
สวัสดีชาวเทรคเกอร์ทั้งหลาย หยกจะมาแบ่งปันเส้นทางเทรคกิ้งในฝันของใครหลายคน เทรคกิ้ง Mohare + Khopra + Mardi Himal (เพื่อนๆ สามารถอ่าน ข้อมูลเทรคกิ้ง Mohare Khopra Trek ได้ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ มาดูสิว่าเส้นทางนี้อยู่ไหน มีอะไร เทรคง่ายไหม วิวเป็นแบบไหน มือใหม่ไปได้หรือเปล่า และรายละเอียดอื่นๆ อีกเพียบ) ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่ใหม่ แต่ยังไม่ฮิต เน้นคำว่า “ยัง” นะคะ เพราะจุดเริ่มเดินของเส้นทางนี้ต้องไปจาก เมืองโพคารา (Pokhara) จะใกล้กว่า และเส้นทางเดินนี้อยู่ในเขต Annapurna แถมหมู่บ้านต่างๆ ระหว่างเส้นทางนี้ยังสามารถเดินไปต่อจนถึง ABC ได้ และยังเชื่อมต่อกับ Poon Hill ด้วย แต่คนกลับน้อยมากๆ น้อยขนาดที่ว่าวันๆ หนึ่ง หยกเจอเทรคเกอร์คนอื่นๆ ระหว่างทางเดิน แค่หลักหน่วยหลักสิบเท่านั้นเอง ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด น้อยมากจริงๆ จนนึกว่าเดินในหิมาลัยส่วนตัวเลยเชียว ทั้งวิวก็สวยมากๆ อีกด้วย เห็นวิวหิมาลัยแบบพาโนรามาแทบจะทุกวันเลยค่ะ หยกจึงอยากจะแนะนำเส้นทางนี้ เพื่อช่วยกระจายความอัดแน่นของ ABC และ Poon Hill มาทางนี้บ้าง





มาดูกันดีกว่าค่ะว่าไฮไลท์ของทั้ง 3 เส้นทางที่หยกนำมารวมกัน คือ Mohare Trek , Khopra Trek และ Mardi Himal Trek นี้มีอะไรบ้าง
- Mohare Danda 3,298 เมตร กับที่พักบนเนิน ที่มีวิวพาโนรามาแบบไม่มีสิ่งใดมาบดบังของ Dhaulagiri และ Annapurna
- Khopra Danda 3,660 เมตร กับที่พักบนเนิน ที่มีวิวพาโนรามาแบบไม่มีสิ่งใดมาบดบังของ Annapurna South, Nilgiri และ Dhaulagiri
- จุดชมวิว Muldai 3650 เมตร กับวิวพาโนรามาแบบไม่มีสิ่งใดมาบดบังของ Dhaulagiri, Annapurna, Hiunchuli และ Macchhapuchhre
- คนน้อยมากๆ แค่หลักหน่วยหลักสิบ เลยเดินได้อย่างสบาย ไม่ต้องต่อคิวเดิน ไม่ต้องยืนออกัน
- ทางเดินง่าย มือใหม่ที่ไม่เคยเทรคสามารถไปได้
- วิวสวยมากๆ ได้เห็นหิมาลัยแบบพาโนรามาตั้ง 4 – 5 ลูกตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ
- ทั้งยังได้เห็นหิมาลัยอย่างใกล้ชิด ที่ใหญ่สุด เต็มแบ็คกราวน์เลย
- ถ่ายวิวได้เต็มๆ ไม่ต้องหงุดหงิดใจเพราะใครบังวิว
- ได้เห็นวิวพาโนรามาของหิมาลัยแทบทุกวัน
- อยู่ในเขต Annapurna ซึ่งใกล้กับ ABC และ Poon Hill (ที่คนมหาศาล) โดยที่สามารถเชื่อมต่อเส้นทางถึงกันได้
- ใช้เวลาเดินไม่มาก สามารถเลือกเดินแค่ 1 เส้นทาง 2 เส้นทาง หรือจะเดินทั้ง 3 เส้นทางก็ได้ โดยเริ่มที่ 5 – 6 วัน จนถึง 13 – 14 วันค่ะ
- จุดเริ่มเดินไม่ไกลจาก Pokhara มากนัก โดยใช้เวลาเดินทาง 3 – 5 ชั่วโมง ขึ้นกับประเภทของรถค่ะ (รถส่วนตัว หรือ รถสาธารณะ)
หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ Mohare Trek หรือ Khopra Trek ซึ่ง 2 เส้นทางนี้ ไม่ใช่เส้นทางที่พึ่งเปิดใหม่หรืออย่างไร แต่เป็นเส้นทางที่มีมานานแล้วค่ะ ซึ่งอยู่ในเขต Annapurna ใกล้ๆ Ghorepani Poon Hill, ABC หรือ Annapurna Circuit เลยนะคะ เพียงแต่ยังไม่ฮิตเท่า และคนส่วนใหญ่มุ่งไปเทรคกับเส้นทางฮิตๆ กันหมด เส้นทางนี้ จึงเงียบสงบ แต่หากจะกล่าวถึงความงาม ความอุดมสมบูรณ์ และความบริสุทธิ์แล้ว ที่นี่สวยมากๆ สวยในอีกมุมมองที่แตกต่างออกไปค่ะ
เป็นยังไงล่ะคะ น่าสนใจแล้วล่ะสิ แต่อย่างที่บอกว่าเส้นทางเหล่านี้ยังไม่ฮิต จึงหาคนจัดเทรคเส้นทางเหล่านี้ค่อนข้างยาก (ยกเว้นเสียแต่ Mardi Himal ที่พึ่งจะมาบูมเอาปีนี้ เนื่องจากหลายอคนอกหักจาก ABC ที่เกิดมีพายุหิมะที่สูงท่วมทางเดินจนถึงหลังคา และยังทำลายที่พักที่ ABC จนทำให้ถูกปิดไปในระยะเวลาหนึ่ง จึงเลือกมาเดิน Mardi Himal แทน) และหยกมีความประทับใจทั้ง 3 เส้นทางนี้มากๆ ขนาดที่ว่าจะต้องไปอีก ไปเก็บตกสิ่งที่ไม่ได้ทำ เช่น หยกไม่ได้ขึ้นไปที่จุดชมวิว Mardi Himal เพราะสภาพอากาศไม่ดี เมฆหมอกหนา หิมะตก และลมแรง ทั้งยังไม่ได้ไป Mardi Himal Base Camp และ Khayer Lake เพราะเส้นทางปิด ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสูงถึงเอวถึงหน้าอก ตุลานี้หยกเลยจะไปซ้ำค่ะ หยกจึงถือโอกาสนี้ จัดทริปเทรคกิ้ง ชวนเพื่อนๆ ชาวสนุกเที่ยวไปลุยไปสนุกด้วยกัน ทั้งหยกยังจะมีนัดเจอ พาช้อปของเทรคกิ้งด้วยน้า ซึ่งหากเพื่อนๆ สนใจ ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่นะคะ
มีเพื่อนๆ หลายท่านให้ความสนใจ หลังจากอ่านรีวิวการท่องเที่ยวของหยก ที่มีรูปแบบที่ค่อนข้างลุย ไปในที่ๆ มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ ชอบขวนขวายหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ และได้เที่ยวได้สัมผัสแต่ละที่แบบเต็มๆ บอกว่า “ดูสนุกมากๆ เป็นสไตล์การท่องเที่ยวที่หายาก ไม่ค่อยมีใครเที่ยวแนวนี้กัน และอยากให้หยกจัดทริปพาเที่ยว” ในที่สุด หยกได้จัดทัวร์พาเที่ยวแล้วนะคะ เย้ๆๆ หยกเลยถือโอกาสนี้ ทำโพสต์ถึงเหตุผลที่หยกจัดทริป ทำไมทัวร์ของหยกจึงแตกต่าง และ ทำไมต้องมาเที่ยวกับหยก? มาไว้ที่นี้ค่ะ มาร่วมทริปร่วมสนุกด้วยกันนะคะ
นอกจากนี้ หยกยังได้เทรคบนเส้นทาง Manaslu & Tsum เป็นระยะเวลา 20 วันด้วยค่ะ ซึ่งที่นี่ก็สวยงามและคนน้อยมากๆ เช่นกัน อ่านรายละเอียกประสบการณ์และเรื่องเล่าได้ที่ลิ้งค์เลยนะคะ
เทรคกิ้งครั้งนี้หยกเดินทั้งหมด 13 วัน ดังนั้นแล้ว บทความนี้จะเป็นซีรี่ย์ที่มีทั้งหมด 3 ตอนนะคะ คือ Mohare Danda Trek, Khopra Danda & Muldai Viewpiont และ Mardi Himal Trek ค่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว ไปชมความงามของเทรคกิ้งเส้นนี้ ตอนที่ 1 กับ เทรคกิ้ง Mohare กันเลยค่ะ เพราะจุดเด่นของ เทรคกิ้ง Mohare นั่นอยู่ที่ที่พักที่ Mohare Danda ค่ะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
Day 1: นั่งรถจาก Pokhara ไป Beni | เริ่มเทรค Beni 830 m – Phalame Danda 2,380 m
ไฮไลท์สิ่งที่ได้เห็นในวันนี้
Phalame Danda – วิวพาโนรามาของ Dhaulagiri (เริ่มเห็นนิดๆ), Annapurna South, Annapurna I, Hiunchuli และ Macchhapuchhre ที่เรียงรายสวยงาม
การเดินทางจาก Pokhara ไป Beni ซึ่งเป็นจุดเริ่มเดินของเส้นทางนี้ โดยที่เพื่อนๆ สามารถเลือกที่จะนั่งรถแชร์จิ๊ป (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง) หรือ รถประจำทาง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง) ก็ได้ค่ะ





Beni 830 m
Beni เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่และค่อนข้างวุ่นวายมากเลยแหละค่ะ แต่ในความวุ่นวายก็ยังคงความน่ารักและมีเอกลักษณ์ของเนปาลไว้ได้ดี ทั้งผู้คนที่เป็นมิตร หน้าตายิ้มแย้ม จริงใจ และอารมณ์ดี ที่นี่มีที่พัก, ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย หากใครมาถึงสาย ก็สามารถเลือกพักที่นี่แล้วค่อยออกเริ่มเดินพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ
จาก Beni ทางเดินเป็นบันไดซีเมนต์ขึ้นไปจนถึง Mallaj ที่อาจจะดูหนักหนาสำหรับการเริ่มเดิน ที่ต้องเริ่มด้วยการเดินบนบันไดนานกว่า 40 นาที ที่เหนื่อยและหอบมากๆ ค่ะ ยิ่งหยกต้องเดินคู่กับคุณตาคนพื้นเมืองอายุ 70 กว่า ที่หน้าตายิ้มแย้ม ดูแข็งแรง ที่ค่อยๆ เดินช้าๆ เคียงข้างเป็นเพื่อนหยก ที่ทำให้หยกมีกำลังใจเดินมากขึ้น ทั้งยังคอยชวนคุยเป็นเพื่อนตลอดทาง ที่ถึงแม้จะยิ่งทำให้การเดินเหนื่อยและหอบมากขึ้นก็ตาม (จนถึง Mallaj สิ้นสุดทางเดินบันได) แต่ก็ช่วยทำให้การเดินนั้นเพลินขึ้น บันไดยังคงชันขึ้นสูงขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด แต่ความสูงเช่นนี้ก็ทำให้วิวเมือง Beni กว้างไกลและสวยขึ้นค่ะ ทั้งยังมีจุดชมวิวให้ได้พักอยู่หลายจุดเลย ซึ่งยังดีที่ทางเดินนั้นอยู่ใต้ร่มไม้ซะส่วนใหญ่ ไม่มีภูเขาไม่มีอะไรบังลม จึงมีลมพัดอยู่เป็นระลอกๆ เลยพอช่วยให้คลายความร้อนไปได้บ้าง
Mallaj 1,200 m
Mallaj หมู่บ้านที่น่ารัก บรรยากาศดีสุดๆ ลองมาถึงที่นี่ตอนโรงเรียนเลิกสิคะ จะให้อารมณ์ที่เหมือนว่าได้กลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง กับกลุ่มเด็กๆ ชั้นประถมที่กรูกันออกมา ด้วยหน้าตาดีใจและเสียงที่ดังสนั่น และยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อเจอนักท่องเที่ยว ให้บรรยากาศของความอบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเดินบันไดชันๆ มานานขนาดนั้น ที่นี่มีต้นไม้มากมาย มีดอกสีเหลืองของมัสตาด มีวีทที่ออกรวงเขียวสวยงาม ทั้งตึกรามบ้านช่องก็สร้างอย่างพิถีพิถันและแข็งแรงด้วยการก่ออิฐที่ละเอียดยิบ สวยงามสุดๆ ทางเดินก็ยังคงชันต่อไปค่ะ แต่ไม่มีบันไดซีเมนต์มากวนใจแล้ว เป็นทางเดินดินสลับทางเดินบันไดหินที่ถือได้ว่าเดินง่ายเลยทีเดียว กับการเรียงสวยๆ ขั้นพอดีๆ ไม่ชันไม่ลาดเกินไป ให้ได้เดินเพลินๆ เรื่อยๆ สนุกดีค่ะ
แต่สักพักการผจญภัยก็เริ่มขึ้น เมฆดำเริ่มลอยมา ฝนเริ่มตกพรำๆ และหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนค่ะว่าหยกต้องรีบหาที่ร่มเพื่อหยุดแล้วคว้าที่กันฝนมาคลุมกระเป๋า ก่อนจะรีบเดินต่อ ด้วยเกรงว่าฝนจะตกหนักขึ้นๆ แต่เดินได้ไม่ถึง 10 ก้าว ฝนก็หยุดค่ะ แล้วที่ตกหนักเมื่อกี้คืออะไร! แต่ก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะเมฆดำยังไม่ลอยไปไหนไกล จึงรีบจ้ำเดินต่อไป
ทางเดินยังคงค่อยๆ ชันขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วยความที่ไม่ชันมาก เลยเดินไม่ยากค่ะ ทางเดินบางช่วงเป็นถนนดินที่รถผ่านได้ จึงมีเดินเทรลสลับกับถนนดิน แต่โชคดีที่เทรคเส้นทางนี้ยังไม่ได้ฮิตมากนัก จึงแทบจะไม่มีรถสวนเลย ถึงแม้จะต้องเดินตามถนน ก็เลยเดินได้อย่างสบายใจค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเดินคลุ้งฝุ่นและคอยหลบรถ ทั้งนี้ บางเส้นทางเราสามารถเลือกเดินเทรลได้ค่ะ เพราะเทรลเป็นเส้นทางดั้งเดิมที่มีมาก่อนการสร้างถนน ซึ่งแน่นอนค่ะว่าหยกเลือกที่จะเดินเทรล





Thul Chaur 2,000 m
พอถึง Thul Chaur ฟ้าก็ใสมากๆ ทั้งยังสามารถมองเห็น Phalame Danda อีกด้วย โดยสังเกตได้จาก ตึกสีน้ำเงินๆ ที่อยู่บนสุด (ตรงสันเขา) ทางด้านขวามือ จริงๆ แล้วชื่อก็บอกแล้วค่ะ ว่าตั้งอยู่บนสันเขา เพราะคำว่า Danda นั้นแปลว่า Pass ซึ่งดีใจมากๆ ที่ใกล้ถึงแล้ว เพราะวันนี้ถือว่าค่อนข้างหนักเลยเชียวสำหรับวันแรก ซึ่งแน่นอนว่าเหนื่อยมาตั้งแต่การนั่งรถมาจาก Pokhara แล้ว เพราะถนนไม่ได้ราบเรียบเลยค่ะ ทั้งยังนั่งอัดกันอย่างกับปลากระป๋อง ทั้งฝุ่นอีก ผจญภัยสุดๆ
เลยรีบฮึดเดินต่อสักหน่อย ก็ไม่อยากจะต้องเดินตอนที่แสงอาทิตย์หมดที่มืดแล้วนี่เนอะ คงจะเดินยากและลำบากน่าดู ซึ่งดีที่จากนี้ไปทางเดินเดินง่ายขึ้นค่ะ เดินตรงยาวไปเรื่อยๆ โดยช่วงที่ก่อนจะถึงนั้นต้องเดินบันไดหินช่วงสั้นๆ แล้วต่อด้วยทางเดินราบ และหลังจากนั้นไม่นาน ก็เตรียมพร้อมเจอสิ่งที่จะทำให้หายเหนื่อย นั่นก็คือ วิวพาโนรามาของหิมาลัยเบื้องหน้าที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น โชคดีมากๆ ค่ะที่หยกมาถึงตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกพอดี เลยได้เจอแสงสีทองกระทบยอดหิมาลัยขาวๆ วิวอลังการ หายเหนื่อยเลยค่ะ จะมีสักกี่เทรคเชียว ที่เดินมาวันแรกก็ได้เจอกับหิมาลัยพี่ใหญ่ๆ ที่สูงหกพันปลายๆ ขึ้นไปกว่า 4 – 5 ลูกในคราวเดียวแบบนี้ทั้ง Dhaulagiri, Annapurna South, Annapurna I, Hiunchuli และ Macchhapuchhre ยิ่งไปกว่านั้นคือความเงียบสงบ ความไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ก็ตอนที่หยกไปนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคน เลยไม่มีใครมายืนบังวิว ที่ทำให้การชมวิวนั้นฟินมากยิ่งขึ้น คืนนี้หลับฝันดีแล้วค่ะ





Phalame Danda 2,380 m
Phalame Danda คือพาส ตั้งอยู่บนเนิน และด้วยความสูงสองพันกว่า จึงมีอากาศที่หนาวเย็นมากๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน ซึ่งตอนนี้ที่นี่มีที่พักอยู่ที่เดียวนะคะ (กำลังมีการก่อสร้างเพิ่ม) ซึ่งเป็นที่พักที่สร้างจากดิน ห้องนอนแบบธรรมดาๆ ค่ะ เหมือนที่พักตาม tea house ในหลายๆ เส้นทาง และมีห้องน้ำที่สะอาดแยกส่วนอยู่ด้านหน้า โดยที่นี่ยังไม่มีห้องทานอาหาร การทานอาหารที่นี่จึงสนุกและน่าสนใจมากค่ะ หยกเลยได้ประสบการณ์ที่ดีและแปลกใหม่สุดๆ กับการนั่งดูเค้าทำอาหารกันสดๆ กับการก่อไฟ ควันคลุ้งๆ เค้าทำอาหารไป หยกก็นั่งไอไป ร้องไห้ไป เพราะควันเข้าตา เฮฮาสนุกสนานกันใหญ่เลยค่ะ ถึงแม้จะพูดกันคนละภาษาก็ตาม คือตอนนี้ยิ่งหิวๆ อยู่ ยังต้องมานั่งรอพร้อมกับกลิ่นอาหารหอมๆ นี่ทรมานท้องไส้ยิ่งนัก พอทำเสร็จร้อนๆ ก็นั่งทานกันในห้องครัวนั่นแหละค่ะ แต่ก็ต้องค่อยๆ กินค่ะ เพราะความหิวจัด หากกินเร็วแล้วจะปวดท้องสุดๆ อาหารอร่อยๆ ร้อนๆ กับอากาศหนาวๆ ฟินสุดๆ เลยค่ะ
ใครที่หิวมากๆ อาจจะต้องใจเย็นหน่อยนะคะ เพราะการทำ dal bhat นั้นใช้เวลากว่าชั่วโมงเลยทีเดียว ถึงแม้จะใช้เวลาทำอาหารนาน แต่เราก็ดีใจที่ได้ทานอาหารทำสดๆ ใหม่ๆ ร้อนๆ จากเตาเลยค่ะ ยิ่งการทาน dal soup ร้อนๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแบบนี้ด้วยแล้ว ส่วนไฟฟ้านั้น ปกติจะมีตอนประมาณ 20.00 – 08.00 น. นะคะ ที่นี่ไม่มีที่ชาร์จไฟค่ะ ถึงแม้จะมีปลั๊กไฟก็ตาม ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ (Ncell) นั้นมีในบางพื้นที่ค่ะ
คำแนะนำ
- ระหว่างทางมีน้ำดื่มให้เติมเป็นระยะๆ ตั้งแต่ Mallaj เลยค่ะ ส่วนทางเดินจาก Beni ถึง Mallaj นั้นต้องซื้อน้ำดื่มไปก่อนนะคะ
- แนะนำว่าให้มั่นใจว่ามาถึง Phalame Danda ก่อน 17.30 น. นะคะ ไม่งั้นฟ้ามืดแล้วจะเห็นหิมาลัยไม่สวย และอากาศในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ยังจะหนาวมากๆ อีกด้วยค่ะ
Day 2: Phalame Danda 2,380 m 8.30 am – Nangi 2,320 m
ไฮไลท์สิ่งที่ได้เห็นในวันนี้
ทางเดินจาก Phalame Danda ไป Nangi – ดอกกุหลาบพันปีสีบานเย็นแจ่มๆ สดๆ และความชัดที่มากขึ้นและกว้างไกลขึ้นของวิวพาโนรามาที่เรียงรายสวยงาม ตั้งแต่ Dhaulagiri แบบล้นเฟรม, Annapurna South, Annapurna I และ Hiunchuli ส่วน Macchhapuchhre เมื่อเดินไปเรื่อยๆ จะเริ่มถูกต้นไม้ปกคลุม





Phalame Danda 2,380 m
วันนี้เดินสบายค่ะ เดินง่าย และสั้น ทั้งไม่มีการเพิ่มความสูงใดๆ ส่วนใหญ่เดินตามถนน ที่ยังคงเงียบเหงาเหมือนเดิม ถึงวันนี้จะเดินแค่แปปๆ แต่จะบอกว่าใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็นแน่นอนค่ะด้วยวิวพาโนรามาที่สวยกว้างไกลและชัดขึ้นในทุกฝีก้าว วิวเดิมจาก Phalame Danda ที่กว้างขึ้นและชัดเจนขึ้น เลยทำให้ต้องหยุดแทบจะทุก 3 ก้าว 5 ก้าว เดินเพลินสุดๆ ทั้งยังมองเห็นบ้านเรือนมากมายในช่องหุบเขา ที่มีการเรียงรายสวยงาม และยังมีพื้นที่การเพาะปลูกแบบขั้นบันไดที่ตอนนี้เป็นสีน้ำตาลทอง ไม่อยากจะนึกถึงความงามของความเขียวขจี หากมาในยามที่เค้าทำการเพาะปลูกกันเลยค่ะ จากนั้นก็เข้าสู่ทางเดินทิวสนสวยงามทั้งสองข้างทาง ที่ให้ความร่มเย็นและร่มรื่น
Nangi 2,320 m
Nangi มีที่พักเพียงที่เดียวค่ะ เป็นที่พักที่เรียกว่า community lodge ซึ่งเป็นประเภทที่พักที่ค่อนข้างสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาเลยค่อนข้างสูงกว่าที่พักประเภท tea house ห้องพักกว้าง สะอาด อยู่เป็นสัดเป็นส่วนแยกตึกออกมาต่างหาก ที่ยังมีห้องน้ำชาย-หญิง และมีห้องสำหรับอ่างล้างหน้าในบริเวณเดียวกันอีกด้วย ในส่วนของห้องอาหารนั้นกว้าง มีที่นั่งเยอะ มีเมนูอาหารให้ได้เลือกด้วยค่ะ ที่สำคัญที่นี่มีน้ำร้อนให้อาบ (เสียค่าใช้จ่าย) และ wifi ให้ใช้ฟรีๆ เลยค่ะ แต่หากมีเทรคเกอร์เยอะ สัญญาณ wifi อาจจะช้ามากจนถึงขั้นที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ก็เป็นได้นะคะ ไฟฟ้าในส่วนกลางมีใช้ตลอดวัน มีที่ชาร์จไฟให้ใช้ฟรีอีกด้วย พอตกเย็นสักหน่อย ประมาณสัก 18.30 น. จะมีไฟฟ้าใช้ตลอดที่พักค่ะ
ที่นี่อากาศเย็น หยกได้อาบน้ำร้อนด้วยค่ะ ขอล้างตัวล้างฝุ่นและเหงื่อไคลจากการนั่งรถประจำทางมาจาก Pokhara ที่ฝุ่นคลุ้งหนาเตอะสุดๆ ทั้งหยกยังเดินมาถึงเร็วคือ 11 โมงเท่านั้นเอง เลยถือโอกาสซักเสื้อผ้าและถุงเท้าไปด้วยซะเลยค่ะ สะอาด และสบายตัวสุดๆ
ความงามที่ Nangi
คำแนะนำ
- ระหว่างทางเดินนั้นไม่มีน้ำดื่มให้เติมนะคะ แต่วันนี้เดินแค่สั้นๆ 2 ชั่วโมงเองค่ะ เติมน้ำมาให้เพียงพอตั้งแต่ Phalame Danda สำหรับดื่มตลอดเทรคนะคะ
- น้ำร้อนที่ Nangi มีจำกัดนะคะ เพราะใช้แผงโซล่าร์ หากใครจะอาบน้ำร้อน ก็รีบตัดสินใจ ก่อนที่เทรคเกอร์จะอาบกันเยอะจนน้ำร้อนหมด แล้วทำให้ต้องรอน้ำร้อนล๊อตใหม่นานเกือบชั่วโมงเลยก็เป็นได้ค่ะ ในกรณีที่ยังมีแสงแดดนะคะ ถ้าแดดหมดก็จบกันค่ะ
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
Day 3: Nangi 2,320 m – Mohare Danda 3,298 m
ไฮไลท์สิ่งที่ได้เห็นในวันนี้
ทางเดินระหว่าง Hampal Danda และ Dhima Danda – ต้นสนเขียวๆ สูงๆ หนาแน่นที่ฝั่งตรงข้าม ปะปนกับหิมะขาวๆ สวยงามจนนึกว่าเดินอยู่ในเทือกเขา Sierra ที่อเมริกา
Dhima Danda – วิวของ Hiunchuli และ Macchhapuchhre ที่ตั้งตระหง่านอย่างใหญ่และสวยงามสุดๆ
Mohare Danda – วิวพาโนรามาของ Dhaulagiri และ Annapurna Range ที่จะเพลินจนอยากจะค้างต่ออีกคืน





Nangi 2,320 m
เมื่อออกจาก Nangi ก็เริ่มเดินขึ้นบันไดหินสวยงามที่เดินง่าย อย่าลืมหันหลังกลับมามองวิวหมู่บ้าน Nangi กับหิมาลัยที่เป็นพื้นหลังนะคะ มันเป็นการบอกลาที่สวยงามสุดๆ ซึ่งจากนี้ไปเราจะเดินกันในร่มที่เขียวขจี มีมอสเต็มไปหมด ทั้งยังมีดอกไม้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้สวยๆ สีขาวที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ ดอกกุหลาบพันปีทั้งสีบานเย็นแจ่มๆ และสีชมพูเข้มๆ และยังมีดอกไม้เล็กๆ อีกหลายชนิด โดยเฉพาะดอกไม้เล็กๆ สีชมพูอมม่วงที่เป็นพุ่มๆ ไม่มีใบ ส่วนลำต้นนั้นไม่สูงมาก ที่ส่งกลิ่นหอมแรง คลุ้ง อบอวลสุดๆ ถึงแม้จะเดินผ่านเลยไปแล้ว
ไหนยังต้องประหลาดใจกับต้นไม้ใหญ่ๆ ต้นโอกค์เก่าๆ ที่น่าจะเก่าแก่มากๆ ทั้งลำต้นอ้วนๆ ที่ต้องใช้หลายคนโอบ ทั้งยังสูงทะลุฟ้า ขอให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ อย่าตัดทิ้งไปเลยนะคะ ซึ่งจะเดินกันยาวนานกว่า 2 ชั่วโมงในเส้นทางเขียวๆ ชันๆ เส้นนี้ จนโผล่มาเจอทางเดินโล่งกว้าง นั่นก็หมายความว่า เดินอีกแค่ 5 นาทีก็ถึง Hampal Danda แล้วค่ะ
จากนั้นก็เดินบนทางเดินริมผากลางแจ้ง ที่เดินสนุกกับทางเดินพอดีๆ ไม่มีความหวาดเสียว ที่มีวิวฝั่งตรงข้ามของต้นสนเขียวๆ สูงๆ อย่างหนาแน่น ปะปนกับหิมะขาวๆ สวยงามจนนึกว่าเดินอยู่ใน Sierra ที่อเมริกาเลยค่ะ เดินเพลินๆ กับบรรยากาศดีๆ สัก 45 นาทีก็จะถึง Dhima Danda ที่มีวิวความงามของ Hiunchuli และ Macchhapuchhre คอยให้การต้อนรับอยู่
แล้วก็วกเข้ามาเดินในร่มค่ะ ที่ตอนนี้บางพื้นที่ยังคงปกคลุมด้วยหิมะ การเดินเลยไม่ง่ายเท่าไหร่นัก แต่ดีที่ทางเดินไม่ได้ชันหรือลาดลงมากค่ะ เดินวกไปยาวในป่าร่มๆ ประมาณชั่วโมงกว่าๆ จากนั้นก็จะโผล่มาเดินกลางแจ้งริมผาที่ชันนิดๆ อากาศก็จะเริ่มหนาวหน่อยๆ แต่วิวก็สวยขึ้นเช่นกัน ยิ่งได้มองย้อนกลับไปยิ่งได้เห็นและภูมิใจว่าเราได้เดินขึ้นมาสูงมากขนาดไหน ฮึดต่ออีกสักนิดนะคะ เพราะหลังจากนี้ไม่นานประมาณ 20 นาที ก็จะถึง Mohare Danda แล้วค่ะ





Mohare Danda 3,298 m
Mohare Danda มีวิวของหิมาลัยแบบพาโนรามาสวยงามสุดๆ ทั้งยังมีการจัดโต๊ะที่นั่งกลางแจ้ง ที่หันหน้าไปหาหิมาลัยได้อย่างเลิศเลอ ที่นี่มีที่พักอยู่ที่เดียวประเภท community lodge ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ community trek ค่ะ มีปลั๊กให้ชาร์จไฟฟรี มี wifi ให้ใช้ฟรีอีกด้วยนะคะ แต่หากมีเทรคเกอร์เยอะ สัญญาณ wifi อาจจะช้ามากจนถึงขั้นที่ไม่สามารถเชื่อมต่อได้ก็เป็นได้ค่ะ ห้องพักกว้าง สะอาด เป็นอาคารแยกออกมา มีห้องน้ำแยกชาย-หญิง และห้องสำหรับอ่างล้างมือ อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ (Ncell) นั้นมีๆ หายๆ ค่ะ
คำแนะนำ
- ระหว่างทางไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีน้ำดื่มจากธรรมชาติให้เติมด้วยนะคะ เตรียมน้ำดื่มมาให้เพียงพอสำหรับการเดินทางชันๆ ที่ขึ้นอย่างเดียว จาก 2,320 เมตร ไปยัง 3,298 เมตร กับระยะเวลาประมาณ 5 – 6 ชั่วโมงเลยค่ะ แนะนำให้ออกเช้าๆ จะได้มาถึงทันอาหารเที่ยง ไม่เช่นนั้น ก็เตรียมเสบียงมาทานรองท้องด้วยนะคะ
- ไม่เพียงเท่านั้น อากาศบนที่สูงแบบนี้อาจมีหมอกหนา ลมแรง และฟ้าปิดในช่วงสายๆ สักบ่ายสองบ่ายสาม ที่นอกจากจะหนาวมากๆ แล้ว ยังทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน เพราะทุกสิ่งอย่างขาวไปหมดอีกด้วยค่ะ
ทางเดินวันนี้เราจะเดินขึ้นอย่างเดียวเลยนะคะ ค่อนข้างจะหนักสักหน่อย เพราะเราต้องไต่จาก Nangi ที่สูง 2,320 เมตรไปยัง Mohare Danda ที่สูง 3,298 เมตร โดยที่ระหว่างทางนั้นไม่มีหมู่บ้านหรือที่พักใดๆ ทั้งนี้ หากกังวลเรื่อง AMS สามารถแวะที่ Mohare Danda สำหรับอาหารเที่ยงและสังเกตอาการตัวเอง ถ้ามีอาการ AMS แล้วคิดว่าการนอนที่นี่ไม่ใช่เรื่องดี ก็สามารถเดินลงไปยัง Phubari ที่สูง 2,925 เมตร หมู่บ้านถัดไปที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ซึ่งใช้เวลาเดินลงประมาณชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเองค่ะ





เป็นอย่างไรบ้างคะ แค่การเดิน 3 วันแรก ก็สวยงามมากแล้วใช่ไหมล่ะ ติดตามการผจญภัยของตอนที่ 2 พร้อมความงามอลังการที่มากขึ้นได้เลยค่ะ
เพื่อนๆ สามารถอ่าน ข้อมูลเทรคกิ้ง Mohare Khopra Trek ที่ละเอียดขึ้นได้ที่ลิ้งค์นี้ ซึ่งจะมีข้อมูลต่างๆ ที่ควรทราบ เช่น เส้นทางนี้อยู่ไหน มีอะไร เทรคง่ายไหม วิวเป็นแบบไหน มือใหม่ไปได้หรือเปล่า และรายละเอียดอื่นๆ อีกเพียบ
คอมเม้นต์เข้ามาพูดคุย ทักทายกันเยอะๆ นะคะ และหากเพื่อนๆ ท่านใดกำลังมองหาทริปเทรคกิ้ง บนเส้นทางที่มีเอกลักษณ์ สวยงาม คนน้อย ไม่มีใครจัด และ มองหาเพื่อนเทรคกิ้งด้วย หยกจัดทริปเทรคด้วยนะคะ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ ทริปเทรคกิ้ง เลยค่ะ ทั้งหยกยังจะมีนัดเจอ พาช้อปของเทรคกิ้งด้วยน้า ไปลุยไปเทรคกันค่ะ รับรองได้ว่าเพื่อนๆ จะต้องสนุกและประทับใจแน่นอน
อ่านแล้วประทับใจมากครับกำลังสนใจจะไปเทรคด้วย
สวัสดีค่ะ คุณวันชัย
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ 🙂 คุณวันชัยจะไปเทรคเมื่อไหร่คะเนี่ย? ติดตามข่าวสารเนปาลดีๆ นะคะ วันที่ 14 มีนา – 30 เมษานี้ เนปาลงด visa on arrival ของทุกประเทศค่ะ ทั้งนี้สามารถขอวีซ่าที่สถานฑูตได้ แต่ต้องมีเอกสารทางการแพทย์ระบุการตรวจ COVID-19 ให้ผลลบ แนบไปด้วย ทั้งเมื่อเข้าถึงประเทศเนปาล ต้องกักตัว 14 วัน ก่อนออกเที่ยวในเนปาลได้ค่ะ เป็นต้น ลองหารายละเอียดเพิ่มเติมอ่านเพิ่มนะคะ
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ลดการออกนอกบ้านและการเดินทาง ถ้าไม่จำเป็น และล้างมือให้ถูกหลักสุขอนามัยบ่อยๆ นะคะ