
มาต่อภาค 2 กันค่ะ ตอนนี้เรายังอยู่กันบนเส้นทาง Heights of Alay และวันนี้ก็เป็นวันที่ 4 วันที่โหดที่สุดของเทรคนี้ ด้วยที่ใครๆ ก็ว่า Sary Mogol Pass เป็นพาสที่ยากที่สุด แม้กระทั่งตอนที่ไปขอข้อมูลเทรคกิ้งที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เค้ายังถามย้ำกับหยกตั้งสองรอบว่าแน่ะ ว่าแน่ใจเหรอว่าจะเทรคได้ 55+ ไอ้เราก็งงๆ ทำไมถามแบบนี้หน้อ ก็เลยตอบไปว่า “ถึงแม้หน้าตาจะไม่ให้ แต่ใจรัก” แต่แล้ววันนี้ก็พึ่งเข้าใจคำถามในวันนั้น
ทั้งนี้ หยกยังมี คู่มือท่องเที่ยว Krygyzstan กับรายละเอียดที่แน่น ครบถ้วน และมีรูปภาพประกอบอีกเพียบ ให้เพื่อนๆ สามารถหาข้อมูลเที่ยวได้ด้วยตัวเองตามลิ้งค์เลยค่ะ เพื่อนๆ ท่านใดสนใจอยากเที่ยวที่ คีร์กีซสถาน แบบลึกซึ้ง แบบลุย ได้เทรค ได้แค้มป์ และได้สัมผัสกับความเป็น คีร์กีซ จริงๆ (หยกไม่พาเที่ยวแบบชะโงกนะคะ) หยกจัด ทัวร์คีร์กีซสถาน ด้วยค่ะ คลิ๊กอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิ้งค์ได้เลย หรือจะอีเมลมาสอบถามข้อสงสัยต่างๆ ที่นี่ก็ได้นะคะ ไป เที่ยว Kyrgyzstan ด้วยกันค่ะ
ความเดิมตอนที่แล้ว Heights of Alay อยู่ที่ลิ้งค์นี้นะคะ ไปดูกันสิคว่าก่อนจะเจอความโหดของ Sary Mogol Pass 3 วันแรกเจอความสวยงามอะไรบ้าง
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
Day 4: Jailoo – Sary Mogol Pass 4,310 m – บริเวณหลังจากเดินลงจากพาสมาประมาณ 80 นาที 3,980 m
เมื่อคืนเรานอนกันในช่องหุบเขา ริมน้ำค่ะ วันนี้เลยต้องเดินตามทางลาดผ่านช่องหุบเขา เลียบแม่น้ำมาเรื่อยๆ โดยทางเดินค่อยๆ ลาดชันขึ้นๆ แล้วก็ไต่ขึ้นเขาที่ลาดชันมากขึ้นๆ จากที่เมื่อเช้าอากาศหนาว เกินไปๆ ก็แทบจะถอดเสื้อและถุงมือไม่ทันเลยค่ะ

แล้วก็ต้องลงทางลาดชันที่เป็นทางเดินแคบๆ กึ่งๆดินปนหินที่สไลด์ ลาดชันยาวลงไปจนถึงแม่น้ำ แล้วก็ต้องข้ามแม่น้ำที่ข้ามไม่ยากนัก ลองมองหาจุดข้ามดูดีๆ สนุกและลุ้นไปอีกแบบค่ะ ก็ไอ้จุดที่ข้ามได้ที่มีหินที่ไม่โครงเครงนั้นกว้างพอควรค่ะ กระโดดกันมันส์เลย
วันนี้เราต้องข้าม Sary Mogol Pass ที่สูงถึง 4,310 เมตร แน่นอนว่าเราต้องไต่ระดับสูงขึ้นๆ ซึ่งหลังจากที่เราไต่ความชันมาจนเหนื่อยหอบ แต่พอมาถึงบริเวณนี้ ทางดันลาดชันลง ก็ดีค่ะ เหมือนได้พักเหนื่อย ให้เตรียมพร้อมกับทางเดินสุดชันและสูงข้างหน้า ที่เล่นเอาหอบเพราะเหนื่อยและปริมาณออกซิเจนที่น้อยลง

แล้วทางเดินก็ลาดลงอีกครั้ง ถึงจะรู้ว่าเราต้องเดินขึ้นทางชันอีก แต่ก็หายเหนื่อยทันทีที่เห็นทัศนียภาพรอบทิศที่บริเวณนี้ ทั้งเขาเขียวๆมากมายที่เราได้เดินผ่านมาอยู่เบื้องหลัง หรือจะเป็นภูเขาสีน้ำตาลสูงใหญ่ทางด้านขวา ภูเขาหิมะขาวจั๊วขนาดใหญ่ที่ด้านซ้าย และแม่น้ำเบื้องหน้ากับภูเขาหิมะสลับเขาสีน้ำตาลที่กว้างขวาง ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าเข้มสวยบนพื้นที่สูง ก็ทำให้เพลินมากๆ เลยเชียว ถ้าไม่ติดว่าลูกหาบที่เดินตามหลังมานั้นกำลังจะแซงไปแล้ว ก็คงจะยังชมวิวตรงนี้อยู่อีกนานเลยก็เป็นได้
แล้วทางเดินก็ชันมากยิ่งขึ้น แนะนำให้เดินแบบซิกแซก (ไม่ต้องตาม trail เพราะทางเดินนั้นกว้าง ไม่ใช่ทางเดินแคบๆแต่อย่างใด) จะเดินได้ง่ายกว่า

จากนั้นก็จะมาหยุดที่หน้าผาหิมะที่มองหา trail ไม่เจอ มองเห็นแต่ก้อนหินเรียงๆกันที่บ่งบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นทางเดินที่มุ่งไปทางหน้าผาหิมะนั้น จนมาจับใจความจากลูกหาบได้ว่า นี่แหละคือ Sary Mogol Pass พาสที่เราจะต้องเดินผ่าน ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่านี่คือหน้าผาหิมะที่เราจะต้องปีนต่างหากล่ะ

ยังคงงงและมองไม่ออกว่าเราจะขึ้นไปกันยังไง คือมันชันแบบ 75-80 องศาเห็นจะได้ ทั้งทุกอย่างขาวโพน ถูกคลุมไปด้วยหิมะที่ไม่รู้ว่าลึกหนาขนาดไหน ทุกคนดูเคร่งเครียด ก็เราไม่ได้เตรียมการมาเพื่อเจอสภาพพาสแบบนี้นี่นา โชคดีที่เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเคยเป็นนักปีนเขา เลยมีการจับกลุ่มประชุม
- จัดเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมง เอาทุกอย่างเข้าในให้หมด เอาถุงเท้ามาห่อขากางเกงไว้ และให้มั่นใจว่าหมวกจะไม่หล่น พร้อมใส่ถุงมือกันหนาวไว้ด้วย
- เก็บกล้อง เก็บทุกอย่าง ลงกระเป๋า และสะพายให้มั่น ห้ามถือสิ่งอื่นใดนอกจากไม้เท้าเดินป่า เลยไม่มีรูปมาให้ชมนะคะ
- ปรับไม้เท้าเดินป่าให้สั้นลง เพราะทางมันชัน ให้กะเอาว่าพอเดินแล้ว ไม้เท้าเดินป่าจะอยู่ในช่วงการจับที่พอดี แบบไม่ต้องยกมือจับสูงเหนือหัว
- เนื่องจากไม่มีเทรล ดังนั้น เราจะต้องทำทางเดินเอง โดยให้เดินตามรอยเท้ากันมาเรื่อยๆ ให้คนแรกทำเทรล (break trail) โดยการเอาปลายเท้ากระทุ้งลงบนหิมะ 45 องศาให้เป็นร่องๆ แล้วเอาเท้าเสียบลงไปได้ โดยที่จะไม่ลื่นถอยหลัง อย่ากระทุ้งทำร่องแบบราบกับพื้น เพราะหิมะมันลื่น อาจไถลตกได้ แล้วให้เดินซิกแซกทะแยงขึ้นไปเรื่อยๆ และสลับกันเป็นคนแรกที่ break trail ทุกๆ 5 ก้าว หรือ 10 ก้าว เพราะมันเป็นงานที่เหนื่อยมากๆ
- เดินเกาะกลุ่มตามรอยเท้าคนข้างหน้า ห้ามแยกกลุ่มเด็ดขาด
- หากต้องหยุดยืนบนเทรล ให้เอาขาข้างที่อยู่ด้านชิดกำแพงผาเป็นขาหน้าเสมอ ให้เป็นขาหลักที่คอยพยุงเพื่อให้ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง เสมือนการยืนพิงกำแพง ถึงแม้จะไม่ได้เอาตัวพิงก็ตาม (หากใช้ขาข้างที่อยู่ด้านนอกเป็นขาหลัก อาจมีความเสี่ยงที่จะลื่นตกลงไปได้ เพราะหิมะอาจร่วนและหล่นลงไปข้างล่างได้ค่ะ)
- หากมีปัญหาอะไรให้ร้องบอกกันทันที
พอบรีฟกันเสร็จ จากที่งงๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหวาดเสียวและแอบกลัวนิดๆ โชคดีที่หิมะเป็นหิมะใหม่ เลยยังร่วนอยู่ ไม่ได้แข็งเป็นน้ำแข็งแบบที่จะลื่นๆ


จากนั้นก็มีผู้กล้าบุกเบิกทาง breaking trail นำไปก่อน เราก็เดินเกาะกลุ่มตามรอยเท้ากันไป พอเริ่มไต่ขึ้นผาชันๆ ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ มันชันจนน่ากลัว ณ ตอนนั้น ไม่มองไปที่อื่นแล้วค่ะ ไม่มองสูง ไม่มองต่ำ อยู่กับปัจจุบัน กับแต่ละย่างก้าวเท่านั้น ถึงแม้ขาจะสั่น เกร็ง และกลัวมากก็ตาม เอาจริงๆ หากรู้วิธีการเดินมันก็ไม่ยากเลยค่ะ ใจลึกๆ ก็แอบสนุก แต่จะเผลอไม่ได้เลย ต้องมีสติตลอดเวลา ไม่งั้นตกลงไปนี่คือชีวิตเลยนะคะ ซึ่งสิ่งที่หยกทำได้คือ หายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ ตั้งสติตลอดเวลา ค่อยๆ เดิน โดยการเอาปลายเท้ากระแซะไปยังรอยเท้าของคนข้างหน้า ซึ่งหากทำถูก เท้าก็จะอยู่ในร่อง ในช่องวางเท้าแบบนิ่งๆ (โดยที่ปลายเท้าจะอยู่ต่ำกว่าส้นเท้า เพื่อกันการลื่นไถล) ทำให้สามารถก้าวเท้าอีกข้างแล้วทำเช่นเดียวกัน ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงคิวของหยกที่ต้องเบรคเทรล
การเบรคเทรลไม่ใช่เรื่องง่าย จากที่กระแซะๆ แค่ 2-3 ทีตามรอยเท้าคนข้างหน้า ก็กลายเป็นว่าต้องกระแซะมากกว่า 5 ทีบนทางหิมะขาวๆ ที่ยังไม่มีคนเดิน โดยที่ต้องมั่นใจว่าขาอีกข้างนั้นตั้งมั่น มั่นคง และทรงตัวได้ ก่อนที่จะทำการตัดสินใจยกเท้าอีกขาเพื่อเตะนำทางข้างหน้า หยกไม่ใช่คนกลัวความสูง แต่ด้วยทางเดินที่ไม่มีทางเดินและชันมากๆ จึงทำให้หากหยกมองลงไปข้างล่างแล้วจะทำให้วิงเวียน และหน้ามืด ทั้งยังไม่อยากที่จะมองไปข้างบน เพราะยิ่งมองขึ้นไปก็จะเป็นได้ถึงความชันที่หน้าผาที่กำลังปีนนั้น อยู่ที่ระดับเหนือหัว แนบแก้ม ที่ต้องแหงนหน้า ไม่สามารถมองได้ในระดับสายตา ทั้งยังไม่อยากจะรับรู้ว่าต้องเดินอีกไกลแค่ไหน อยากจะอยู่กับปัจจุบัน และทำแต่ละย่างก้าวให้ดีที่สุด การเบรคเทรลเลยไม่ง่ายเลยค่ะ กลายเป็นว่าเราเป็นคนเบรคเทรล แต่เพื่อนเป็นคนบอกทาง (เมื่อถึงจุดที่ควรซิกแซก)
พอทำได้ไปประมาณสักสิบกว่าก้าว เท้าเริ่มล้า เริ่มรู้สึกถึงความเปียกจากหิมะ (ตอนนี้ยังไม่เจ็บค่ะ ซึ่งพอเดินเสร็จนั้น เล็บเท้านี้ม่วงเลย) ฝืนทำต่ออีกสักหน่อย จนไม่ไหวแล้ว จึงหยุดให้เพื่อนทำต่อ ซึ่งตอนนี้ทั้งเหนื่อย ทั้งหอบมาก ตอนเดินว่ายากแล้ว ตอนหยุดพักนี้ยากกว่าค่ะ พอหยุดสักพักขาก็เริ่มแข็ง (เพราะมันขยับไม่ได้) ตะคริวเริ่มถามหา จึงต้องรีบไปต่อค่ะ
พอขึ้นสูงไปเรื่อยๆ หิมะก็หนาขึ้น มีบางช่วงที่พอเหยียบลงไปแล้วขามิดจมลงไปถึงสะโพก ตกใจมาก และเป็นท่าที่ทรมานมาก ขาอีกข้างยังเหยียบอยู่สูง อยู่ที่เดิมของมัน ส่วนมือทั้งสองข้างก็ยังอยู่ที่เดิมของมัน เพื่อนที่อยู่ข้างหลังก็ตะโกนถามและพยายามจะช่วย หยกเลยตั้งสติ หายใจเข้าออกลึกๆ และบอกว่า ได้อยู่ๆ หาที่มั่นๆ แล้วทำการปักไม้เท้าเดินป่าลงไปใหม่ จากนั้นใช้แรงมือทั้งสองข้างพยุงตัวขึ้นมา ซึ่งกว่าจะขึ้นมาได้ ก็ต้องพยายามถึง 3 ครั้งจึงจะสำเร็จ จะมัวแต่ตกใจก็ไม่ได้ ตั้งสติแล้วรีบก้าวเดินต่อทันทีค่ะ แล้วก็ตกร่องแบบนี้ไปอีกหนึ่งรอบถ้วน
ถึงแม้จะตั้งสติ แล้ววางเท้าให้มั่นก่อนก้าวแต่ละก้าว แต่ก็มีช่วงที่หิมะไถล ที่ขาข้างชิดผาอยู่ในร่อง ส่วนขาอีกข้างลื่นไถลลงไป ตอนนี้คือตกใจมากๆ ทันใดนั้นมือข้างที่ชิดผาใช้แรงสุดกำลังปักไม่เท้าเดินป่าให้มั่น แต่ก็ดันติดหิน จึงรีบขยับแล้วปักใหม่ จากนั้นทำแบบเดียวกันกับไม้เท้าเดินป่าอีกข้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ไม่กี่วินาที เวลาแห่งความเป็นความตาย แล้วก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบตกใจสุดๆ คนข้างหลังซึ่งมีสติดีนั้นก็ร้องเสียงดัง จับใจความอะไรไม่ค่อยได้ รู้แต่ว่าหูอื้อไปหมด แล้วก็ต้องรีบตั้งสติก่อนจะก้าวต่อไป ต้องลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในก้าวที่แล้ว ตั้งสติให้มั่นและอยู่กับปัจจุบัน
พอใกล้จะถึงยอด ทางก็ยิ่งชันมากขึ้น หิมะเริ่มน้อยลง กลายเป็นหินที่เกาะกันอย่างหลวมๆ ที่เหยียบโดนก็ไถลร่วงหล่น ที่พอจับก็หลุดติดมือ จากทางเดินเมื่อกี้ที่ว่าน่ากลัวแล้ว ทางเดินบริเวณนี้ยิ่งน่ากลัวกว่าอีกค่ะ
แน่นอนว่าลูกหาบไม่กลัวและไม่เข้าใจที่เราพูด แต่เค้ามีประสบการณ์ไง เทรคผ่าน Sary Mogol Pass มาอย่างน้อยคนละ 2 ครั้งแล้ว ก็เดินดุ่ยๆ ขึ้นไป หิมะลื่นร่วงลงมาก ยิ่งบริเวณนี้หินก็ร่วงลงมา จนต้องตะโกนกันใหญ่ กว่าจะเข้าใจ แล้วไปเดินตรงที่หินจะไม่ร่วงมาโดนเรา

แล้วหยกก็ไปต่อไม่ได้ค่ะ ตรงนี้ชันมาก 80-85 องศาเห็นจะได้มั้ง คือแค่ยืนยังเกร็ง ยังยืนไม่ถนัดเลยค่ะ อย่าพูดถึงเรื่องหาที่เกาะ เพราะหินหลวมมาก จับตรงไหนก็ร่วง เกาะก็หลุด เหมือนลูกหาบจะเห็น เลยเดินแบบสบายมากเข้ามาช่วย ก้มลงแล้วเอามือจับๆ จัดๆ เคลียร์ทางบนพื้นให้หยกเหยียบ ส่วนอีกคนก็ยื่นมือมาให้จับ แล้วลากหยกวิ่ง หินร่วงหล่นมากมาย ถูกจับวิ่งแบบนั้นก็วิ่งสิคะ วิ่งได้ประมาณ 5 ก้าวก็ต้องหยุดเพราะไปต่อไม่ได้ ลูกหาบก็หันมาทำภาษามือว่าให้รอตรงนี้ คือวิ่งๆ มาอยู่ดีๆ ก็หยุดงี้ เราก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ยืนก็ไม่ถนัด แล้วแกก็หาทำเลเหมาะๆ วางกระเป๋าลง จนมั่นใจว่ากระเป๋าจะไม่ไหลหล่นลงไปข้างล่าง แล้วแกก็วิ่งขึ้นไปต่อ เคลียร์ทางให้ ลูกหาบอีกคนก็เดินตามมา แล้วเอาไม้เท้าเดินป่ารองเท้าหยกไว้ค่ะ เพราะหยกยืนไม่ถนัด เกาะหินก็เกาะแบบเต็มที่ไม่ได้ เพราะหินมันหลวม
สักพักก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างบน เพื่อนอีกคนเกาะโดนหินที่หลวมแล้วเกือบหล่น มาทราบที่หลังว่าเกือบจะร่วงตามหินลงไปแล้วจริงๆ ดีที่มีสติ แล้วตะครุบเกาะทัน แล้วลูกหาบคนที่อยู่ข้างหน้า ก็กำลังจะขึ้นไปช่วยเพื่อนๆ คนที่ติดอยู่ด้านบนค่ะ
แต่แล้วก็มีเสียงเฮ้ดังขึ้น เพราะเพื่อนคนนึงได้ถึงด้านบนพาสแล้ว พอหยกได้ยินเช่นนั้น มันก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง ว่าเราก็ใกล้แล้วเช่นกัน แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ข้างบนนั้น หยกไม่ทราบค่ะ เงยหน้ามองแค่แปปๆ ไม่กล้าจะมองแบบจริงจัง ไม่อยากจะรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร หรือจะต้องเดินอีกไกลแค่ไหน เพราะกลัวจะทำให้กำลังใจและความกล้าที่มีหายไปค่ะ
สักพักลูกหาบคนเดิมก็วิ่งลงมาด้วยหน้าตาที่ซีด ปากนี่ซีดเชียว แต่พลังยังเหลือล้น แล้วยื่นไม้เท้าเดินป่ามาให้หยกจับ จากนั้นก็นับ 1 2 3 แล้วก็ดึงหยกวิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้หินทั้งหลายที่อยู่บนพื้นที่หยกกำลังกึ่งวิ่งกึ่งโดนลากอยู่นั้นก็ไหลร่วงลงไปด้านล่างตลอดเวลาทุกฝีก้าวเลยค่ะ แล้วพี่แกก็หยุด ดึงไม้เท้าเดินป่ากลับไป แล้วก็วิ่งขึ้นไปช่วยเพื่อนข้างบน

เอาจริงๆ ตอนนี้ทั้งกลัว ทั้งฮา ทั้งไม่รู้ว่าจะทำยังไง จะเชื่อใจลูกหาบดีไหมที่ลากวิ่งแบบนี้ แต่ให้ไปเองก็ไปไม่ได้ค่ะ มองทางไม่ออกเลย เลยไม่มีตัวเลือกมากนัก อีกทั้งดูๆ แล้วลูกหาบคนนี้แกก็เชี่ยวชาญพอควร ถึงแม้จะดูไม่มีหลักการก็ตาม
แต่การยืนรอนานๆ แบบที่ขยับเท้าไปไหนก็ไม่ได้ นี่มันก็เกร็งมากๆ จนเหน็บจะกินเอา ก็พยายามจะผ่อนคลายกล้ามเนื้อขาให้มากที่สุด พยายามไม่เกร็ง หลังจากถูกลากมา 3 ที หยกก็ใกล้ถึงด้านบนมากขึ้นไปทุกที ตอนนี้ก็ได้ยินเสียงเฮ้ที่สอง เพื่อนอีกคนถึงด้านบนแล้วค่ะ
แล้วการโดนลากวิ่งก็เกิดขึ้นอีก ไม่ง่ายเลยค่ะ หยกต้องมั่นใจว่าหยกจับไม้เท้าเดินป่าแน่นและจะไม่หลุด ซึ่งตลอดเวลาพี่ลูกหาบก็รู้งานนะคะ แกเอาด้านที่มีห่วงคล้องมือหยกแล้วแกก็ลากค่ะ ลากครั้งนี้วิ่งยาวที่สุดและเร็วที่สุด เพราะมันชันมากๆ ทั้งก็ใกล้ถึงด้านบนแล้วด้วย แกลากหยกจนถึงด้านบน
ใช่ค่ะ หยกถึงด้านบนแล้ววว คือตอนนี้ขาแข็งสั่นไปหมด ยืนไม่ได้แล้วค่ะ นู้นไปนั่งกองกับพื้นหลังนั่งพิงหินอยู่ค่ะ สิ่งที่ไม่ได้รู้สึกตลอดระยะเวลาการปีน ก็มารู้สึกทีเดียว ด้านในมันหวิวๆ อธิบายไม่ถูก ขาและแขนสั่นไปทั้งสองข้าง ไหล่นี้ระบม นิ้วแม่โป้งมือ และฝ่ามือนี้เจ็บและระบมจากการใช้แรงกดไม้เท้าเดินป่า ตอนนี้การกำมือขวามันยากมาก แทบจะกำมือไม่ได้เลย ทั้งยังหิวน้ำสุดๆ ใช้พลังงานไปเยอะ แต่กลับไม่รู้สึกหิวเลย คือตอนนี้กินอะไรไม่ลงแล้วค่ะ
แล้วพี่ลูกหาบก็วิ่งกลับลงไปเอากระเป๋าที่ตัวเองวางไว้ ส่วนอีกคนก็วิ่งขึ้นมา ดูง๊ายง่าย

ทางเดินทั้งหมดที่ปีนขึ้นมา น่าจะไม่เกิน 200 เมตร แต่ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 45 นาทีค่ะ เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากๆ โดยที่ไต่ระดับมาจากระดับความสูงประมาณ 4,000 เมตร ขึ้นมาถึงด้านบนพาสที่สูงประมาณ 4,310 เมตร ไต่มา 300 กว่าเมตรเลยค่ะ ปาดเหงื่อแปป
แต่ก็อยู่บนนี้นานไม่ได้ค่ะ ถึงแม้ขาจะยังสั่นอยู่ก็ตาม เพราะทั้งหิมะและฝนเริ่มตก และเมฆหมอกเริ่มมาปกคลุม ทั้งยังกลัวอาการ AMS จะถามหา จนต้องรีบลงไปให้เร็วที่สุด ครั้งนี้เป็นมหัศจรรย์อะไรก็ไม่รู้ ลูกหาบทั้งสองลงไปถึงด้านล่างอย่างรวดเร็ว (ทั้งยังถึงจุดกางเต็นท์ก่อนเราซะอีก) ซึ่งทางลงนี่ลาดชันมากๆ ค่ะ ทั้งยังเป็นทางเดินดินปนหินที่ก้าวปุ๊ป ก็ลื่น ก็ไถลปั๊ป ก้าวลงหนึ่งก้าว ลื่นไหลไปสามก้าว ไถลยาวไปๆ จนฝุ่นนี้คลุ้งไปหมด จากที่ปลายแม่เท้าระบมไปเพราะกระแซะๆ หิมะมาเกือบสองชั่วโมง ตอนนี้ก็มาระบมต่อจากการไถลลงไปกับทางเดินที่สุดจะลาดชัน ขาที่ยังสั่นอยู่ก็ยังคงสั่นต่อไป พอถึงข้างล่างสุดก็มีแหล่งน้ำให้หยุดเติมน้ำและพักค่ะ แต่ก็เลือกที่จะไม่พักนานค่ะ อยากจะถึงจุดกางเต็นท์เร็วๆ แล้วพักทีเดียว ถอดรองเท้าออกให้สบายไปเลย เดินอีกไม่นานก็ถึงจุดกางเต็นท์ของคืนนี้แล้วค่ะ อยู่ริมน้ำ วิวดีสุดๆ ดีใจสุดๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งแดดก็ออกแล้วด้วยค่ะ เมฆหมอกลอยหายไปอย่างรวดเร็ว
แต่พอถึงจุดกางเต็นท์เท่านั้นแหละ หายเหนื่อยทันทีค่ะ แถมรู้สึกเหมือนกับว่ามีพลังมากขึ้นด้วยแน่ะ รีบจัดแจงกางเต็นท์ ถอดรองเท้า เอารองเท้าและถุงเท้าไปพึ่งแดด เตรียมข้าวของทำอาหารเย็นเติมพลัง เพราะหิวมากๆ วันนี้ไม่ได้ทานอาหารเที่ยงค่ะ นอกเสียจากขนมเติมพลังระหว่างทาง
วันนี้กินเยอะเป็นพิเศษ แถมนอนหลับสบายเพราะความเหนื่อยอีกด้วยค่ะ

ข้อคิดที่ได้
- สิ่งที่ยากและท้าทาย หากเรากล้า มีใจที่สู้ และคิดว่าเราจะต้องทำได้ ในที่สุดเราก็จะทำได้
- หากมีสติ ควบคุมอารมณ์อันอ่อนไหวทางด้านลบได้ ก็ชนะได้ทุกอย่าง
- การตั้งสติที่ดี ทำได้โดยการหายใจเข้าออกลึกๆ ยาวๆ อยู่กับปัจจุบัน หยุดความคิด อย่าคิดฟุ้งซ่าน และให้กำลังใจตัวเองว่าเราจะต้องทำได้
- การมีความกลัวเป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องอยู่เหนือมัน เพราะจะทำให้เราระมัดระวังและรอบคอบขึ้น อย่าให้ความกลัวมาครอบคลุมเรานะคะ
- เมื่อเจอสิ่งที่ยากและท้าทาย จะทำให้เราได้ฝึกและรู้จักใช้การเอาตัวรอดและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี แต่ทั้งนี้จะทำได้ หากเรามีการตั้งสติที่ดีควบคู่กันไปนะคะ
- ครั้งแรกของทุกอย่างยากเสมอ
- หากสามารถทำสิ่งที่ยากและท้าทายได้ ก็จะทำให้รู้ประสิทธิภาพของตัวเอง รู้ว่าตัวเองสามารถทำได้ ดังนั้นเรื่องอื่นๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
- อย่าตัดสินคนแค่ด้านที่ไม่ดี เช่น พี่ลูกหาบที่ดูไม่เอาไหน ที่ดูเหมือนไม่ใช่ลูกหาบ แบกของหนักแล้วบ่น ดูเหมือนว่าเดินไม่ไหว มาถึงช้ากว่าเราตลอดเวลา จนเราต้องรอ แต่พอเอาเข้าจริง หารู้ไม่ว่าแกทำหน้าที่ลูกหาบได้ดีเกินคาด แถมแกเร็วกว่าเราซะอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม 2-3 วันแรกช้าเหลือเกิน (วันสุดท้ายแกก็เดินเร็วเหลือเกิน สงสัยจะเป็นเพราะกระเป๋าเบาลง ของกินถูกใช้จนหมดไปแน่ๆ)
มองหาทริปลุยๆ มันส์ๆ + ไกด์หญิงคนไทย ? เนปาล? ทาจิกิสถาน? คีร์กีซสถาน? จอร์แดน? ศรีลังกา?
หยกจัดทริปแล้วค่ะ ปี 2565 สนใจทริปไหน คลิ๊กอ่านเพิ่มเติมที่ภาพได้เลยค่ะ ไปผจญภัยกัน!
Day 5: จุดที่นอนเมื่อคืน 3,980 m – Sary Mogol village

วันนี้ทางเดินง่ายค่ะ ไม่แคบ ไม่หวาดเสียว ไม่ลื่น แค่ช่วงแรกที่ชันสักหน่อย จากนั้นก็มีชันขึ้นนิดๆ ลาดลงหน่อยๆ ขึ้นเนินลูกนั้น ลงเนินลูกนี่ สลับไปเรื่อยๆ ค่ะ โดยที่ช่วงท้ายๆ ก็จะเดินลงค่ะ ลงยาวไปๆ ก็เลยเดินช้าๆ สบายๆ ค่ะ ทั้งยังออกเริ่มเดินช้าอีกด้วย ก็วันนี้วันสุดท้ายแล้ว เลยขอชิวๆ สักหน่อย ค่อยๆ ละเลียดกินข้าวเช้าไป ชมวิวไป ค่อยๆ เก็บเต็นท์ แล้วก็ค่อยๆ เดิน แต่พอเดินไปได้สักพักก็ต้องเร่งฝีเท้าค่ะ เพราะฝนตกและลูกเห็บตก ฟ้านี่มืดเชียว แต่ก็ชอบนะคะ อากาศเย็นชุ่มฉ่ำ สดชื่น สบายๆ อีกทั้งวันนี้เดินไม่ไกลมาก เลยไม่ต้องรีบเร่งค่ะ สักพักฝนก็หยุด แต่แล้วก็ตกปรอยๆ ให้ได้ชุ่มชื่นอีก 2 รอบถ้วนค่ะ ทัศนียภาพวันนี้เขียวเกือบตลอดเส้นทางเลยค่ะ
แต่มีช่วงสั้นๆ ที่ต้องเดินบนทางน้ำไหล ที่เป็นหินก้อนกลมๆ ตลอดทางจากนั้นก็ขึ้นไปเดินบนทางเดินเรียบปกติ แล้วเดินเลียบไปกับแม่น้ำจนถึงหมู่บ้านจุดหมายของวันนี้ ซึ่งมีบ้านคนอยู่ด้วยค่ะ ที่นี่จะเป็นจุดที่เราจะรอรถมารับ ซึ่งพี่ลูกหาบต้องเดินขึ้นเขา ลงเขา ลัดเลาะไปทางนู้นที ทางนี้ที เพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์เรียกรถมารับ 55+ ก็ลุ้นกันไปค่ะ เราก็นั่งจิบชาร้อนๆ กับขนมปังที่เรียกว่า นาน ที่อบเสร็จใหม่ ตามวิธีของชาวบ้านที่หอมอร่อย กรอบนอก นุ่มใน ทั้งยังได้ทานคู่กับเนยสด ที่ทำจากน้ำนมจามรี ที่เนียนนุ่มละมุนลิ้น กลมกล่อมสุดๆ อร่อยจนต้องขอเพิ่มเลยค่ะ
นั่งรอสบายๆ สัก 50 นาทีรถก็มารับค่ะ เป็นอันจบทริป กอดลูกหาบไปสองทีเพื่อขอบคุณค่ะ ขอบคุณจากใจจริงเลยค่ะ ที่นอกจากจะช่วยเรื่องแบกกระเป๋าแล้ว ยังช่วยตอนที่ข้าม Sary Mogol Pass ได้อย่างดีสุดๆ เลยทำให้ทริปสมบูรณ์มากๆ

สรุป
เทรคนี้ Heights of Alay เดินกัน 5 วัน 4 คืน ข้ามทั้งหมด 4 พาส ระยะทางรวม 87.6 กิโลเมตร คืนแรกนอน yurt คืนอื่นๆ นอนเต็นท์และต้องเตรียมอาหารและอุปกรณ์ทำอาหารไปเอง
ทั้งนี้ หากเพื่อนๆ กำลังวางแผนจะไปเที่ยวที่ คีร์กีซสถาน และมองหาสถานที่เทรคกิ้งอื่นๆ อีก หยกก็มีมาแนะนำค่ะ สวยงามมากๆ และน่าเดินมากๆ เหมือนกัน นั่นก็คือ Ala Kul Trek และ Keskenkyia Loop Trek ซึ่งหยกแบ่งออกเป็นสองบทความ คือ Keskenkyia Loop Trek 1 และ Keskenkyia Loop Trek 2 นะคะ คลิ๊กลิ้งค์เข้าไปอ่านได้เลยค่ะ
นอกจากคีร์กีซสถานแล้ว หยกยังเที่ยวในทาร์จิกิสถาน ในเอเชียกลางด้วยนะคะ ซึ่งก็ได้ประสบการณ์แห่งความอาหารเป็นพิษมา ทั้งยังเป็นการท้องเสียครั้งแรกและทรมานสุดๆ ต่อเนื่องกันถึง 3 วัน 5 วัน เลยนำวิธีการป้องกันและรับมือมาฝากค่ะ โปรดรอติดตามเรื่องราวสนุกๆ และสถานที่สวยๆ ในทาจิกิสถานด้วยนะคะ ซึ่งขอเริ่มที่ day hike ที่น่าแนะนำเป็นที่สุดที่ทางเดินง่าย ไฮกิ้ง Pshart Valley ทิวทัศน์รอบข้างนั้นสวย หลากสี และแปลกตา รับรองว่าติดใจแน่ๆ เลยค่ะ โดยต้องข้ามพาสที่อยู่สูงกว่า 4,750 เมตรที่สนุกมากมาย และยังจะเชิญชวนให้ไปพิสูจน์ความกล้ากับเทรลเล็ๆ แคบๆ บนเส้นทางที่ท้าทายสุดๆ ไฮกิ้ง Darshai Gorge หรือจะเป็นการเดินชิวๆ 2 วัน 1 คืนที่ Jizew เพื่อการพักผ่อนแบบเต็มที่ นอนสบายๆ ในโฮมสเตย์ริมทะเลสาบสีฟ้าสวย จนแบบว่าขออยู่ต่อเลยได้ไหม โดยอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์เหล่านี้เลยค่ะอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ เพื่อนๆ เคยเจออะไรยากๆ ที่คิดว่าคงทำไม่ได้หรือไม่กล้าทำแน่ แต่พอได้ทำแล้ว ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ทั้งยังภูมิใจ ปลื้มปริ่มและดีใจสุดๆ ที่เราทำได้ กันบ้างไหมเอ่ย คอมเม้นต์มาเล่าให้ฟังได้เลยนะคะ
มีข้อสงสัย คำถาม หรือ อยากแชร์เรื่องเที่ยว คอมเม้นต์ที่ช่องนี้ได้เลยค่ะ