ่อนๆ ใสๆ ตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินๆ ลมก็พัดสบายๆ แสงแดดก็สวย ยิ่งตอนสะท้อนกับน้ำทะเลนี่สิ สวยขึ้นไปอีกเลยค่ะ จริงไหมคะ
6) ข้ามเรือ

เมื่อถึง Kurikadduwan ก็พุ่งตรงไปที่ท่าเรือ เพื่อไปขึ้นเรือ (พร้อมจักรยาน) ข้ามไป Nainativu โดยที่ Nainativu เป็นเกาะเล็กๆ ที่ชาวศรีลังกา มักจะข้ามไปเพื่อสักการะวัด ไม่ว่าจะเป็น วัดพุทธ หรือ วัดฮินดู ค่าเรือข้ามเกาะ 30 RS หรือ ประมาณ 8 บาท โดยก่อนขึ้นเรือ ทุกคนจะได้รับเสื้อชูชีพก่อนนะคะ ซึ่ง 99% ก็ใส่กันค่ะ โดยเรือข้ามเกาะนี้ เป็นเรือลำเล็กๆ แต่บรรจุคนได้แน่นจริงๆ และ ทุกคนก็ยินดีพร้อมใจกันขยับๆ เพื่อให้มีพื้นที่ให้กับคนที่จะลงเรือให้ครบทุกคนที่รอลงเรือเลยค่ะ

7) ไม่เข้าก็ได้

เมื่อถึงท่าเรือ ตรงข้ามท่าเรือ ก็คือ วัดพุทธค่ะ ชื่อ วัด Nagadipa ซึ่งหยกไม่ได้เข้า เพราะชาวต่างชาติต้องเสียเงินค่าเข้า $5 คืออะไร เข้าวัดต้องเสียเงินตั้ง 165 บาท เงินขนาดนี้ กินข้าวที่ศรีลังกาได้ 4 มื้ออิ่มๆ เลยนะนั่น จึงยืนเก็บภาพบรรยากาศอยู่ด้านนอกแทน
8) กรรม
จะว่าไปแล้ว มันก็เหมือนกับที่บ้านเราเนอะ ที่ในบางแหล่งท่องเที่ยว ชาวต่างชาติต้องจ่ายค่าเข้าอย่างแพง โดยที่เราคนไทยเข้าฟรี หรือ เสียแค่ 20 หรือ 40 บาท เท่านั่นเอง
ต่างกับที่ยุโรป ที่ถึงแม้ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์จะแพง แต่ชาวยูโรเปียน และ ชาวต่างชาติ ก็จ่ายราคาเดียวกัน
9) วัดฮินดู

จากนั้นก็ปั่นจักรยานไป วัดฮินดู ค่ะ ชื่อ Nainativu Sri Naagapooshani Amman Kovil ค่ะ ชื่อยาวเชียว ซึ่งที่หน้าวัดก็มีข้อห้าม และ ข้อควรปฏิบัติอะไรมากมาย อ่านไปก็เกร็งไป จนไม่กล้าเข้าเลยค่ะ กลัวจะไปทำผิดข้อควรปฏิบัติของศาสนาฮินดู แล้วกลายเป็นว่า ไปลบลู่ ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม จึงเดินเลียบๆวัดไปตามริมน้ำ ก็เจอช้างตัวโตๆ ขนาบสองข้างของวัด เก็บรูปช้างได้แค่ตัวเดียวนะคะ แสงไม่เป็นใจ แล้วก็เดินเล่นชิวๆ เล่นแถวๆ นั้นสักพัก ก่อนจะตัดสินใจนั่งเรือกลับ

10) ขากลับ “ช๊อคซีนีม่าร์”

เมื่อกลับมาถึง Kurikadduwan ก็สี่โมงเย็นแล้ว จึงกะว่าจะปั่นจักรยานชิวๆ แล้วค่อยโบกรถเมล์กลับ แต่หลังจากปั่นไปได้สัก 30 นาที ก็เริ่มหิว และรู้สึกเหนื่อยมากแล้ว ก็ปั่นมา 35 – 40 กิโลเมตร เห็นจะได้ และ รถเมล์ก็ผ่านมาพอดี จึงคิดว่านั่งรถเมล์กลับดีกว่า จึงโบกรถเมล์
หยก: (โบกรถเมล์) ไป Jaffna ค่ะ
กระเป๋ารถเมล์: อืมม (แล้วก็มองๆๆ แล้วก็หัดไปคุยกับคนขับรถ) ไม่อนุญาตให้เอากระเป๋าเดินทางขึ้นรถ (เค้าบอกว่า No luggages)
หยก: ห๊ะ!! ไปไม่ได้เหรอคะ
กระเป๋ารถเมล์: ไม่ได้ครับ ขอโทษด้วย
แล้วรถเมล์ก็ขับจากไป… ทิ้งไว้แค่ความช๊อคซีนีม่าร์
Luggage อาราย ยังไงเนี่ย นี่มันจักรยานชัดๆ คือรัย นี่คือต้องปั่นกลับจริงๆ เหรอเนี่ย คือขามา ก็ใช้เวลาประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง แล้ว นี่ไม่รวมเวลาแวะทานข้าว และนั่งเรือนะนั่น แล้วนี่ สี่โมงครึ่งแล้ว อีกแค่ชั่วโมงครึ่ง ก็จะมืดแล้ว ณ จุดๆนั้น คือ ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจาก ปั่น ปั่น ปั่น แล้วก็ปั่น สปีดอัพกันไป คือต้องปั่นอีก 30 กว่ากิโลเมตรเห็นจะได้

มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
11) แผนสำรอง
จริงๆ หยกคิดแผนสำรองเอาไว้ในใจว่า หากไม่ไหวจริงๆ ก็จะกลับตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเห็นผ่านมาบ่อยอยู่เหมือนกัน ซึ่งราคาอาจจะสูงหน่อย สำหรับงบของแบ๊คแพ๊คเกอร์อย่างหยก แต่ตอนนี้ขอลองปั่นกลับดูก่อน ลองสู้กับตัวเองก่อน ต้องไหวสิน่า
12) แสงสุดท้ายของวัน

ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้นะ จะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากชนะใจตัวเองอยู่ สัก เกือบหกโมง แสงส้มๆของพระอาทิตย์ตก มันช่างสวย หลอกล่อใจให้หยุดชักภาพซะจริงๆ คือรีบก็รีบ จะมืดแล้วด้วย ที่ถนนก็ไม่มีแสงไฟใดๆ โชคดีที่หยกพก ไฟฉายคาดศีรษะ มาด้วย จึงตัดสินใจหยุดพัก เพราะอดไม่ไหว กับความงามของแสงสีส้มสดๆ อมแดง ทั้งท้องฟ้าแบบนี้ ที่สะท้อนความงามของสีลงบนถนน และ น้ำทะเล ดึงดูดใจมากๆ จึงตั้งกล้องถ่ายรูปมันซะเลย
13) ชา เกร็ง หนาว สั่น ร้องไห้
พอเริ่มมืด อากาศเริ่มหนาว ขาก็ชา มือก็เกร็ง ก้นก็ทั้งเจ็บทั้งชา หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อย มืดก็มืด ปั่นไปร้องไห้ไป แต่ดีที่ตลอดทางนั้น มีรถผ่านอยู่เรื่อยๆ และรถก็ไม่ได้ขับเร็ว จึงไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่
แต่เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะคะ ที่ปั่นไปร้องไห้ไป นี่ไม่ใช่เพราะกลัวนะ แต่เพราะหิวมากกกๆๆ 55+ อีกทั้งต้องปั่นเร็วสุดขีด ปั่นแบบมาราธอนเลยทีเดียว ลมกระแทกตา น้ำตาเลยไหลไง ใส่แว่นกันแดดก็ไม่ได้ มันมืดแล้วไง 55+ ประมาณว่า ถ้าอยากหยุดพัก 10 ครั้งเมื่อไหร่ ถึงจะได้หยุดพักจริงๆ 1 ครั้ง ทั้งขา แขน แก้มก้น และแม้กระทั่งฝ่ามือนี่ทั้งชา ทั้งสั่น แต่พอคิดย้อนกลับไป มันก็มันส์มากเลยแหละค่ะ
14) บททดสอบ กับ การชนะตัวเอง
อีกใจก็คิดว่า “นี่คืออีกหนึ่งบททดสอบสินะ จริงๆ มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แค่ปั่นจักรยานกลับแค่นั่นเอง ไม่ได้หลงทาง หรือ บาดเจ็บอะไรสักหน่อย ถ้าหยกผ่านจุดนี้ไปได้ ก็เท่ากับว่า หยกชนะใจตัวเอง ชนะปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ และสามารถเอาตัวรอดได้ ถึงแม้จะต้องเสียน้ำตาไปกับสายลมก็ตาม แฮ่ๆๆ
15) เสียงหัวเราะ
และแล้ว สองทุ่มนิดๆ หยกก็ถึงร้านอาหารในตัว เมืองจาฟฟ์น่า อย่างปลอดภัย เมื่อกี้ยังร้องไห้อยู่ดีๆ แต่ตอนนี้หัวเราะร่าซะแล้ว 555+ ความเหนื่อยหายไปอย่างทันใด งงตัวเองเหมือนกันค่ะ จึงสั่งอาหารทาน ปรากฎว่า rice & curry ที่นี่รสชาติจัดจ้าน อร่อยมาก เสียดายที่อาหารเย็นไปหน่อย ถ้าร้อนๆเนี่ย จะอร่อยกว่านี้หลายเท่าเชียวค่ะ ขอเติมรอบสองเลย
16) หลับฝันดี
หลังจากอิ่มท้อง นั่งชิว และจิบชา อย่างสบายใจ แล้วคืนนี้ก็หลับสบาย
4. ระหว่างปั่นจักรยานอยู่ หรือ นั่งรถเมล์มาเที่ยว แล้วปวดเข้าห้องน้ำ จะเข้าได้ที่ไหน?
อย่างที่หยกย้ำอยู่เสมอว่า คนศรีลังกาเป็นมิตร เป็นกันเอง และ จิตใจดีมากๆ จึงสามารถขอเข้าห้องน้ำได้ที่ร้านค้าทุกๆร้านเลยค่ะ โดยถ้าร้านไหนไม่มีห้องน้ำ เค้าก็จะแนะนำเราได้ว่า ให้ไปเข้าที่ไหน

5. สิ่งที่ต้องเตรียม หากต้องการมาปั่นจักรยานเล่นที่ Jaffna’s Island หรือนั่งรถเมล์มา
ระยะทางไปเกาะที่ใกล้ที่สุด ก็ประมาณ 14 กิโลเมตร แล้ว แต่หากจะปั่นจักรยานเล่นไปเกาะอื่นๆใกล้เคียงอีก ระยะทางก็จะมากขึ้น สิ่งที่ต้องเตรียมหากวางแผนมาปั่นจักรยานเล่น จะ ใกล้ – ไกล ไม่เกี่ยง หรือ แม้กระทั่งจะนั่งรถเมล์มาเที่ยว ดังนี้ค่ะ

1) เสื้อแขนยาว, กางเกงขายาว, ครีมกันแดด, แว่นกันแดด และหมวก
ก็เรามาปั่นจักรยานกลางแจ้งระหว่างวันนี่เนอะ หรือ จะนั่งรถเมล์มาเที่ยวก็ตาม แดดมันก็ต้องแรงเป็นธรรมดา ซึ่งฟ้าสวยมาก แต่จะบอกว่าอากาศไม่ร้อนนะคะ ลมโกรกเย็นเชียวแหละ จนเพลินลืมไปว่า รังสียูวี ยังมีอยู่ แล้วผิวไหม้แดดแบบไม่รู้ตัว
2) น้ำดื่ม
เพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไปจากการปั่นจักรยาน หรือ เดินเล่นที่ชายทะเล ยังไงละคะ อย่าลืมดื่มน้ำด้วยล่ะ ไม่ใช่พกมาแล้วพกกลับนะ 55+
3) ขนมขบเคี้ยว
ชายทะเลแต่ละแห่งมันสวยมากค่ะ สวยแบบธรรมชาติสุดๆ สวยแบบไม่ได้แต่งเติมเสริมแต่ง สวยแบบที่ไทยไม่มี จนคุณอยากที่จะพักชิวๆ ชมวิว กินธรรมชาติ ขนมขบเคี้ยวก็ช่วยเพิ่มพลัง และ ช่วยให้การนั่งชมวิวของคุณเพลิน และชิวมากขึ้น
4) ไฟฉาย หรือ ไฟฉายคาดศีรษะ
เกิดคุณบ้าคลั่งเหมือนหยกไง 55+ จะได้มีไฟส่องทางขากลับเนอะ แฮ่ๆๆ
5) เสื้อกันหนาว
ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ อากาศค่อนข้างเย็น หากคุณวางแผนจะรอชมพระอาทิตย์ตกก่อน แล้วค่อยปั่นจักรยานกลับ หรือ แม้กระทั่งจะนั่งรถเมล์กลับก็ตาม ลมพัดเย็นยะเยือกเบาๆ เลยค่ะ

Jaffna เมืองที่หลายๆ คนมองข้าม เมืองที่หลายคนกลัว แต่หยกว่า ถ้ามาศรีลังกาแล้วไม่มาเที่ยวเมืองนี้ คือพลาดอย่างแรง อาจจะไม่ต้องบ้าคลั่งปั่นจักรยานเป็น 70+ กิโลเมตร เหมือนหยก ลองนั่งรถเมล์ข้ามเกาะดูสิคะ แล้วคุณจะประทับใจเมืองนี้ ประทับใจทะเลที่นี่ และ ติดใจอาหารทะเลสดๆ
คอมเม้นต์ติชม แนะนำ สอบถาม หรือ แชร์ประสบการณ์มาได้ ที่ด้านล่างนี้เลยนะคะ
ชอบมาก
แกร่งเกิน หยกเพชร ปั่นจักรยานกลาง
แสงดาว สุดยอดครับ
สวัสดีค่ะ คุณ kboraan
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ และขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับความชื่นชม 🙂
เมื่อเราไร้ประสบการณ์ และยังเด็ก ความสิ้นคิดและบ้าบิ่นมันก็จะเยอะหน่อย 55+ ตอนนั้นทำอะไรก็สนุกไปหมดเลยค่ะ จริงๆ ก็ไม่กี่ปีมานี่เอง แต่พอได้สั่งสมประสบการณ์มากขึ้น ความอยากเที่ยวนานๆ และความใส่ใจในความปลอดภัยก็ตามมาค่ะ หากย้อนกลับไปได้ก็คงทำเหมือนเดิมค่ะ 55+ เพราะสนุกดี สนุกมาก เพลินสุดๆ และบรยากาศดีมากๆ ค่ะ แต่จะออกเช้าขึ้น และเตรียมขนมไปด้วย 55+
กำลังวางแผนไปเที่ยวศรีลังกาหรือเปล่าคะเนี่ย
Lovely story
สวัสดีค่ะ คุณ Jip ขอบคุณค่ะ 🙂 วันนั้นสนุกมากจริงๆ หากย้อนเวลากลับไปได้ หยกก็คงจะทำเช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือตื่นให้เช้าขึ้น 55+ เสียดายค่ะ เพราะยังไม่มีเวลาได้ปั่นจักรยานเล่นในเกาะสุดท้ายที่ข้ามเรือไปเลย